โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา หนุนข้อเสนอนายกฯ ผ่านทางตันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้ควรนำ 6 ประเด็นกรรมการสมานฉันท์หารือก่อนทำประชามติถามประชาชน ระบุ ส.ส.ร.3 เหมาะกับการแก้ไขทั้งฉบับมากกว่า พร้อมชื่นแนวร่วมพันธมิตรฯร่วมตัวทวงคืนเขาพระวิหาร แต่หวั่นกลายเรื่องบานปลายจนกลายเป็นชักศึกเข้าบ้าน แนะรัฐทำความเข้าใจก่อน
วันนี้ (18 ก.ย.) นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีในการประชุมร่วมสองสภา ว่า เบื้องต้นพรรคขอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยนำร่างและประเด็นข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯเป็นหลัก โดยเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีในการยกร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ต้องการแก้ไข เพื่อทำประชามติเพราะการทำประชามติเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ตามพรรคยังคงยืนยันในเรื่องกรอบเวลาโดยต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัตินี้
“นายกรัฐมนตรีควรกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนลงไปเลยว่าจะทำให้เสร็จเมื่อใด ส่วนร่างที่ยกขึ้นมาเมื่อประชาชนประชามติแล้วเห็นชอบให้แก้ไขกี่ประเด็นพรรคยอมรับได้ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 237 หากผ่านความเห็นชอบของประชาชนพรรคหวังว่าคงไม่ต้องมีข้อกังขาอะไรอีก” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ พรรคมองว่า หากเป็นแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับพรรคเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยการมี ส.ส.ร.ควรมีภายหลังการแก้ไขปัญหาระยะสั้นในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ไปก่อนแล้ว
“ส.ส.ร.3 ถึงเวลาก็ต้องทำ แต่พรรคเกรงข้อครหาว่าการมีสสร.Top of Form 1 คือ การซื้อเวลา นอกจากนี้ก็ไม่อยากแปลความว่า ส.ส.ร.หมายถึง ส.ส.รอไปอีก 3 ชาติ ทั้งนี้ จากการที่ผมได้ติดตามการอภิปรายของที่ประชุมร่วม ผมรู้สึกเสียดายที่นายกรัฐมนตรีอภิปรายข้อเสนอในช่วงท้ายของการอภิปรายทั้งที่นายกฯ อาจมีธงอยู่ในใจอยู่แล้ว โดยผมคิดว่านายกฯ ควรพูดเร็วกว่านี้ จุดยืนของพรรคในวันนี้ยังคงไม่สนับสนุนสสร.ในการแก้ไขปัญหา เพราะข้อเสนอของกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่เสนอให้แก้ไข 6ประเด็นเป็นแนวทางที่ตกผลึกมานานแล้ว” โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว
นายวัชระ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกพรรคการเมืองลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกัน ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้าว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคใหญ่อาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้อาจกระทบกับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีซึ่งหากไม่เป็นเอกภาพอาจต้องกลับไปสู่แนวทางการมีสสร.ในที่สุด
นายวัชระ ยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มการเมืองทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ในส่วนของคนเสื้อแดงพรรคไม่ห่วงจำนวนผู้ชุมนุม แต่ห่วงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมาจากผู้ชุมนุมหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ พรรคจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายและยึดหลักสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่จังหวัดศรีษะเกษมากกว่า อยากฝากไปถึง นายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถือว่าภารกิจคือรักษาแผ่นดินบ้านเกิด แต่ถามว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือเปล่า ทั้งนี้ตนมองว่าการแสดงออกของพันธมิตรฯ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเป็นสิ่งที่คนไทยควรทำ แต่หากการกระทำนั้นสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาหรือนำศึกสงครามเข้ามาในประเทศ ตนอยากวิงวอนให้พันธมิตรฯ ใช้แนวทางอื่นในการเรียกร้อง ซึ่งตนขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ให้ช่วยทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมว่าทำอย่างไรเราจะไม่เสียเปรียบ และไม่เป็นผู้แพ้ เพราะทราบมาว่าในพื้นที่มีทั้งแรงหนุนและแรงต้าน จึงขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลที่จะตามมา
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวอีกว่า สำหรับวันที่ 19 ก.ย.เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการยึดอำนาจนั้น ตนขอเรียกร้องให้หน่วยงานหรือผู้เกี่ยวข้องช่วยประเมินหรือทำบทสรุปว่า 3 ปีจากการยึดอำนาจประเทศไทยได้หรือเสียอะไรไปบ้าง ส่วนกระแสข่าวที่พรรคมาตุภูมิส่งเทียบเชิญถึงพลเอกสนธิ บุณยรัตนกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พรรคขอแสดงความยินดีด้วยโดยหากจะเปิดตัวกันในวันที่ 19 ก.ย.พรรคก็ไม่ว่าอะไร
