xs
xsm
sm
md
lg

บทปลอบปลุกและทายท้า...การเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

-1-

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ไม่ใช่เจ้าของประเทศทั้งหมด

แต่พลังพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่เป็นพลังทางศีลธรรม หากยังร้อยรัดผนึกพลังกันไว้ก็จะยังเป็นกลุ่มพลังที่ทรงค่าทรงความหมายทางสังคมยิ่ง

เป็นพลังที่จะปกบ้านป้องเมือง ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์

25 พ.ค. 52 พันธมิตรฯ มีมติเดินหน้าตั้งพรรคการเมือง เป็นอีกหนึ่งอาวุธ หนึ่งเครื่องมือที่จะเติมเต็ม สานความฝัน สานภารกิจของตัวเองให้เป็นจริง

แน่นอนว่า การสร้างพรรคการเมือง อาจทำให้พลังพันธมิตรฯ ในมิติการเมืองภาคประชาชนอ่อนแรงลงบ้างในระยะเรียนรู้-เปลี่ยนผ่าน ปรับขบวน

แต่สุดท้ายการเมืองคู่ขนานระหว่าง “พันธมิตรฯ” กับ “พรรคการเมืองใหม่” ก็จะเดินหน้าเติบใหญ่ต่อไปได้ ตราบใดที่ทั้งสองส่วนยังมั่นคงในอุดมการณ์และยุทธศาสตร์ร่วม...

“ยุทธศาสตร์ร่วม” ยุทธศาสตร์เดียวกันคือ...สร้างการเมืองใหม่...

-2-

ผู้หลักผู้ใหญ่อย่าง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ บอกว่า “การเมืองใหม่ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง”

“การเมืองใหม่” คือสภาวการณ์ใหม่ โฉมหน้าใหม่ของการเมืองที่จะต้องช่วยกันสร้างเพื่อฉุดนำให้ประเทศก้าวพ้นจากหลุมดำแห่งความอัปยศ การทุจริตคอร์รัปชันที่ยิ่งนานวันจะสูบกินและแทะทึ้งประเทศของเราให้เหลือเพียง “ก้างปลา” หรือเศษเนื้อข้างเขียง

ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา บอกเราว่าถึงเวลาที่จะต้องสร้างนักการเมืองพันธุ์ใหม่ในระบบรัฐสภาให้มากที่สุด ต้องหยุดวงจรอันเลวร้าย เราต้องสร้างตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับชาวบ้าน หากเราไม่สร้างนักการเมืองที่ดี ประชาชนก็ไม่รู้จะไปเลือกใคร...

กระนั้น...การเมืองใหม่ พูดง่ายแต่ทำยาก และอาจจะยากกว่าการเมืองนอกสภาที่ขับไล่ทักษิณเมื่อปี 2549 และขับไล่ 2 นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2551

วันนี้การเลือกตั้ง-การเมืองในสภา ไม่น่าจะเป็นรูปการต่อสู้ที่พันธมิตรฯ ถนัด

แต่พันธมิตรฯ น่าที่จะสรุปบทเรียนได้ว่า แม้การเมืองภาคประชาชน การเมืองที่ต้องเคลื่อนมวลชนบนท้องถนนจะยังจำเป็นและสำคัญ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ นับวันหากไม่มีความชอบธรรม ความเคลื่อนไหวก็จะยิ่งถูกโดดเดี่ยว และไร้ค่า

ดุจดั่งสิ่งที่แลเห็นและเป็นไปในวันนี้ กรณีแม่ทัพคนเสื้อแดงกำลังนำพาประชาชนไปอย่างไร้ทิศผิดทาง...

พรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ถึงแม้อาจจะไม่ถึงขั้นที่จะต้องพูดคำโตว่า “เป็นความจำเป็นทางประวัติศาสตร์” อย่างยิ่งยวดที่จะต้องมีหรือต้องเกิด แต่ในสภาพการณ์ที่ประชาชนยากจะฝากความหวังไว้กับพรรคการเมือง-นักการเมืองส่วนใหญ่ที่มีอยู่ได้

“พรรคการเมืองใหม่” กลายเป็นทางเลือก ทางหวังที่จะต้องมีและต้องเกิด...

