อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน
นอกจากการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ ที่ต้องลุ้นว่า จะเกิดเหตุรุนแรง-เผาบ้านเผาเมืองซ้ำรอยเมื่อเดือน เม.ย.หรือไม่ จนรัฐบาลต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ดักหน้าเอาไว้แล้ว ยังมีประเด็นที่แกนนำ นปช.ประกาศสถาปนา “รัฐไทยใหม่” ขึ้นมา พร้อมเปิด “โรงเรียนคนเสื้อแดง” เพื่อหาแนวร่วมให้มากขึ้น แถมให้แนวร่วมไปล้างสมองคนในครอบครัวให้เป็นคนเสื้อแดงให้ได้ เพื่อร่วมกันขับไล่รัฐบาลและระบอบอำมาตยาธิปไตยต่อไป โดยตั้งเป้า หากโรงเรียนคนเสื้อแดงผลิตนักเรียนเสื้อแดงได้ 1 ล้านคนเมื่อไหร่ วันนั้น ประเทศไทยจะเป็นไปตามที่คนเสื้อแดงชี้นิ้ว ฟังอย่างนี้แล้ว ลองไปดูว่า นักวิชาการมองการประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ และการเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงอย่างไร และมั่นใจแค่ไหนว่า จะไม่เกิดเหตุรุนแรง 19 ก.ย.
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ
ใกล้ถึงวันนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง 19 ก.ย.แล้ว ครั้งนี้เปลี่ยนจากสนามหลวง เป็นลานพระบรมรูปทรงม้า เจตนาของการชุมนุมครั้งนี้ แกนนำอ้างว่า เนื่องจากครบรอบ 3 ปีของการยึดอำนาจ 19 ก.ย.2549 จึงต้องการรำลึกถึงความอดสูที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยทั้งหมด ส่วนเป้าหมายที่กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนพลไปก่อกวน คือหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยอ้างคำเดิมว่า เพราะ พล.อ.เปรม อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.บอกว่า การไปบ้าน พล.อ.เปรม ครั้งนี้ เพื่อชี้ให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เห็นว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร จนประเทศไทยเสียหายทุกด้าน ยังสุขสบายอยู่ในบ้านหลังนี้
ด้านรัฐบาล ตัดสินใจป้องกันเหตุรุนแรงและความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ด้วยการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.นี้ โดยครอบคลุมพื้นที่เขตดุสิต ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.และ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ขู่ว่า หากรัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม คนเสื้อแดงจะไม่ชุมนุมแค่ 1 วันตามที่ประกาศไว้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนนัดชุมนุมใหญ่ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.ได้ประกาศสถาปนา “รัฐไทยใหม่” พร้อมเดินหน้าโครงการ “โรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.“แดงทั้งแผ่นดิน” หรือโรงเรียนคนเสื้อแดง โดยเริ่มอบรมรุ่นแรกเมื่อวันที่ 12-13 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังอบรม ได้ข้อสรุปให้ผู้เข้าอบรมขยายผล 7 ข้อ ซึ่งล้วนแล้วแต่มุ่งขยายสมาชิกคนเสื้อแดงให้มากขึ้น เช่น ขยายผลไปยังคนหนุ่มสาว, เดินหน้าโครงการ 1 อำเภอ 1 วิทยุชุมชน 1 คนเสื้อแดง ,ทำให้คนใกล้ตัวหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นคนเสื้อแดงให้ได้ ฯลฯ ส่วนวัตถุประสงค์ของการเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงภายใต้การประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่นั้น แกนนำ นปช.