“ส.ว.ไพบูลย์” เชื่อรัฐบาลไทยยึดหลักเจรจาพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร เสียเปรียบเขมรทุกรูปแบบ เสนอให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านภูมิซรอล เหตุเป็นชื่อเขมร จี้รัฐบาลผลักดันเขมรพ้นพื้นที่รักษาอธิปไตยเหนือแผ่นดิน ด้าน “คำนูณ”เสนอเพิ่มกำลังทหารเสริม
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่โรงแรมสยามซิตี คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทพระวิหาร ได้จัดสัมมนาเรื่อง “แสวงหาความจริง แผ่นดินเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่กรกฎาคม 2505-2552” โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. นายสมปอง สุจริตกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมเป็นวิทยากร ขณะที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีพิพาทเรื่องเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สุดมาสู่โต๊ะเจรจา แต่ไม่แน่ใจว่ากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลจะเสียเปรียบในการเจรจาหรือไม่ หากเกิดการขัดแย้งกับกัมพูชาแล้วก้าวเลยไปสู่พหุภาคีแล้ว เรื่องอาจกลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้ง ไทยจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็ยังไม่รู้ แต่ตนมองว่าไทยอาจมีโอกาสเสียเปรียบ เพราะมีเอกสารจำนวนมากที่จะต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะการบันทึก เอ็มโอยู ที่มีผลให้ไทยต้องยอมรับในแผนที่ไปโดยปริยาย
ด้าน นายไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องการเจรจาปักปันเขตแดนนั้น ตนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเจรจาอีก เพราะเรื่องมันจบมาตั้งแต่ปี 1907 แล้ว ถ้าปักปันอีกเราต้องเสียดินแดน โดยอาจต้องเสียไปถึงสายน้ำ ภูเขา สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้ เรื่องนี้ควรตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาเพื่อพิสูจน์เขตแดนทั้ง 73 หลักให้ได้ก่อน โดยไม่เกี่ยวกับตัวเขาพระวิหาร โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องออกจากพื้นที่ แต่หากทางเขมรจะเข้ามาในพื้นที่ต้องมาขึ้นทะเบียนกับทางไทย และต้องให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้หมด แล้วเราจึงจะถอนทหารออกมา ถ้าไม่ได้ก็ต้องเพิ่มกำลังทหารเข้าไป ตนอยากให้เปิดอุทยานเขาพระวิหารให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปเที่ยว และให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่สาธารณะ ให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ต้องพิจารณาแยกพื้นที่นั้นออกจากหมู่บ้านภูมิซรอล แล้วควรเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านใหม่ เพราะชื่อนี้เป็นภาษาเขมรที่แปลเป็นไทยว่า แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ แสดงว่าประชาชนชาวเขมรอุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่ประชาชนไทยสมบูรณ์
นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการเพิกถอนสิทธิตามพระราชกฤษฎีกามาตรา 7 เพื่อให้คนออกจากพื้นที่ รัฐบาลสามารถทำเป็นโฉนดชุมชนตามนโยบายใหม่ของรัฐบาลชุดนี้ที่มีความถนัดอยู่แล้ว ตนจะเรียกร้องต่อรัฐบาลโดยเสนอให้มีการทบทวนเรื่องอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ปล่อยให้ฝ่ายกัมพูชา มายึดถือครองแต่ฝ่ายเดียว ขณะที่ประชาชนชาวไทยทำอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะ ททท.ที่ชอบออกมาระบุว่าทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว แต่หากปล่อยอย่างนี้ปราสาทพระวิหารจะกลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงามของกัมพูชาฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ตนจะติดตามใกล้ชิดว่าขณะนี้นายสุวรรณ วัฒนพิทักษ์พงศ์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ที่โดนคำสั่งย้ายเพราะปล่อยให้การ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้นไปยึดที่ทำการสำนักอุทยานที่ผ่านมา ว่าขณะนี้โดนย้ายไปอยู่ที่ไหน
ขณะที่ นายคำนูณกล่าวเสริมว่า คนไทยมีความรู้สึกรักชาติทุกคน นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ทุกรัฐบาลไม่ค่อยสนใจกับปัญหานี้ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐบาล โดยปล่อยให้อีกฝ่ายดันเข้ามา ต้องให้คนของเราออก ถ้าเป็นเช่นนี้ก็แพ้อย่างเห็นๆ แล้วปล่อยให้เขมรอยู่ต่อไป การผลักดันชุมชนชาวเขมรออกจากพื้นที่ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องทำ ซึ่งตนเชื่อว่ามีหลายวิธี 1.ให้ประท้วงอย่างเป็นทางการ 2.ใช้กำลังทหารผลักดันเพื่อเพิ่มพลังการเจรจาของทางฝ่ายไทย
นายสมปองกล่าวว่า ในการประท้วงเพื่อจะรักษาดินแดน ควรทำด้วยวาจา แต่หากไม่เกิดผลก็ต้องทำอกเหนือจากการประท้วงด้วยมาตรการอื่น เพื่อเป็นแรงกดดันบีบบังคับให้คนกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่เป็นของไทย แต่เรื่องนี้ต้องกำหนดมาตรการเป็นขั้นตอน และต้องดำเนินการเด็ดขาดโดยเร็ว