ถึงจะนิมนต์พระสงฆ์องค์เจ้าเกจิอาจารย์บินจากเมืองไทยไปสอนนั่งกัมมฐานวิปัสนาที่คฤหาสน์หรูเมืองดูไบ “นักโทษชาย” ก็คงยุบหนอพองหนอไม่ได้แล้ว
อดีตนายกฯ รายนี้เคยนิ่งเสียที่ไหน ตั้งแต่ตกเก้าอี้มาสามปีมานี้ เคยนั่งพินิจพิจารณาตัวเองหรือไม่ ว่ากระทำการสิ่งใดไว้กับบ้านเกิดเมืองนอนมั่ง นอกจากชี้นิ้วโทษคนอื่นไปทั่ว ไม่เคยมองว่าข้าชั่วข้าเลว
ในจิตใจมีแต่ความอาฆาต พยาบาท คั่งแค้น จนฟุ้งซ่านขึ้นทุกที ล่าสุดโมโหโกรธากระทั่งกับภาพตัดต่อการ์ตูนล้อการเมือง ถ่างขาโชว์มะเร็งต่อมลูก ในหน้าผู้จัดกวน ถึงขั้นส่งทนายแจ้งความหมิ่นประมาท
ประกาศค้าความเอาเรื่องเอาราวกับมุกขำขัน ที่คนอ่านเขาฮาครืนกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง โถ ท่าจะบ้า!
วันนี้อาการของนักโทษชาย ตุหรัดตุเหร่ต่างแดน ชักไม่สู้ดี พอมีพรรคพวกแวะไปเยี่ยมก็พอหายเหงาฮึกเหิมกันเป็นพักๆ แต่พออยู่คนเดียวชักฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ ล่าสุดไปไกลถึงขั้นทะเลาะกับ “อภิสิทธิ์ตัวปลอม” ในทวิตเตอร์ โพสต์ข้อความโต้ตอบกันเป็นคุ้งเป็นแคว-ประมาณนี้
สงสัยจิตแพทย์เท่านั้นถึงจะเอาอยู่
ตรงนี้ก็ต้องขอเชิญชวนมือโพสต์ประจำเว็บแมเนเจอร์ออนไลน์ ที่หัวสร้างสรรค์ขยันคิดข้อความเด็ดๆ ลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกทวิตเตอร์ ร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ” กันให้เยอะๆ
โพสต์ข้อความ ทวิตพูดคุยธรรมดา ไม่ถึงกับต้องแช่งชักหักกระดูด เอาแค่เบาะๆสไตล์คนเสื้อเหลือง ให้นักโทษชายที่เก่งกาจรอบรู้ทุกเรื่อง ถนัดแต่พูดข้างเดียว และจ๊ะจ๋ากับแฟนคลับส่วนตัว ได้รับรู้เสียงอีกด้านอีกมุม หากไม่หายบ้าก็คลั่งหนักกันไปเลยแน่
หรือไม่เช่นนั้นต้องกระตุ้น “หนูลีเดีย” ศรัณย์รัชต์ วิสุทธาดา ให้ฝึกหัดขับเครื่องบินให้เชี่ยวชาญเร็ววัน จะได้บินลัดฟ้าไปเยี่ยมคุณพ่อที่เคารพและรักมาก ถึงขั้นนั่งซ้อนตักกันได้ มี “ยาใจคนรวย” แวะไปที่ดูไบบ่อยๆ นั่นแหละถึงจะระงับอาการคลั่ง
สวดส่งนักโทษชายหนีคดีมายืดยาว มาว่ากันอีกราย อดีตลูกน้องผู้จงรักภักดีกับนักโทษชายมาก่อนที่จะออกฤทธิ์พยศ พลิกขั้วมาอยู่กับรัฐบาลในวันนี้ “เสือห้อย”เนวิน ชิดชอบ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
เลี้ยงฉลองงานรอดคุก หลุดพ้นชนักคดีกล้ายางมาได้ ใครๆ ก็มองว่า เนวิน เหมือนพยัคฆ์ติดปีก คราวนี้ใครจะเอาอยู่ เพราะปั่นกระแสกันไปถึงขั้น จองเก้าอี้ผู้นำประเทศ วางตัวเป็นนายกฯ กันไปโน่น
ถ้าเป็นจริงในกาลข้างหน้า ก็ต้องบอกว่า อิ๊บอ๋ายกันละทีนี้ ประเทศไทย!
