xs
xsm
sm
md
lg

“สมเจตน์-บรรณวิทย์” ประสานเสียงม็อบแดงไร้น้ำยา 19 ก.ย.ไม่มีปฏิวัติ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช.)
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 4 พัน “พล.ต.ต.มณเฑียร” อดีต ผบก.ประจำ สตช.แจ้งความเท็จกองปราบ กล่าวหา “พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม” อดีต หน.สำนักงานเลขาธิการ คมช.ปลุกทหารปฏิวัติ ศาลชี้จำเลยตีความถ้อยคำให้สัมภาษณ์ผิดแล้วเอาไปแจ้งความ ปรานีให้รอลงอาญา 2 ปี เจ้าตัวยันใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อ ขณะที่ “สมเจตน์” เชื่อชุมนุมใหญ่เสื้อแดง 19 ก.ย.ไม่รุนแรง ไม่มีปฏิวัติซ้ำ แต่เตือน จนท.รัฐอย่าประมาท ด้าน “พล.ร.อ.บรรณวิทย์” ฟันธง สถานการณ์ไม่ถึงขั้นปฏิวัติ เหตุพรรคร่วมรัฐบาลประสานผลประโยชน์ลงตัว แนะนายกฯ ทบทวนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กระทบต่างชาติตื่นตระหนก



วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.45 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2811/2551 ที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช อดีตผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 174 และ 181 กรณีเมื่อวันที่ 23 พ.ค.51 พล.ต.ต.มณเฑียร จำเลย เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามว่า พล.อ.เจตน์ กระทำผิดต่อความมั่นคงของรัฐในราชอาณาจักร โดยกระทำการให้ปรากฏด้วยวาจาต่อประชาชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการกระทำที่ไม่ได้เป็นเพื่อความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี จากกรณีที่ พล.อ.สมเจตน์ ให้สัมภาษณ์ลงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับลงวันที่ 21 พ.ค.51 ให้ทหารทำการปฏิวัติ ซึ่งเป็นการแสดงเห็นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามโจทก์นำสืบว่านายสุทธิชัย หยุ่น ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์แลกเปลี่ยนความเห็น และได้นำข้อความตีพิมพ์ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 21 พ.ค.51 ซึ่งโจทก์ให้สัมภาษณ์ว่า “การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งดี แต่การได้คนไม่ดี ไม่มีความชอบธรรมมาบริหาร บ้านเมืองก็ไปไม่รอด ขณะที่นักเลือกตั้งก็ใช้การตีความแบบศรีธนญชัย ที่ตีความเพื่อประโยชน์ตัวเอง...” ซึ่งหนังสือกรุงเทพธุรกิจได้ลงพาดหัวข่าวว่า สมเจตน์ ปลุกทหารปฏิวัติ เหตุรัฐบาลไร้ผลงาน โดยบรรณาธิการ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ระบุว่าการพาดหัวข่าวมีลักษณะเพียงการโปรยข่าว ซึ่งจะต้องอ่านเนื้อหาต่อทั้งหมดจึงจะได้ความชัดเจน

เมื่อศาลพิเคราะห์ข้อความทั้งหมดที่โจทก์ให้สัมภาษณ์แล้ว ไม่มีข้อความตอนใดที่โจทก์สัมภาษณ์ให้ทหารทำการปฏิวัติ ส่วนข้อความที่ตีพิมพ์ในหนังสือก็เป็นรูปแบบที่ทำให้ชวนสนใจ กระทำของโจทก์จึงไม่ใช่ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งจำเลยจบการศึกษาโรงเรียนนายร้อย และรับการศึกษาต่อระดับปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนนาน 30 ปี ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวด จนถึงระดับผู้บังคับการ จึงไม่น่าเชื่อได้ว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าโจทก์กระทำผิด และให้สัมภาษณ์ว่าปลุกทหารปฏิวัติ พยานหลักฐานจำเลย จึงไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดมาตรา 174 วรรค 2 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 4,000 บาท แต่จำเลยเคยเป็นข้าราชการ ประกอบคุณงามความดีมาก่อน และไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี

ภายหลัง พล.ต.ต.มณเฑียร อดีต ผบก.ประจำ สตช.กล่าวว่า จะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อไป โดยจะขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกฟ้อง

ขณะที่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ที่จะครบรอบ 3 ปี การรัฐประหารว่า เชื่อว่าการชุมนุมไม่น่ามีเหตุรุนแรงถึงขั้นนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชนจากเหตุการณ์ป่วนเมืองกลางกรุงเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา รวมทั้งการปล่อยคลิปตัดต่อเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่กลุ่มคนเสื้อแดงอ้างว่าเป็นการสั่งสลายการชุมนุม ที่สำคัญการชุมนุมนั้นก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนร่วม แต่อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรประมาทในการดูแลการชุมนุม เพราะกลุ่มเสื้อแดงต้องการให้เกิดความรุนแรง เหมือนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ รร.รอยัล คลิฟ บีช เมืองพัทยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ที่เดินทางมาสืบพยานโจทก์ ในคดีที่ยื่นฟ้อง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปฏิวัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตว่า ขณะนี้คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้อไปถึงขั้นนั้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาล ยังสามารถประสานผลประโยชน์กันได้อย่างลงตัว เมื่อผลประโยชน์ทุกอย่างลงตัว จึงทำให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาล แม้ที่ผ่านมาในการบริหารประเทศรัฐบาลจะมีความล้มเหลว ทั้งเรื่องการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง และการเสียที่ดินบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่พรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่ด้วยกันไม่ได้

“นักการเมืองออกมาบอกว่าประชาชนต้องมาก่อน แต่อยากถามว่าที่ผ่านมาประชาชนได้อะไร ยังมองไม่เห็นว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร” พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว และว่ารัฐบาลควรหันมาให้ความสำคัญเรื่องปราสาทพระวิหาร เนื่องจากประเทศไทย เสียดินแดนไปจริง ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เสียดินแดงนั้นไม่เป็นความจริง ขณะที่เวลานี้ประชาชนกัมพูชาได้เข้ามาในพื้นที่ข้อพิพาทแล้ว

ส่วนเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ไม่น่ามีความรุนแรง ถึงขั้นนั้นนำไปสู่การปฏิวัติ รัฐบาลจึงไม่จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพราะจะทำให้ต่างชาติตื่นตระหนกได้
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
กำลังโหลดความคิดเห็น