โฆษกพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหัวหน้าคณะปฏิวัติ 19 ก.ย. อ้างร่ำรวยผิดปกติ ร้อนตัวเกรงนายทหารรุ่นน้องเอาเป็นตัวอย่างปฏิวัติแล้วรวย
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่ตนและส.ส.พรรคได้ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบไปยังองค์กรอิสระ ทั้งเรื่องการรับบริจาคเงินของพรรคประชาธิปัตย์จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำนวน 258 ล้านบาท และกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินสนับสนุนจาก กกต. โดยนำเงินดังกล่าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งเรื่องนี้ กกต. ควรเร่งสรุปสำนวนและมีมติโดยไม่ต้องเกรงใจรัฐบาลหรือเกรงกลัวอำนาจหรือบารมีของคนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ตนจะยื่นหนังสือเพื่อทวงถามความคืบหน้าจาก กกต. ในวันที่ 28 ก.ย. ในเวลา 10.00 น.
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า กรณีการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขายายเที่ยง จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี เรื่องนี้ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบนายนับเดือนแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหาย ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่จะพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับกรณีที่มีการฟ้องร้องจับกุมดำเนินคดีกับประชาชนที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนบริเวณตีนเขาหรือไม่ หากนายอภิสิทธิ์ยังนิ่งเฉยไม่ยอมสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการรื้อถอนบ้านของ พล.อ.สุรยุทธ์โดยเร็ว ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิสิทธิ์และผู้เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อไป
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากกระแสข่าวว่าผู้นำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 มีทรัพย์สินเงินทองมากมายซึ่งเข้าข่ายการร่ำรวยผิดปกติ มีพลเอกบางคนร่ำรวยจากการปฏิวัติ ตนจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้ตรวจสอบและพิสูจน์ทรัพย์สินว่าได้มาอย่างไร และมีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ครบถ้วนถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่ เพราะมีบางคนพ้นตำแหน่งไปแล้วหากปล่อยให้เกิน 2 ปี คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะไม่มีอำนาจตรวจสอบ ตนมั่นใจว่าการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ทำไม่ยาก เพราะบุคคลเหล่านี้รับราชการทหารมีอัตราเงินเดือนแน่นอน การคำนวณเงินที่ได้มาตลอดอายุราชการย่อมทำได้ง่าย
“สำหรับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ นั้นจะตรวจสอบไปถึงว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติได้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎรตามประกาศ คปค. เมื่อพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองฯ ก็ควรต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยตำแหน่งเหล่านั้น ซึ่งเรื่องนี้จะขอให้กรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการด้วยเช่นกัน เพราะหากพบว่าปฏิวัติแล้วรวยไม่ผิดกฎหมาย ก็จะเป็นค่านิยมผิดๆ ให้นายทหารรุ่นหลังได้” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์แถลงถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์พูดในเวทีองค์การสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาว่าเศรษฐกิจโลกต้องแก้ด้วยเศรษฐกิจโลกต้องแก้ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลนี้เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแค่ในเศษกระดาษและตัวหนังสือ เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลนี้ไม่เคยเข้าใจหลักการเศรษฐกิจพอเพียงที่แท้จริง เพราะมีกู้เงินให้คนไทยเป็นหนี้ถึง 9 แสนล้านบาท นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้เงินของรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการชุมชนพอเพียง ในพื้นที่ ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี จำนวน 14 หมู่บ้าน จำนวนเงินกว่า 3 ล้านบาท พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โครงการไม่เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการ ทุกโครงการเริ่มมีกลิ่นการทุจริตและเป็นการสร้างหนี้ให้ประชาชน
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันกลับมีการอนุมัติเงินจำนวน 11,000 ล้านบาท ให้กับกระทรวงกลาโหมเพื่อซื้ออาวุธเพียงแค่ 5 นาทีในการอนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้อาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เรียกว่าเป็นการบริหารอันแบบอภิสิทธิ์ชน ดังนั้น เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินทางกลับจากประเทศสหรัฐอเมริกาก็ควรจะเรียกประชุมเพื่อปรับ ครม.เศรษฐกิจครั้งใหญ่ ในทุกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมาการบริหารล้มเหลว และนี่ถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่นายอภิสิทธิ์จะแก้ตัว