กำลังหลักในการขับเคลื่อนของกลุ่มคนเสื้อแดง คงหนีไม่พ้น 3 เกลอหัวขวด อย่าง"จตุพร พรหมพันธุ์" "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" และ"วีระ มุสิกพงศ์" ซึ่งก่อนที่ทั้งสามเกลอ จะนำทัพคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันเสาร์นี้ เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน พาไปรู้จักกับทั้งสาม เริ่มจาก"ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์"กับเส้นทางชีวิตจากเด็กที่ต้องอาศัยวัดพักพิงในอดีตกับฐานะในปัจจุบันที่มั่งมี อันมีผลมาจากการทุ่มเทเพื่อระบอบทักษิณ
กุฏิเจ้าคุณระแบบ อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ซุกหัวนอนแห่งแรกของ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ เมื่อครั้งจากบ้านเกิดในอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้ามาศึกษาต่อในเมืองกรุงตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยเหตุที่เจ้าคุณระแบบเป็นพี่ชายต่างมารดา
“ตู่” เริ่มจับกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่เริ่มก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยอาสาช่วยงานรุ่นพี่ในพรรคอธิปัตย์ พรรคนักศึกษาในรั้วรามคำแหงสมัยนั้น จากนั้นได้ย้ายเข้าสังกัดพรรคสัจธรรม ร่วมงานกับรุ่นพี่อย่าง “วัชระ เพชรทอง” บ่มเพาะประสบการณ์ ก่อนจะแยกตัวออกมาตั้งพรรคใหม่ในนาม “ศรัทธาธรรม”
วัชระ เพชรทอง
ย่างก้าวสำคัญที่เป็นใบเบิกทางให้ “ตู่ จตุพร”สู่บทบาทการเมืองนอกรั้วมหาวิทยาลัยและขยับเข้าสู่การเมืองระดับชาติ คงเป็นอานิสงส์จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งช่วงนั้นหลายคนยอมรับในอุดมการณ์ของตู่ จตุพร ที่ยอมเสี่ยงชีวิตและทุ่มเทเพื่อประชาชน
“วัชระ เพชรทอง” เป็นหนึ่งในรุ่นพี่ที่ยอมรับว่า ช่วงแรกๆ “ตู่ จตุพร “เป็นคนดีที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน แม้พื้นฐานของรุ่นน้องคนนี้จะจัดอยู่ในชั้นธรรมดา เพราะเป็นเด็กที่มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะฐานะการเงินที่ไม่คล่องตัวนัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รุ่นพี่คนนี้ จะเลี้ยงข้าวน้องตู่เป็นประจำ
"ตอนที่ทำกิจกรรมนั้น ก็ปรากฏว่าคุณจตุพรได้จัดกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ที่ภูหินร่องกล้า ก็ไปค้างค่าอาหารร้านแม่สุพรรณ จำนวนประมาณ 4-5 พันบาท จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้จ่ายคืนแต่อย่างใด และค้าง คือยืมเงินนักศึกษาหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในพรรคสัจจธรรม ยืมเงินเพื่อใช้ในกิจกรรมที่ภูหินร่องกล้า คือน้องกุ๊ก 1,500 บาท เพื่อรับน้องใหม่ ก็ยังไม่คืน และไปพิมพ์โปสเตอร์หาเสียงที่โรงพิมพ์ของโกเส้ง คือโรงพิมพ์โอเอ็นจี. ประมาณสัก 1 หมื่นบาท ก็ยังไม่ได้ไปจ่ายโรงพิมพ์แต่อย่างใด ยังค้างตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้" วัชระ เพชรทอง กล่าว
อภิชาต ครุฑทอง
