ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ลงมติเห็นด้วยแก้ รธน. 6 ประเด็นตามฉบับ กก.สมานฉันท์ ยอมรับมีข้อเสนอทำประชามติตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาร่าง ให้การบ้านพรรกาคเมืองไปหาศึกษารายละเอียด นัดหารือนอกรอบ 24 ก.ย. ก่อนเสนอนายกหลังกลับจากสหรัฐฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ แถลงข่าว
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมด้วยนายประเกียรติ นาสิมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ตัวแทนวิปฝ่ายค้าน และ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่าย โดยนายชินวรณ์กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นด้วย ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกรอบข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็น ส่วนกรอบการดำเนินการและรายละเอียดในการแก้ไขนั้น ให้แต่ละฝ่ายกลับไปหารือก่อนที่จะกลับมาหารือนอกรอบกันอีกครั้งในวันที่ 24 ก.ย.เวลา 14.00 น.ที่รัฐสภา จากนั้นจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีภายหลังจากกลับจากประเทศแล้ว
ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ความคิดของนายกรัฐมนตรีกรณีการตั้ง ส.ส.ร.นั้นไม่ได้หมายความว่า ส.ส.ร.1 หรือ ส.ส.ร.2 แต่หมายถึงการดำเนินการแบบ ส.ส.ร.เร่งด่วนที่อยู่ในรูปแบบของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่ประกอบด้วย ส.ส. ส.ว. นักวิชาการ ตัวแทน ส.ส.ร.40 และส.ส.ร.50 ที่จะดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็นตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ส่วนการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้เกิด ส.ส.ร.3 นั้นไม่มีการพูดถึงแต่จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อบรรยากาศทางการเมืองเอื้ออำนวยเท่านั้น เช่น หากสภาหมดอายุ หรือมีการเลือกตั้งใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเห็นของ พล.อ.เลิศรัตน์ ถือเป็นมติร่วมหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว การตั้ง ส.ส.ร.3 นั้นยังไม่มีการหารือกัน ในที่ประชุมมีข้อเสนอเรื่องการทำประชามติและการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อยกร่างกฎหมาย แต่จะมีความชัดเจนอีกครั้งในการประชุมนอกรอบวันที่ 24 ก.ย.
ส่วนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ส.ส.และส.ว.จะร่วมมือดำเนินการตามมติของวิป 3 ฝ่าย นายชินวรณ์กล่าวว่า อยู่ระหว่างให้การบ้านพรรคการเมืองไปทำ ส่วนการดูว่าจะมีความร่วมมือแค่ไหนนั้น ต้องดูรายชื่อ ส.ส.และส.ว.ที่มาร่วมลงชื่อเพื่อยื่นญัตติด้วย
ส่วนแสดงว่าวิป 3 ฝ่ายจะใช้กลไกสภาในการแก้ไขโดยปฏิเสธที่จะใช้ ส.ส.ร.ใช่หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่ใช่ข้อสรุป ในส่วนของประเด็น ส.ส.ร.หรือคณะกรรมการอิสระนั้นจะให้แต่ละฝ่ายไปหารือกันอีกครั้งเพื่อความรอบคอบ
ขณะที่ นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายเห็นตรงกันว่า ต้องดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น ทุกฝ่ายจะลงชื่อร่วมกันเพื่อเสนอ ส่วนประเด็นอื่น หรือกระบวนการต่างๆ นั้นให้แต่ละฝ่ายไปหารือกันอีกครั้ง ในส่วนของการทำประชามติที่นายกรัฐมนตรีพูดนั้น เป็นเพียงความคิดเท่านั้น ยังไม่มีอะไรแน่ชัด สำหรับการตั้ง ส.ส.ร.3 นั้นที่ประชุมไม่ได้มีการหารือกัน แต่ก็เป็นข้อหนึ่งที่มีการเสนอ รวมถึงการทำประชามติและการตั้งคณะกรรมการอิสระด้วย ที่มีการเสนอขึ้นมาเช่นกัน แต่เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่จะไปหารือกัน
สำหรับกระบวนการหรือวิธีการในการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายประเกียรติกล่าวว่า เมื่อวิป 3 ฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 6 ประเด็น วิปฝ่ายค้านก็ได้เสนอแนวทางการแก้ไขคือ จะทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นให้เป็นร่างเดียวแล้วให้ทุกฝ่ายร่วมลงชื่อเห็นด้วย จากนั้นจะใช้เสียงของสมาชิกรัฐสภาจำนวน 1 ใน 5 เสนอเข้าสู่การพิจารณาในสภา คิดว่าหากทำแบบนี้จะดีกว่าการที่วิปรัฐบาลเสนอการแก้ไขแบบเป็น 6 ประเด็น 6 ร่าง เพราะเมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องกันแล้วว่าจะแก้ทั้ง 6 ประเด็นก็ไม่ควรที่จะแยกเป็น 6 ร่าง เมื่อทำอย่างนี้แล้วปัญหาทุกอย่างก็จะจบได้
นายประเกียรติกล่าวอีกว่า เราไม่กลัวว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ประเด็นที่จะทำเป็นร่างเดียวนั้นจะถูกตีตกในการประชุมสภา เพราะหากทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล และวุฒิสภาสามารถคุมเสียงได้ก็ไม่มีปัญหา แต่อย่าปล่อยให้ฟรีโหวตก็แล้วกัน ทุกอย่างก็จะจบได้ ใครไม่เห็นด้วยในมาตราไหนประเด็นไหนก็แก้ไขในชั้นแปรญัตติได้ นอกจากนี้ ที่เราจะเสนอในการประชุมวิป 3 ฝ่ายครั้งต่อไป คือ เมื่อมีการแก้ไขทั้ง 6 ประเด็นแล้วจะต้องยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันที แต่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเสนอที่สวนทางกับฝ่ายรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไม่เอาด้วยแล้วเราจะร่วมด้วยต่อไปหรือไม่นั้นคงต้องหารือกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องการตั้งส.ส.ร.3เราไม่ร่วมด้วยอย่างแน่นอน