แต่ที่ว่าพยัคฆ์ห้อยจะลอยลมบน หลังชนักปักหลังคดีกล้ายางหลุดพ้น ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือคาด เพราะตั้งแต่พลิกข้างมาร่วมรัฐบาลก็เห็นๆ กันอยู่ว่า เนวิน และพรรคของเขา ภูมิใจไทย ที่ก่อตั้งมาไม่ถึงขวบปี ฟูเฟื่องแค่ไหน
เรตติ้งในตลาดการเมืองกระฉูด มีเรื่องให้พูดถึงไม่เว้นแต่ละวัน ที่สำคัญการก้าวเดินบนกระดานชิงอำนาจ ของเนวินแอนด์เดอะแก๊ง น่ากลัวมิใช่น้อย
ยิ่งตอนนี้ ดูเหมือนจะฮึกเหิม ลำพอง ผยองกันทั้งเครือข่ายสีน้ำเงิน ด้วยสรรพกำลังพร้อมสรรพ ทั้งเรื่องทุน เรื่องคน เรื่องคอนเน็กชั่น
นอกจากได้ช่องแตะมือกับบิ๊กๆ ท็อปบูตสีเขียว จอยต์เวนเจอร์สร้าง“ขั้วอำนาจใหม่”แล้ว ที่ดูเหมือน “เนวิน”และพรรคภูมิใจไทย จะภูมิใจ คือเรื่องการเข้าถึง“คอนเนกชันพิเศษ”
การได้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังเคลิ้ม แสดงตัวแสดงตนอวดผู้คนให้รับรู้ว่าเป็น “บุคคลสำคัญ” มาเป็นหุ้นส่วนการเมืองทำให้ “เนวิน” ชักกางปีกไม่หุบ
โดยเฉพาะกับเกมการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่เล่นชักเย่อกับนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กันมาแรมเดือนแล้ว ถึง “เนวิน-เสี่ยหนู” และเครือข่ายสีน้ำเงิน จะพยายามเด้งเชือกโยนเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ตกลงกันไม่ได้
เป็นปมร้าวฉานของ “น้องเขย-พี่เมีย” สุเทพ เทือกสุบรรณ-นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ขัดแย้งกันกับนายกฯ ในรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์เอง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า เรื่องอ้างสัญญาณพิเศษ ข้อมูลลับสุดยอด ลึกสุดใจนั้น เครือข่ายสีน้ำเงินสนุกปากด้วย เพราะ“สมประโยชน์”
แต่เพราะเกมนี้ยื้อยาว เจอลูกดื้อของนายกฯ ที่ถูกมองว่าเด็ก เวลาเนิ่นนานยังไม่มีบทสรุป ตอนนี้ชื่อที่ถูกโยนออกมา หลังจากปล่อยข่าวเป็นระยะๆ ว่า “บิ๊กสีกากี”ตัวจริงที่พรรคสีน้ำเงินต้องการดันก้นขึ้นเป็นใหญ่
พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร. ที่จะผลักดันมาเป็นตัวสอดแทรก “ตาอยู่”คว้าพุงปลา เก้าอี้เบอร์ 1 รั้วปทุมวัน
หลังจาก พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ มุมสีฟ้าสนับสนุน และ พล.ต.อ. จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. “เพื่อนแม้ว” ที่เครือข่ายสีน้ำเงิน และน้องเขย-พี่เมีย ดันสุดแรง ประลองกำลังกันยืดเยื้อ จนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก็ยังไม่รู้ผล
“บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล จึงถูกส่งมาอยู่ในบัญชีสำรอง “แคนดิเดต ล็อต2”ที่ต้องประชันกับ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี
ส่วนระดับพลตำรวจเอกที่เหลือ ทั้งรอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษา(สบ 10) คงหมดสิทธิได้ลุ้น เพราะไม่ติดยี่ห้อ“ตร.ระบอบทักษิณ” ก็เป็นจำพวกไม่มีแรงส่ง ทั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต
ฉะนั้นที่น่าสนใจ เปรียบเทียบดีกรีของสามแคนดิเดต ล็อต 2 สูตรผ่าทางตัน เหตุใดจึงต้องเป็น พล.ต.อ.วัชรพล ??
สำหรับ พล.ต.อ.จงรัก “นายพลหน้าจอ” ถึงแม้จะเป็นขวัญใจโพล และเคยได้รับสัญญาณพิเศษสนับสนุนมาก่อน แต่ว่ากันว่า“ได้พอแล้ว” กับการพุ่งพรวดพราดมาจนถึงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.