อภิชาต ครุฑทอง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์รามคำแหง อีกหนึ่งรุ่นพี่ที่คลุกคลีกับตู่ จตุพร เพราะหน้าที่การงานที่ต้องติดตามทำข่าวการเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่ทำกิจกรรมทางการเมือง ได้เล่าถึงตู่ จตุพรว่า เป็นคนนิสัยมุทะลุ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ลืมตู่ไม่ลง คงจะเป็นเรื่องเงิน ที่ตู่ติดหนี้เพื่อนเมื่อครั้งจัดงานลูกพ่อขุนกลับบ้านผูกสัมพันธ์สังสรรค์รามคำแหง 2541 จำนวน 10,000 บาท ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ตู่ก็ยังไม่ยอมคืนหรือปริปากถึงเงินจำนวนนี้เลย
"เรื่องข้อมูล รู้อย่างเดียวก็คือ ไปรับเงินมาเมื่อปี 41 จัดงานสังสรรค์คนรามคำแหงที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ก็ได้เงินจากคุณชำนิ ศักดิเศรษฐ 10,000 บาท แต่เขาไม่ได้จ่ายให้กับงาน ข้อเท็จจริงผมยืนยันได้ คุณชำนิบอกว่าเดี๋ยวค่อยเคลียร์ ค่อยเคลียร์ เงิน 10,000 บาทนั้น ได้มาจากคุณชำนิ ศักดิ์เศรษฐ เขาก็ยังไม่ให้งาน เพราะว่าการจัดงานเอสซี ปาร์ค วันนั้นก็เจ๊ง ขาดทุน พอรู้ว่าขาดทุนก็เลยไม่ได้ให้เงินคืนคุณชำนิ ศักดิเศรษฐ" อภิชาติ ครุฑทอง กล่าว
นางมาลี ศิริทอง
ไม่แตกต่างจากเพื่อนบ้านที่อำเภอนาสาร สุราษฎร์ธานี ที่เชื่อว่า การเมืองทำให้ “ตู่ จตุพร”เปลี่ยนไปจากเด็กนิสัยดีที่เคยรู้จักสมัยเยาว์วัย กลายมาเป็นนักการเมืองที่ก้าวร้าว ซึ่งหากเป็นลูกหลานคงต้องว่ากล่าวตักเตือนให้รู้จักความพอดีมากกว่านี้
"มันผิดกันเลยกับตอนเด็กๆ ตอนนี้มัน ถือว่ามันโตแล้ว มันความคิดมันมีของแต่ละคนนะ แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็นิสัยใจคอดี เล่นกับเพื่อนดี " นางมาลี ศิริทอง เพื่อนบ้านนายจตุพรกล่าว
ตัวตนและความก้าวร้าวของ “ตู่ จตุพร” เริ่มปรากฏเด่นชัดมากขึ้นนับแต่เข้าซบพรรคไทยรักไทย จนอาจารย์วิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อดีตอาจารย์ที่ปรึกษาในรั้วรามฯ ถึงกับออกปากรู้สึกผิดหวังกับลูกศิษย์คนนี้ ที่ยอมขายอุดมการณ์เพียงเพื่อแลกกับบทบาททางการเมือง
วิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อดีตอาจารย์ที่ปรึกษา
"ก็หวังว่า ถ้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจอันวิเศษ มีพลังซึ่งเราไม่รู้ เป็นปรากฏการณ์นอกธรรมชาติ สามารถดลจิตใจให้เขากลับคืนสู่ความถูกต้องได้ ในความคิดของเขาเนี่ย อาจจะถูกของเขา ของผมอาจจะผิดก็ได้ แต่มันเป็นความเชื่อของแต่ละคน ก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นไปได้ ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับมา เพราะว่าเขาเป็นคนดี พื้นจิตใจเขาเป็นคนมีคุณธรรม"วิวัฒนชัย กุลมาตย์ อดีตอาจารย์ที่ปรึกษานายจตุพร กล่าว
ทุกวันนี้ตู่ จตุพร ไม่ได้อาศัยกุฏิวัดเป็นที่หลับนอนเหมือนในอดีต เพราะมีฐานะการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีทาวน์โฮม 3 ชั้นหลังงาม ราคาเกือบ 3 ล้านบาท ในหมู่บ้านวิสต้า พาร์ค วัชรพล หนึ่งในโครงการของบริษัท เอสซี แอสเสท ในเครือตระกูลชินวัตร เป็นที่พักอาศัย ในขณะที่มารดาของตู่ จตุพร ยังคงต้องอาศัยบ้านหลังเก่าในอำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากบุตรชายคนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบอย่างที่อภิชาตบุตรพึงมีต่อบุพการี
บ้านนายจตุพร ที่หมู่บ้านวิสต้า ปาร์ค
บ้านที่มารดานายจตุพร อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
มารดานายจตุพร