xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ 5 หมื่น “นังดา” ปากเปราะหมิ่น “ป๋า” ทำประเทศเสียหาย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด
ศาลอาญาสั่งปรับ 5 หมื่น “ดา ตอร์ปิโด” ขึ้นเวที นปช.กล่าวหา “ป๋าเปรม-สุรยุทธ์-สนธิ-สพรั่ง” ปฏิวัติทำประเทศเสียหาย เจ้าตัวยิ้มรับ ดีใจที่ถูกลงโทษแค่ปรับ ไม่โดนโทษจำคุก เตรียมอุทธรณ์สู้ต่อ



วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4767/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากระจายเสียง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 จากกรณีเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2550 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยได้ปราศรัยบนเวทีหน้ากระทรวงศึกษาธิการ บริเวณแยกมิสกวัน กล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ (คมช.) ผู้เสียหาย เกี่ยวกับการรัฐประหารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำนองว่าเอาทหารมาปกครองประเทศ ทำให้เกิดความเสียหาย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีทหารชั้นประทวนเบิกความว่าได้ยินได้ฟังข้อความที่จำเลยกล่าวปราศรัยบนเวที และทางนำสืบยังมีหลักฐานจากการถอดเทปคำปราศรัยของจำเลยที่กล่าวถึงบุคคลต่างๆ จึงเชื่อว่าจำเลยได้ขึ้นปราศรัยจริง ขณะที่พยานโจทก์ไม่รู้จักกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าให้การตามความเป็นจริงไม่มีเหตุที่จะให้การปรักปรำจำเลย ซึ่งแม้จำเลยจะนำสืบต่อสู้ว่าการขึ้นปราศรัยเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำรัฐประหารที่ต้องการให้การรัฐประหารสิ้นสุดไป เนื่องจากจำเลยเชื่อและสนับสนุนในการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีการเลือกตั้ง

โดยจำเลยไม่มีเจตนาวิพากษ์วิจารณ์ผู้เสียหายเป็นการส่วนตัว และการดำเนินกิจการของจำเลยเป็นไปตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้บุคคลจะมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการชุมนุมแสดงออกความคิดเห็นโดยสันติวิธีและปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 และ 69 แต่สิทธิดังกล่าวก็จะต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น เมื่อศาลพิจารณาถ้อยคำทั้งหมดที่จำเลยกล่าวปราศรัย ซึ่งพาดพิงบุคคลต่างๆ แล้วเห็นว่า การปราศรัยของจำเลยกระทำโดยใช้โทรโข่งและเครื่องกระจายเสียง ซึ่งมีผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. แบ่งย่อยเป็นหลายกลุ่มทั้งกลุ่มแกนนำ กลุ่มคนขับรถแท็กซี่ และกลุ่มผู้ชุมนุม มาร่วมฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้อยคำที่จำเลยกล่าวปราศรัยทำให้บุคคลที่ 3 เข้าใจผิด การกรทำของจำเลยจึงเกินขอบเขตของการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมิใช่การติชมด้วยความสุจริตและเป็นธรรมที่จะเป็นข้องดเว้นตามประมวลกฎหมายอาญา 329 (1) (3) ให้พ้นความผิดได้ ข้อต่อสู้จำเลยจึงไม่มีน้ำหนัก พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท แต่เนื่องจากจำเลยนำสืบว่าเคยเป็นสื่อมวลชนและจบการศึกษารัฐศาสตร์ เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยที่จะต้องระมัดระวังในการใช้คำพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่น จึงเห็นสมควรลงโทษสถานเบา เพื่อให้เป็นการหลาบจำ ให้ปรับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท

ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่หมิ่นประมาทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคดีหมายเลขดำ อ.3634/2551 นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาสั่งปรับเท่านั้น ไม่มีโทษจำคุก จึงไม่อาจนับโทษต่อได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษา น.ส.ดารณี เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยกมือไหว้และชู 2 นิ้ว เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง น.ส.ดารณี กล่าวว่า ดีใจที่ศาลลงโทษแค่ปรับ ซึ่งทำให้ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่ นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของ น.ส.ดารณี กล่าวว่า คดีนี้ก็จะยื่นอุทธรณ์เหมือนกับคดีของนายสนธิ ซึ่งตนได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลไปแล้ว โดยขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง หรือลดโทษค่าปรับ เพราะการกระทำของ น.ส.ดารณี เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ถึงแม้จะมีถ้อยคำที่รุนแรงไปบ้างก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น