อ้างว่า เพื่อให้ได้คนเสื้อแดงนักประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ ซึ่งจะร่วมกันขับไล่รัฐบาลอำมาตยาธิปไตยและระบอบอำมาตยาธิปไตย โดยจะเคลื่อนไหวกดดันทุกที่ที่รัฐบาลอำมาตย์ไป, ขัดขืนต่อการใช้อำนาจของรัฐบาลชุดนี้, ไม่สนับสนุนสินค้าของระบอบอำมาตย์, เรียกร้องให้นำ รธน.2540 กลับคืนมา
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.บอกว่า ตั้งเป้าผลิตนักเรียน นปช.หรือคนเสื้อแดงให้ได้ 1 ล้านคน พร้อมคุยโวว่า เมื่อได้ 1 ล้านคนเมื่อไหร่ คนเสื้อแดงจะชี้นำประเทศนี้ไปทางไหนก็ได้ “หากเราสามารถผลิตนักเรียน นปช.ได้ 1 ล้านคน ก็จะสามารถได้คนเสื้อแดงนักประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ไม่ว่าเราจะชี้นิ้วไปทางไหน ประเทศนี้เป็นตามนิ้วที่คนเสื้อแดงชี้ ดังนั้นพวกเราต้องเป็นครูเพื่อหาลูกศิษย์สอนให้รู้จักแดงทั้งแผ่นดิน”
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาถามกลับ นายวีระ มุสิกพงศ์ ว่า ที่ประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่นั้น คิดอะไรอยู่ ทั้งที่แนวคิดดังกล่าวขัดต่อ รธน.ในข้อหาเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรไทย ถ้าไม่พอใจระบอบการปกครองของราชอาณาจักรไทยในปัจจุบัน ก็ควรไปหาแผ่นดินใหม่สร้างอาณาจักรของตัวเอง แล้วไปเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นประมุขก็ได้ “ขอเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวเข้าไปตรวจสอบว่า หลักสูตรเหล่านี้(ของโรงเรียนเสื้อแดง)เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐหรือไม่ ถ้าผิดกฎหมาย ต้องเร่งจัดการทันที เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบ เพื่อให้โอกาสรัฐบาลแก้ปัญหาที่มีอยู่ให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว เชื่อว่า หากไม่มีพวกตัวถ่วงสังคมแบบนี้ ประเทศไทยคงไปไกลกว่าที่เป็นอยู่”
ลองมาดูกันว่า นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จะมองการประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่และการเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงอย่างไร และห่วงว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.จะเกิดเหตุรุนแรงหรือไม่?
ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เชื่อว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.จะไม่เกิดเหตุรุนแรง พร้อมชี้ การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อาจเป็น “ดาบสองคม” เปิดช่องให้มีการปฏิวัติได้ แต่เชื่อว่าทหารจะไม่ทำ เพราะขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยให้ขับไล่หรือล้มรัฐบาล
