“โฆษกมาร์ค” เย้ย ม็อบเสื้อแดงจุดกระแสไม่ติด ปูด เตรียมโจมตีผลตัดสิน 4 คดีใหญ่ อ้าง รบ.-กระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ชี้ มีการเคลื่อนไหวใน-นอกห้องแอร์ กดดันให้ยุบสภา พร้อมปรับกลยุทธ์เตรียมเลือกตั้ง จวก “ทักษิณ” อย่าพูดลอยๆ ม็อบมีเส้น-ไม่มีเส้น ซัด ผิดวิสัยคนไทยพูดเรื่องเขาพระวิหารให้ประเทศเสียหาย
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า เป็นโอกาสดีของคนไทยที่นายกฯ จะใช้โอกาสนี้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศชาติ ผ่านการพบปะนานาผู้นำประเทศของโลก และสื่อต่างชาติที่ต่างก็ให้ความเห็นใจขอนัดสัมภาษณ์ท่านนายกฯ ตลอดช่วงระยะเวลาที่อยู่ต่างประเทศ ดังนั้น จึงขอให้คนไทยควรให้การสนับสนุน และให้กำลังใจกับนายกฯ ในการจะเคลื่อนไหวใดๆ ขอให้คำนึงถึงภาพพจน์ผู้นำประเทศไทยที่กำลังทำหน้าที่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย เพราะนายกฯ ไม่ได้เดินทางไปในฐานะผู้นำประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังไปในฐานะประธานอาเซียนด้วย
ส่วนกรณีความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น นายเทพไท กล่าวว่า พบว่า มีการเคลื่อนไหวใน 2 ลักษณะ คือ 1.การเคลื่อนไหวในภาคสนามตามท้องถนน ซึ่งวันนี้พิสูจน์แล้วว่า การเคลื่อนไหวโดยจุดกระแสประเด็นเดิมๆ จุดไม่ติดแล้ว บรรดาแกนนำจึงออกมาพูดถึงคดีใหญ่ 4 คดี คือ การทุจริตการจัดซื้อกล้ายาง กรณี ครม.สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ มีมติ ครม.เรื่องเขาพระวิหาร กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกรณีการออกหวยบนดินของรัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงคงจะฉกฉวยโอกาสนำคำตัดสินของคดีความเหล่านี้มาขยายผลเพื่อเคลื่อนไหว หากผลคำตัดสินที่ออกมาไม่เป็นที่ถูกใจของแกนนำและคนเสื้อแดง ก็จะเคลื่อนไหวในลักษณะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลและกระบวนการยุติธรรมมี 2 มาตรฐาน และถูกแทรกแซง ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ออกมาโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดงระดับบนในภาควิชาการ โดยอาศัยแนวร่วมอดีตบ้านเลขที่ 111 แกนนำพรรคพลังประชาชน และแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีการจัดสัมมนาในนามขององค์กรสถาบันต่างๆ ในหัวข้อเรื่อง 3 ปีของการปฏิวัติ ซึ่งทั้งหมดเป็นการโจมตีการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และความล้มเหลวของ คมช.ในการทำรัฐประหาร ซึ่งสร้างความแปลกใจให้สังคมที่ในงานสัมมนาดังกล่าวกลับมีการเชิญ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.มาร่วมด้วย ทั้งที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติในการรัฐประหารในครั้งนั้น และส่วนที่ 2 ยังมีการเคลื่อนไหวในระดับล่างคือ การตั้งโรงเรียน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในระดับปฏิบัติการไว้รองรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงโดยมีการอบรมแกนนำชุมชน แกนนำระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นการจัดตั้งคนในพื้นที่เพื่อล้างสมอง เพื่อปลุกระดมคนในพื้นที่ต่างๆ การเคลื่อนไหวทั้ง 2 ส่วน ทั้งในภาคสนามและในห้องแอร์ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง ต่างก็ปรับกลยุทธ์ในการเคลื่อนไหวกดดันให้รัฐบาลยุบสภามากยิ่งขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวจุดกระแสให้มีการปฏิวัติไม่สำเร็จ จึงมีการกำหนดแผนต่างๆ ขึ้นมารองรับ
นายเทพไท กล่าวต่อถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุความเห็นผ่านทวิตเตอร์ถึงการชุมนุมของม็อบมีเส้นกับม็อบไม่มีเส้น ว่า รัฐบาลไม่เคยทราบว่าม็อบไหนมีเส้นหรือไม่มีเส้น คำว่า ม็อบมีเส้นพูดออกมาจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อนหน้านี้ อยากถามว่าม็อบไหนกันแน่ที่เป็นม็อบมีเส้น และถ้ามีเส้นจริงอยากถามว่าเป็นใคร ไม่อยากให้พูดลอยๆ เพื่อให้คนตีความ หรือจินตนาการไปยังบุคคลอื่น ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยคิดว่าม็อบไหนมีเส้นหรือไม่มีเส้น แต่รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อแดง หรือม็อบเสื้อเหลือง หากใครทำผิดกฎหมายก็ต้องจัดการ ไม่เว้นแม้แต่ม็อบเสื้อแดงที่มีการปราศรัยจาบจ้วงทำให้บุคคลอื่นเสียหายก็จะดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาหมิ่นประมาท
นายเทพไท กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์ว่ารู้หรือไม่ว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา เพราะเราแพ้คดีที่ศาลโลกตั้งแต่สมัยที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ ทั้งหมดแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะแก้ตัวว่าตัวเองพูดไม่หมด แต่คำพูดก็สื่อให้เห็นความคิดในจิตใต้สำนึกในการแสดงออกถึงความรักชาติหรือไม่ ผิดกับวิสัยของคนไทยทั่วไปว่าอะไรที่ทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศไทยก็จะละเว้นที่จะพูดถึง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูดทำให้ประเทศชาติเสียหาย เป็นการแสดงให้เห็นว่าจิตใจส่วนลึกยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาแล้ว แต่เมื่อได้รับการท้วงติงก็ออกมาปฏิเสธแบบน้ำขุ่นๆ