-3-

พันธมิตรฯ เหนือคลอง กระบี่ ขึ้นป้ายตอนจัดงานเมื่อเดือนส.ค. 52 ที่ผ่านมาว่า “ไม่เสียสละ ชัยชนะไม่เกิด”

พันธมิตรฯ สู้จนบาดเจ็บล้มตาย แขนขาด ตาหลุด ทุพพลภาพ และบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 700 คน ในสงครามยืดเยื้อ 193 วัน

แต่ในอีกไม่นานกับศึกเลือกตั้งที่พันธมิตรฯ ส่งพรรคการเมืองใหม่ไปทำศึกเป็นสงครามในอีกรูปแบบ เป็นสงครามที่พันธมิตรฯ ต้องเร่งทำการบ้านให้ชัดเจนและสอบผ่านในบทเริ่มต้น

ถ้าร่มใหญ่คือพันธมิตรฯ ไม่เข้าใจ ไม่หนุนช่วย ไม่ช่วยกันจัดทัพปรับกระบวนท่า และตัวพรรคการเมืองใหม่กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือมวลชน พรรคการเมือง (ใหม่) ก็จะกลายเป็นอาวุธที่ทื่อและด้านยากที่จะประสบความสำเร็จได้

ชัดเจนว่านอกจาก “ความเสียสละ” แล้ว “ความสามัคคี” คือกุญแจ-ตัวแปรแห่งความสำเร็จหรือล้มเหลว

ขณะที่พรรคการเมืองใหม่แม้ต้องเปิดใจกว้างในการสร้างแนวร่วม สร้างพรรค แต่ต้องยึดหลักปักธงอุดมการณ์ให้มั่นคง ไม่เป็นไม้หลักปักขี้เลนแบบการเมืองเก่า

กองเชียร์ของแนวรบการเมืองใหม่ต้องไม่สนับสนุนในสิ่งที่ผิดพลาด ความคิดอ่าน ความรู้สึกนึกคิดของผู้สนับสนุนควรมากกว่าความเบื่อหน่ายการเมืองเก่า ต้องมากกว่าความอยากเห็นเพื่อนของเราได้เป็น ส.ส.เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี...

หากแต่เป็นความปรารถนาแห่ง การเมืองใหม่ ประเทศไทยดีขึ้น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์มั่นคงแข็งแรง

เป้าหมายของเราคือบ้านนี้เมืองนี้มีการเมืองที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล เปิดพื้นที่การเมืองให้ประชาชนจากหลายภาคส่วนมีบทบาททั้งทางอ้อมทางตรงมากขึ้น มีระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ช่องว่างความความร่ำรวยความยากจนต้องหดแคบ ชีวิตลูกหลานไทยมีความหวังมีอนาคต อยากเรียนต้องได้เรียน ภายใต้คุณภาพการศึกษาใหม่ที่ดีกว่าเดิม ต้องหมดยุคเด็กสาวแอบขายตัวเพื่อส่งตัวเองให้เรียนปริญญาโท แต่จบออกมาแล้วตกงาน...ฯลฯ...

-4-

ที่แนวรบด้านตะวันออก พันธมิตรฯ สัตหีบ ชลบุรี จัดประชุมตั้งสภาพันธมิตรฯเพื่อหนุนเสริมยุทธศาสตร์ “การเมืองใหม่” ภายใต้

วิสัยทัศน์ : ปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สร้างการเมืองใหม่เพื่อควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจ และส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

พันธกิจ : สร้างมวลชนพันธมิตรฯ อ.สัตหีบ ทั้งปริมาณและคุณภาพ ให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความสามัคคีในหมู่คณะเพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนการเมืองใหม่...

พันธมิตรฯ สู้กับระบอบทักษิณมายาวนาน 3 ปีเศษ จากยุค 2549 “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ที่สนธิ ลิ้มทองกุล ลั่นกลองรบมาถึงปี 2552 นี้เรายังต้องแบกรับภารกิจสู้เพื่อ “การเมืองใหม่”

ถูกต้องที่สุด....การเมืองใหม่ การเมืองที่ดีจะต้องน้อมรับพระราชดำรัสพระบรมราโชวาทใส่เกล้าใส่กระหม่อม โดยเฉพาะพระบรมราโชวาทที่ว่า...จะต้องสนับสนุนคนดีให้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง...

เหลียวหลังแลหน้าและมองไปรอบด้านวันนี้ สังคมไทยยังมีคนดี คนกล้าอีกมากมาย แต่พวกเขา ไม่มีโอกาส เหมือนนักการเมือง นักเลือกตั้งที่มีอยู่แค่ 2,000 คนในประเทศนี้

และโอกาสที่ไม่มีดังว่าก็จะยังไม่มีอีกต่อไป...ถ้ายังไม่ยอมออกมาร่วมกันสร้าง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น