“เรื่องนี้มันก็เป็นดาบสองคม เพราะในอดีตมันมี อย่างได้ยินว่าคนเขากลัวเรื่องปฏิวัติ ซึ่งการที่จะปฏิวัติได้ มันก็มีทางตรง-ทางอ้อม ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดโดยทางอ้อม ในลักษณะของมีเหตุตะล่อมเข้ามา แล้วก็ทหารก็เข้ามาถือโอกาสปฏิวัติ นี่โดยอ้อม แต่โดยตรงก็คือในภาวะหนึ่งที่ทหารสามารถระดมกำลังอาวุธกองทัพขึ้นมาได้เนี่ย อย่างในการประกาศภาวะฉุกเฉินเนี่ย ก็น่ากลัว ถ้าเกิดว่าทหารจะผสมโรง โดยการใช้กำลังตรงนี้ดำเนินการในการยึดอำนาจได้ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าทหารจะใช้โอกาสอย่างนี้ก็จะทำให้ทหารเองนั่นแหละเสื่อมเสีย เพราะด้วยเหตุที่ไม่มีปัจจัยที่จะขับไล่หรือล้มรัฐบาล เพราะฉะนั้นก็ไม่ค่อยห่วงอะไรวันที่ 19 ก.ย.นี้ และคิดว่าก็จะเป็นว่า ถ้าพูดถึงปรากฏการณ์เสื้อแดง ก็เริ่มจางๆ และจะมีขาประจำ แดงขาประจำ ซึ่งผมคิดว่ามีไม่มาก ทีนี้ถ้าใช้ เขาจะมาตรงพระรูปทรงม้าเนี่ย ก็อาจจะด้วยเหตุผลนี้ มันจะได้ไม่โล่งโจ๋งเจ๋ง คนน้อย พื้นที่ขนาดนี้ก็กำลังพอดี เพราะฉะนั้นก็เป็นสิ่งที่เราพอจะรู้ว่า กำลังคือความเข้มแข็งของฝ่ายเสื้อแดงเนี่ย มันก็เบาบางลง”
ส่วนกรณีที่แกนนำ นปช.ประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่และเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดง โดยหวังว่าเมื่อผลิตนักเรียนคนเสื้อแดงได้ 1 ล้านคน จะสามารถทำให้ประเทศนี้เป็นไปตามที่คนเสื้อแดงชี้นั้น ผศ.ทวี ชี้ว่า เหมือนเป็นการคุยโม้โอ้อวดมากกว่า และว่า ในทางวิชาการแล้ว การจะสร้างกลุ่มใดก็แล้วแต่ขึ้นมาและทำให้กลุ่มเข้มแข็งได้ ต้องอาศัย 4 ปัจจัยหลักๆ 1.ประเด็นในการต่อสู้ หรืออุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่า การสถาปนารัฐไทยใหม่ของแกนนำ นปช.เป็นเพียงเป้าหมายหลอก ส่วนเป้าหมายหลักคือต้องการให้มีการอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมากกว่า 2.ผู้นำกลุ่ม ซึ่งต้องมีความโดดเด่นและเข้มแข็ง ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงไม่มีอย่างเด่นชัด 3.การจัดองค์กรกลุ่ม ซึ่งตอนแรกคิดว่ากลุ่มเสื้อแดงมีการชุมนุมและจัดองค์กรเป็นอย่างดี แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายในการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็สะท้อนแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างที่หลายฝ่ายคิด 4.เงินสนับสนุน ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงคงมีเงินสนับสนุน แต่การจัดระบบของการสนับสนุนไม่เป็นระบบ พร้อมเชื่อ การหาสมาชิกเพิ่มของกลุ่มเสื้อแดงต้องมีการจ่ายเงินให้สมาชิก แต่สมาชิกคงไม่ออกมายอมรับว่าได้รับเงิน ดังนั้นการประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ หรือการเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงเพื่อหาสมาชิกเพิ่ม จึงไม่น่าจะเป็นอะไรที่มั่นคงแข็งแรง แต่เป็นเพียงการออกโปรเจ็กต์ใหม่มาเพื่อเลี้ยงดูพรรคพวกในหมู่แกนนำมากกว่า
ด้านดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรง เพราะทุกฝ่ายต่างได้บทเรียนจากเหตุการณ์เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนกรณีที่แกนนำ นปช.ประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ และเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงนั้น ดร.ปริญญา บอกว่า แกนนำ นปช.ต้องพูดให้ชัดว่า “รัฐไทยใหม่” คืออะไร? ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เกินเลยหรือขัด รธน.ก็เป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้
