"ผ่าประเด็นร้อน"
จะเป็นเพราะแดงทั้งแผ่นดิน แตกคอกับแดงสยาม หรือ “แดงถ่อย”แตกคอกับ “แดงเถื่อน” สุดจะคาดเดา หรือว่าเป็นเพราะท่อน้ำเลี้ยงเริ่มมาแบบกระพร่องกระแพร่งไม่เหมือนเดิมจนทำให้ “แก๊ง 3 เกลอ” ต้องประกาศเลื่อนการชุมนุมใหญ่ออกไป จากเดิมที่เคยกำหนดเอาไว้ในวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมไปเป็นวันที่ 5 กันยายน โดยอ้างเหตุผลจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักรของรัฐบาล
อย่างไรก็ดีคนกลุ่มนี้ยังระบุอีกว่า หากเลื่อนการชุมนุมออกไปแล้วรัฐบาลยังประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงฯอีกพวกเขาก็จะเลื่อนการชุมนุมออกไปเรื่อยๆ ซึ่งดูแล้วเหมือนแมวไล่จับหนู หรือหนูหนีแมว ไม่จบไม่สิ้น ส่วนใครจะเป็นหนูใครจะเป็นแมวนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์ที่เป็นจริง นี่คือลักษณะของการถอย ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมีการประเมินแล้วว่าจะมีมวลชนเข้าร่วมจำนวนน้อยนั่นเอง ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องการแตกคอกันภายในจากเรื่อง “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” ประเภทอีกฝ่าย “ยิ่งสู้ยิ่งรวย” ขณะที่อีกฝ่าย “สู้แล้วทำไมรวยน้อยกว่า” หรือ “เด่นดัง” น้อยกว่า มันก็ย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา
ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ในสายตาของสังคมทั่วไป กลุ่มคนเสื้อแดงยิ่งติดลบมากขึ้นเรื่อยๆจากการชุมนุมไม่หยุดหย่อน มีการก่อเหตุทำร้ายฝ่ายตรงข้ามอยู่เนืองๆ จนสร้างความเบื่อหน่าย ประกอบกับสังคมเริ่มรับรู้ข่าวสาร จากการวิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้ตั้งสติมองเห็นว่าเป็นตัวฉุดรั้งประเทศไม่ให้ออกจากวิกฤตเศรษฐกิจ
หลายคนเริ่มมองเห็นตรงกันแล้วว่ากลุ่มคนเสื้อแดงสู้เพื่อ ทักษิณ และ ทักษิณ ก็สู้เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติของตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะได้รับการบอบช้ำเพียงใด
เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาถึงการนัดชุมนุมเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมก็เช่นเดียวกัน หากมองจากสาเหตุและเงื่อนไขแล้ว ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ถือว่าไม่มีทางเข้าข่ายด้วยประการทั้งปวงสำหรับการหยิบยกขึ้นมาเพื่อนำมาขับไล่รัฐบาล หรือกดดันให้ยุบสภา
เพราะกระบวนการตรวจสอบ กระบวนการทางรัฐสภายังดำเนินต่อไปได้ตามปกติ แม้ว่าจะลุ่มๆดอนๆบ้างก็ตาม และที่สำคัญพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุน ทักษิณ ก็ยังร่วมเล่นอยู่ในกติกานั้นด้วย เพียงแต่โหวตแล้วแพ้เสียงข้างมากทุกครั้งเท่านั้นเอง
นอกจากนี้เมื่อมองจากภายนอกและภายในก็เริ่มพบสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัวในทางที่ดีขึ้น ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยวและการลงทุน การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศเริ่มมากขึ้น
ทุกอย่างเริ่มมีทิศทางในทางบวก และนี่คือสาเหตุที่ทำให้สังคมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ไม่เชื่อก็ลองไปดูจากผลสำรวจจากทุกสำนักที่ออกมาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาล้วนต่างออกมาในโทนเดียวกัน ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงบานปลาย เหมือนกับฝันร้ายในช่วงวันสงกรานต์เลือดอีก
นั่นเป็นภาพที่สังคมภายนอกอยากเห็น
แต่ขณะเดียวกันนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนเสื้อแดงต้องการ เพราะเมื่อดูตามเงื่อนไขหลายอย่างแล้วยังไม่สุกงอม แต่ก็ยังดึงดันที่จะชุมนุมต่อไปไม่เลิก มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้สังคมมองด้วยสายตาหวาดระแวงว่ามีเจตนาต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง เพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ที่น่าสังเกตก็คือมีการปล่อยคลิปตัดต่อเสียงของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เห็นว่าเป็นคนสั่งให้สร้างสถานการณ์เพื่อปราบปรามการชุมนุมเมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเกลียดชัง และยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แต่โชคดีที่สามารถจับพิรุธและพิสูจน์ความจริงได้ทันท่วงที
ยิ่งรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรล่วงหน้าแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันก็ยิ่งทำให้หวั่นเกรงว่าจะต้องได้รับรายงานความเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบมาพากลแน่นอน อีกทั้งเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษเท่านั้นที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่เราจะเป็นเจ้าภาพ มันก็ยิ่งต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท
เพราะเหตุการณ์ร้ายที่พัทยา จนต้องล้มการประชุม ผู้นำต่างประเทศต้องหนีหัวซุกหัวซุนสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นจนประเมินไม่ได้มาถึงวันนี้ และฝ่ายที่ทำลายการประชุมในครั้งนั้นก็คือกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มเดียวกันนั่นแหละ
ดังนั้นแม้ว่านาทีนี้เมื่อประเมินจากสถานการณ์รอบด้านทั้งปัจจัยภายในที่เกิดความแตกแยกกันภายในและแรงกดดันจากสังคมภายนอกทำให้กลุ่มเสื้อแดง ต้องถอยร่นออกมาชั่วคราวก็ตาม แต่ที่ต้องจับตาก็คือหากมีการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน เพราะอาจมีการสร้างกระแสเผด็จการรัฐประหาร ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 3 ปี ของการโค่นล้ม “ระบอบทักษิณ”
เชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร และคนเสื้อแดงคงไม่ยอมให้เงื่อนไขงามๆแบบนี้ผ่านเลยไปได้ง่ายๆอย่างแน่นอน !!
