“กลุ่มอีสานพัฒนา” แฉ “แก๊งออฟโฟร์” มือขวานายกฯ บินถึงฮ่องกง เจรจาเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6 พัน หวังเงินก้อนมหาศาลพันล้าน สร้างอาณาจักร เล็งตั้งพรรคใหม่ แนะเร่งขจัดคอร์รัปชัน จ้องยื่น ป.ป.ช.สอบ ประกาศพร้อมเข้าชี้แจงที่ประชุมพรรคทุกเรื่อง ไม่หวั่นโดนสอบ
วันนี้ (4 ส.ค.) นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน สมาชิกกลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีที่มีบุคคลใกล้ชิด นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ว่า ล่าสุด ทางกลุ่มอีสานพัฒนาได้ข้อมูลมาว่ามีบุคคลที่ใกล้ชิดนายกฯ และอยู่ในแก๊งออฟโฟร์ บินไปเจรจาที่เกาะฮ่องกง เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อเจรจาล็อบบี้กับนักธุรกิจ เพื่อจะได้ผลประโยชน์เอื้ออาทรจากโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6 พันคัน เพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นทุนในการไปสร้างพรรคการเมืองใหม่ รวมทั้งยังปูฐานวางเครือข่ายในกระทรวงต่างๆ ที่มีหน้าที่ในการจัดสรรงบประมาณวงเงินมหาศาล ไม่ว่าจะงบประมาณการปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ที่ทางกลุ่มหวังเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์เพื่อกลุ่มตนเอง
“ตอนนี้กลุ่มอีสานพัฒนาได้ข้อมูลหลายส่วนเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะพบว่าข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของกรมปกครองส่วนท้องถิ่น มีสภาพที่หวาดกลัวจะถูกฝ่ายการเมืองเล่นงานสั่งย้าย หากไม่ทำตามคำสั่งที่ฝ่ายการเมืองในแก๊งออฟโฟร์ ที่ต้องการและพยายามหากินกับโครงการโดยการเซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ เพื่อเอาผลประโยชน์มาไว้ในกลุ่ม ตรงนี้ไปตรวจสอบได้ว่าใครดูแลส่วนใด พูดแค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว เพราะผมและ ส.ส.อีกหลายคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว ที่มีการวางแผนหาทุนสร้างบารมีของกลุ่มตัวเอง เพื่อมีอำนาจต่อรองในการเลือกตั้งในอนาคต ซึ่งมีการเตรียมไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นการเนรคุณต่อพรรค” นายศักดา กล่าว
นายศักดา ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในการผลักดันโครงการดังกล่าวเป็นวงเงินเป็นแสนล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการวางเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท คงไม่มีบริษัทในประเทศไทยทำได้ จึงมีความพยายามเจรจากับบริษัทเพียงบริษัทเดียวบินไปคุยถึงเกาะฮ่องกงเมื่อเร็วๆ นี้ จึงขอให้จับตาให้ดี หากมีการดำเนินการสำเร็จ เพราะผลประโยชน์เป็นเงินหลายพันล้านบาท ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วโครงการดังกล่าว ไม่ได้เป็นนโยบายที่พรรคได้ประกาศในการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำไมถึงมีการเร่งรัดรวดเร็ว จนผิดสังเกตแทนที่รัฐบาลจะเร่งผลักดันนโยบายเรื่องน้ำ โครงการเอสเอ็มแอล และอีกหลายเรื่องที่คนอีสานกำลังเฝ้ารอ และคาดหวังจากนายกรัฐมนตรีที่ได้ประกาศไว้ เพราะรู้ว่าปากกับใจตรงกัน
“เรื่องนี้พวกเราอยากเห็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อไปได้ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ต้องกล้ากำจัด และทำให้สะอาดในการบริหาร ถ้าท่านนายกฯสงสัยก็สามารถสอบถามได้จากท่านอดีตนายกฯบรรหาร ศิลปอาชา ท่านทราบข้อมูลมากพอสมควรว่าพฤติกรรมใครเป็นอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจในการบริหารประเทศชาติ ถึงวันนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไข ปรับปรุงได้เพราะยังเป็นนายกฯอยู่สามารถุแก้ปัญหาต่างๆ ถ้าไม่ขจัด ปล่อยให้เหลือบ เห็บ ไรในรัฐบาลจะเป็นปัญหาต่อชาติในอนาคต” นายศักดา ย้ำ
ทั้งนี้ นายศักดา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มจะรอฟังว่านายรัฐมนตรีจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งท้ายที่สุดหากนายสมัครเพิกเฉย ก็อาจหารือภายในกลุ่มเพื่อขอมติว่าจะใช้ช่องทางการตรวจสอบโดยยื่นหลักฐานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบต่อไป
นายศักดา กล่าวยืนยันว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชน วันที่ 5 ส.ค.นี้ ตนจะเข้าร่วมประชุมอย่างแน่นอน พร้อมชี้แจงในการออกมาเปิดโปงคนใกล้ชิดนายกฯมีการกระทำทุจริตหลายสิบเรื่อง ให้ทุกคนในพรรคเกิดความเข้าใจ ซึ่งกลุ่มมีเจตนาบริสุทธิ์ใจ ต้องการให้ทำให้เกิดความโปร่งใส และพร้อมเปิดเผยข้อมูลในอดีตถึงปัจจุบันให้รับทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุด มี ส.ส.ในพรรคบางคนเตรียมเสนอให้คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคสอบสวนตนนั้น ขอยืนยันว่า ตนต้องปกป้องพรรคที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ ดังนั้น เมื่อพบสิ่งที่ผิดปกติ ไม่ชอบมาพากลจึงจำเป็นต้องออกมาเปิดเผยเพื่อให้เกิดความถูกต้อง ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคอย่างที่มีสมาชิกบางคนในพรรคเป็นห่วง
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตตอบโต้ว่า นายศักดา เคยอยู่สังกัด นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมาก่อน ซึ่งการออกมาเคลื่อนไหวตรวจสอบครั้งนี้เป็นเพราะไม่ได้รับผลประโยชน์ นายศักดา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนมาเคยสังกัดกลุ่มนายเนวิน แต่การออกมาตรวจสอบเรื่องต่างๆ ของตนนั้น เป็นจุดยืนทางการเมืองที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมบางอย่างภายในพรรค ซึ่งหากย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีก่อนในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่ตนได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ ก็เคยอภิปรายคัดค้านการจัดสรรงบประมาณที่มีลักษณะกระจุกตัวให้กับกลุ่มคนๆเดียว