“ผมคิดว่าในระบอบประชาธิปไตยของเรา ซึ่งเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออกในขอบเขตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมคิดว่าถ้าเกิดทาง นปช.ทางกลุ่มคนเสื้อแดงเขาเคลื่อนไหวในขอบเขตตรงนี้ เป็นสิทธิเสรีภาพของเขาในการที่จะเสนอความเห็น สำคัญคือ มันต้องเป็นเรื่องของการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และอยู่ในขอบเขตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่ง รธน.ก็เขียนขอบเขตเอาไว้อยู่แล้วว่า ถ้าเกิดมีใครใช้สิทธิเสรีภาพเกินกว่าขอบเขตนี้ไป รธน.ก็จะไม่คุ้มครอง อันนี้ก็เป็นหลักทั่วไป”
“(ถาม-คุณจตุพรบอกว่า ที่คุณวีระประกาศสถาปนารัฐใหม่ น่าจะเป็นเพราะว่าตอนนี้อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการได้ตายไปแล้ว?) ผมคิดว่ามันก็ยังทำหน้าที่ แต่ละฝ่ายก็ยังทำอยู่นะ เพียงแต่ว่ามันจะได้อย่างที่เราต้องกันทุกฝ่ายหรือไม่ อย่างไร อันนั้นก็เป็นข้อซึ่งมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ผมคิดว่าในแง่ของการใช้คำว่ารัฐไทยใหม่เนี่ย คุณวีระ (มุสิกพงศ์) คงต้องมาขยายความหน่อยล่ะ เพราะเมื่อพูดออกมาแล้วเนี่ย ก็คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะสงสัยว่าความหมายของมันคืออะไร (ถาม-อ.เป็นห่วงว่าการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.นี้ของคนเสื้อแดงนี้จะรุนแรงมั้ย?) ผมไม่คิดว่าจะรุนแรงหรอก เพราะสงกรานต์ที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนกับทุกฝ่ายอยู่แล้วว่าใครทำเกินขอบเขตไป สังคมย่อมไม่สนับสนุน ผมจึงไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ขอให้รัฐบาลใช้ เช่นเดียวกันนะกับการ รัฐบาลจะเป็นใคร หรือผู้ชุมนุมจะเป็นใครก็แล้วแต่ ก็ให้การใช้สิทธิในการชุมนุมอยู่ในขอบเขต โดยสงบและปราศจากอาวุธ และผมคิดว่าถ้าเคารพในจุดนี้ และเคารพซึ่งกันและกัน ผู้ชุมนุมก็เคารพการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็เคารพสิทธิผู้ชุมนุม ผมคิดว่าปัญหาไม่เกิดหรอก ให้อยู่ในขอบเขตที่ว่าละกัน ผมยังมองอยู่ว่า มองในแงดี 19 ก.ย.นี้ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง เพราะสงกรานต์ที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนต่อทุกฝ่ายอยู่แล้ว”
ดร.ปริญญา ยังแสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงวันที่ 19 ก.ย.เพราะ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐมากกว่าที่ควรจะมี ดังนั้นการประกาศดักหน้าไว้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยดีนักในทางการเมือง
ด้าน ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดถึงกรณีที่แกนนำ นปช.ประกาศสถาปนารัฐไทยใหม่ และเปิดโรงเรียนคนเสื้อแดงว่า ต้องดูว่าคนเสื้อแดงมีอุดมการณ์อย่างไรแน่ ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงควรพูดให้ชัดว่าจะสร้างเพื่อนร่วมอุดมการณ์เพื่ออะไร พร้อมเห็นด้วยว่า ผู้เกี่ยวข้องควรตรวจสอบว่าหลักสูตรของโรงเรียนคนเสื้อแดงผิดกฎหมายหรือไม่