อีกทั้งเพราะที่ว่ามี “ซูเปอร์คอนเนกชัน” ไม่แพ้ “จุมพล” วันนี้ข้อมูลที่ว่าดูเหมือนจะกลายเป็น “ข้อมูลเก่า” เพราะที่จริง เส้นทางของ “จงรัก” คือ“ถนนสายเก่า” ทำให้วันนี้น่าจะ“หลุดวงโคจร”ไปเรียบร้อย
ส่วน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ถึงจะเรียกว่าเติบโตมาจาก “สายแข็ง” เช่นกัน แต่ก็มีปมค้างคา ติดปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือ ที่ยังเคลียร์ได้แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้น เก้าอี้ “รักษาการ ผบ.ตร.” ที่ พล.ต.อ.วิเชียรได้รับ น่าจะสูงสุดแล้ว
มาถึงตัวเลือกที่มีอนาคตสดใส พล.ต.อ.วัชรพล รายนี้ที่จู่ๆ โผล่มาเป็นแคนดิเดต-ตาอยู่ คว้าพุงปลา ถึงแม้จะเป็นรอง ผบ.ตร.อาวุโสรั้งท้าย เพิ่งขึ้นชั้นติดยศ พล.ต.อ. เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เพราะเป็น “เด็กสร้าง” ของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.
และแน่นอนเครือข่ายขั้วอำนาจใหม่ เนวิน-อนุทิน สองผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมใจไทย ย่อมเห็นพ้อง กับน้องชาย ป.ใหญ่ พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
ที่สำคัญ หากไม่ดูเรื่องอาวุโส พิจารณาคุณสมบัติ พล.ต.อ.วัชรพล ก็ไม่แพ้ใครในระนาบเดียวกัน ทั้งเรียนเก่ง ได้ที่ 1 ของ นรต.29 รับทุนรัฐบาลไปเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอก ผ่านประสบการณ์ครบเครื่อง ทั้งบู๊-บุ๋น
เรียกกันว่าเป็นนายตำรวจ เมกาเคลฟเวอร์ ฉลาดสุดสุด!!
ที่สำคัญคือ “คุณสมบัติพิเศษ” ที่ทำให้นายตำรวจรายนี้เจิดจรัสในวงการสีกากีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเคยเป็นนายเวรของอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.เภา สารสิน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องดูแลลูกน้องที่เคยทำงานให้ใกล้ชิดทั้งชีวิตความเป็นอยู่ และหน้าที่การงาน
พล.ต.อ.เภา พี่ชายแท้ๆ ของนาย อาสา สารสิน ราชเลขาธิการ จึงเป็นเสมือน “ลมใต้ปีก” ที่หนุนส่งให้ พล.ต.อ.วัชรพล ทะยานสู่ฟากฟ้านภากาศ และมีสิทธิที่จะคว้าดาวได้ตามความฝัน
แม้แรกเริ่มเดิมที พล.ต.อ.วัชรพล เป็นแค่ “อนาคต” ที่ผู้สนับสนุนวางไว้ชิงตำแหน่งประมุขรั้วปทุมวัน ในปีหน้า แต่เพราะโอกาสมี เห็นช่อง บรรดาสปอนเซอร์ย่อมเร่งรีบติดจรวดให้ในทันที
เป็นตัวเลือกที่เสียงเชียร์หนาแน่น ทั้งอดีตบิ๊กตำรวจ คีย์แมนพรรคสีน้ำเงิน และคู่หู พี่เมีย-น้องเขย ในรัฐบาล เตรียมชงเสนอให้ประธาน กตช. พิจารณาเป็น “ทางเลือกที่ 3”
วัดใจ “อภิสิทธิ์” อีกครั้ง!
แต่ถึงตรงนี้ แว่วมาว่านายกฯ ในฐานะประธาน กตช. ยังคงยึดในแนวทางเดิม คือการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป เข้าสู่ที่ประชุม นั่นก็หมายความว่า เกมการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คงยังยื้อไปอีกพักใหญ่ โดยไม่มีข้อจำกัด ในเรื่องเงื่อนเวลากำหนดไว้
อีกทั้งปมที่ว่าหากหลังวันที่ 30 กันยายนนี้ยังไม่ได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ รอง ผบ.ตร.อันดับ 1 พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ จะมีสิทธินั่งรักษาการ ผบ.ตร.ในทันที เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอำนาจในเรื่องการแต่งตั้งรักษาการอยู่ในมือของนายกฯ อภิสิทธิ์
โดยที่แน่นอน ไม่ว่าผลสรุปของการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จะจบลงอย่างไร จะเป็น 2 ตัวเต็ง หรือเป็นทางเลือกที่ 3 เข้ามาเป็นบิ๊กสีกากีคนใหม่ “อภิสิทธิ์” มีสิทธิที่จะเสียเลขาธิการนายกฯ คู่ใจไปในครั้งนี้
ผลกระทบจากกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่ยุ่งเหยิงเป็นประวัติศาสตร์ “นิพนธ์ พร้อมพันธุ์” ส่อแววไขก๊อกค่อนข้างแน่ และดีไม่ดีนายกฯ อาจต้องเสียขุนพลประจำรัฐบาลไปในทีเดียวกัน แบบดับเบิ้ล?