“มาร์ค” พร้อมรับเรื่องราวร้องทุกข์ทุกกระทรวง วอนทุกฝ่ายไม่ทำให้ การเมืองเป็นอุปสรรคพัฒนาประเทศ ตอกหน้า “เพื่อแม้ว” ให้เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจไม่ใช่ปัญหา ห่วงความรุนแรงจากการชุมนุมมากกว่า
วันที่ 29 ก.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีสหภาพรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สรทท.) ออกมาต่อต้านกรณีที่ถูกพรรคชาติไทยพัฒนาล้วงลูกการทำงานและต่อต้านมติคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ขอให้ สรทท.ทำหนังสือร้องเรียนกรณีที่เกิดขึ้นมายังตนได้ เพราะในตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร ทราบเฉพาะเท่าที่ได้อ่านจากข่าว และยังไม่ได้คุยกับนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งพนักงาน ททท.สามารถเสนอรายละเอียดทั้งหมดมาให้ตนพิจารณาได้
“ผมพร้อมช่วยเหลือทุกคนอยู่แล้วและตามปกติเวลาที่มีปัญหา พอส่งหนังสือมาก็จะดูให้หมดไม่ว่าเรื่องใด และการร้องเรียนที่ผ่านมาก็มีอยู่เกือบทุกกระทรวง พอดีกรณีนี้ยังไม่มีใครยื่นหนังสือร้องเรียนมา เมื่อมีการยื่นหนังสือมาแล้วก็จะดูให้ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นใน ททท.จะกระทบกับรายได้ที่มาจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือไม่นั้น คงต้องดูคนที่ทำงานว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีผลกระทบในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานอย่างไร แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปัจจุบันก็ถือว่าดีขึ้นแล้ว”
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวปฏิเสธข้อถามที่ว่าดูเหมือนจะให้ความสำคัญการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจด้วยว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่สื่อมวลชนไปให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าเศรษฐกิจ ขณะที่ตนเองเดินสายทำงานและทุ่มเทด้านเศรษฐกิจ แต่ก็ถูกผู้สื่อข่าวถามแต่เรื่องตำรวจกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ททท.เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ได้โยกย้ายให้นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านสินค้าการท่องเที่ยว ททท. ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ลงสมัครสรรหาในตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ไปเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 ซึ่งเป็นตำแหน่งลอยที่ไม่มีอำนาจในการบริหารทั้งยังให้รองผู้ว่าการทำ หน้าที่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการและรองผู้ว่าการอีกคนละ 2-3 ตำแหน่ง ทำให้บรรดาพนักงาน ททท.แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่สถาบันวิจัยทางการเงินมูดี้ส์ มองเศรษฐกิจไทยมีปัญหาจากการเมืองว่า ต้องอยู่ที่ทุกฝ่ายที่ไม่ทำให้การเมืองเป็นปัญหาหรืออุปสรรค ตนย้ำไปหลายครั้งว่า สิ่งที่รัฐบาลทำคือพยายามเดินหน้า ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล รัฐบาลก็พยายามเอาข้อเรียกร้องข้อห่วงใยมา เช่นเรื่องรัฐธรรมนูญ มาเดินหน้า อยากจะเห็นทุกคนให้ความร่วมมือให้ปัญหาต่างๆ เดินหน้าไปได้ จริงๆ แล้วการวิเคราะห์ หลายฝ่ายก็พูดมาตลอด ภาคธุรกิจไทยก็พูดว่า อยากให้การเมืองให้โอกาสแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้นต้องเรียกร้องกับทุกฝ่ายช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยต้องการให้ทางรัฐบาลเปลี่ยนทีมแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ข้อห่วงใยทางการเมืองยังมีปัญหาจากการชุมนุม เรื่องความเสี่ยงต่อความรุนแรง ปัญหาอยู่ตรงนั้น