“ผมก็ภาวนาให้อุดมการณ์ของคนเสื้อแดงเป็นอุดมการณ์ที่สร้างสรรค์ เป็นอุดมการณ์ที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ไม่ใช่ประโยชน์ในลักษณะอื่น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าเป็นอย่างอื่น ผมต้องดูก่อน พูดง่ายๆ คือ คนเสื้อแดงมีอุดมการณ์อะไร ก็พูดมาให้ชัดๆ จะสร้างเพื่อนร่วมอุดมการณ์เพื่ออะไร ก็พูดให้ชัดๆ (ถาม-คุณเทพไท เสนพงศ์ เรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวเข้าไปตรวจสอบหลักสูตรของคนเสื้อแดงที่เปิดอบรมว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐหรือไม่ เข้าข่ายกบฏหรือเปล่า? รัฐบาลมีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างนั้น ถึงไม่มีคนมาเรียกร้อง รัฐบาลในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐในการรักษาความมั่นคงของรัฐ ในการรักษาความสามัคคี ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ รัฐจำเป็นต้องมีมาตรการในการตรวจสอบว่าการเคลื่อนไหวของคน ทั้งในเรื่องการให้การศึกษาอบรม การเผยแพร่ลัทธิหรือความเชื่อต่างๆ ที่คนกระทำและกระทำต่อมวลชน ต่อสาธารณชนเนี่ย เขาทำไปเพื่ออะไร เขาทำอะไรบ้าง ความจริงหน้าที่นี้รัฐบาลทำอยู่ทุกวัน แต่จะทำได้ทั่วถึงหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากัน”
“ยกตัวอย่างเช่น ใครจะเปิดโรงเรียนสอนศาสนา สอนลัทธิ ความเชื่อ ก็ต้องขออนุญาตนะ ไม่ใช่ใครจะเปิดก็ได้ ถ้ากลายเป็นโรงเรียนเถื่อนเขาก็ปิดได้นะ และการเปิดโรงเรียนสอนศาสนาหรือลัทธิใดใด ก็จะต้องมีหลักสูตรหรืออะไรชัดเจนว่า ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง ต่อวัฒนธรรม ต่อสิ่งที่เรามีอยู่ในสังคม ในมหาวิทยาลัยที่เราสอนกันอยู่นี้ เราไม่สามารถสอนอะไรที่เป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ เรื่องผี เรื่องสอนให้ใครเที่ยวเกลียดใคร หรือใครไปเที่ยวฆ่าใครเนี่ย เราสอนไม่ได้นะ ผิดกฎหมาย ในทำนองเดียวกัน นักบวช หรือเจ้าลัทธิต่างๆ เที่ยวไปสอนให้คนเกลียดกัน ฆ่ากันเนี่ย ไม่ได้ ผิดกฎหมาย ทั้งกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น สมัยนี้ถ้ามีคนผิวขาวออกมาเที่ยวบอกว่า ฆ่าคนผิวดำแล้วไม่บาป สมัยก่อนก็มีพระศาสนาพุทธองค์หนึ่งสมัยปี 2516 ผมเป็นนักเรียนเนี่ย ออกมาสอนชาวพุทธว่า ฆ่าพวกคอมมิวนิสต์ไม่บาป อยากจะบอกว่า ทั้งหมดนี้มันผิดกฎหมายทั้งนั้นเลย ไปเที่ยวทำให้คนเชื่อในสิ่งที่เชื่อแล้วทำให้คนไปกระทำผิดหรือฆาตกรรม ทำลายวัฒนธรรมของประเทศ หรือสร้างความวุ่นวายความไม่สงบ จริงๆ ผิดกฎหมายหมดเลย เพราะฉะนั้นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รักษากฎหมาย มีหน้าที่คอยกำกับตรวจสอบเรื่องเหล่านี้โดยหน้าที่ ใครจะมาเรียกร้องหรือไม่เรียกร้อง ก็ต้องทำทั้งนั้น”
ส่วนที่มีข่าวว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ญาติผู้พี่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ แต่เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้เรียกร้อง แค่บอกว่าเป็นทางออกหนึ่งของสถานการณ์ในขณะนี้นั้น ศ.ดร.จรัส เชื่อว่า จะไม่มีการปฏิวัติในช่วงนี้ เพราะความอยากปฏิวัติของทหารมีน้อยมาก ประกอบกับรัฐบาลไม่ได้สร้างเงื่อนไขให้ทหารปฏิวัติ และว่า การปฏิวัติหรือยึดอำนาจนั้น หากทำโดยใช้ประโยชน์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากจะไม่ชอบธรรมและไม่สามารถอธิบายกับประชาชนได้แล้ว การยึดอำนาจนั้นยังจะถูกต่อต้านอย่างแรง จนในที่สุด แม้จะยึดอำนาจมาได้ แต่ก็จะไม่สามารถรักษาอำนาจนั้นไว้ได้!!