ปธ.วุฒิสภาฯ ยืนกรานรัฐบาลต้องทำประชามติก่อนแก้ไข รธน.ใน 6 ประเด็นตามข้อเสนอของ กก.สมานฉันท์ ชี้ต้องผ่านความเห็นชอบจาก ปชช.ก่อนนำมายกร่างฯ
วันนี้ (28 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลยืนกรานแนวทางตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือการทำประชามติว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชน แต่การทำประชามติจะต้องมีกฎหมายรองรับ ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันนี้ (28 ก.ย.) จากนั้นจะต้องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วยว่าร่างกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยมีเวลาพิจารณา 30 วัน ทั้งนี้ กว่าจะประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน ดังนั้น หากจะทำประชามติต้องรอไปอีก 1 เดือนซึ่งคงไม่ช้าหากทุกฝ่ายจะทำงานคู่ขนานกันไป หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องทำประชามติเพราะมีเงินมากก็ทำได้
เมื่อถามว่ายังคงเห็นด้วยกับข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นหรือไม่ นายประสพสุขกล่าวว่า ตนยังเห็นด้วยกับคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าข้อเสนอน่าจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้ แต่ตนขอย้ำว่าการดำเนินการอะไรประชาชน ต้องมีส่วนร่วมและเห็นด้วย เพราะประชาชนมีส่วนได้ส่วนเสียกับรัฐธรรมนูญ เมื่อถามต่อว่าการทำประชามติควรทำก่อนหรือหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายประสพสุขกล่าวว่า ต้องทำก่อนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไปทำหลังสภาผ่านร่างแล้วจะได้อย่างไร หากทำหลังแล้วเกิดประชาชนไม่เห็นด้วยจะทำยังไง ทั้งนี้ การทำประชาชามติควรทำพร้อมกันทั้ง 6 ประเด็น โดยให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น หากเห็นด้วยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใด จึงมายกร่างแก้ไขในประเด็นนั้น
เมื่อถามต่อว่ามีคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ บางส่วน อาทิ นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ไม่เห็นด้วย และจะขอถอนตัวเป็นกรรมการสมานฉันท์ ประธานวุฒิสภากล่าวว่า กรรมการสมานฉันท์ฯ ได้หมดภารกิจไปแล้ว จึงต้องตั้งใหม่ ดังนั้นหากท่านใดถอนตัวก็ไม่ต้องตั้งท่าน เมื่อถามต่อว่าเป็นห่วงร่างกฎหมายประชามติ จะไม่ได้รับการยอมรับ เพราะระยะเวลาในการรับฟังความเห็นจากประชาชนไม่มากพอ นายประสพสุขกล่าวว่า ตนเชื่อว่าร่างกฎหมายได้รับการพิจารณาอย่างดีแล้ว ทั้งระยะเวลาก็เหมาะสมดีแล้ว เชื่อว่าประชาชนและหน่วยงานในท้องที่สามารถเข้าใจกฎหมายได้ดีอยู่แล้ว โดยหากผลการทำประชามติเป็นอย่างไรรัฐบาลย่อมต้องทำตาม
