xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : เปิดใจ “พันธมิตรฯ-เหยื่อ 7 ตุลา”...คนสั่งฆ่า ปชช.เริ่มรับกรรมแล้ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กล้านรงค์ จันทิก โฆษกและกรรมการ ป.ป.ช.แถลงผลการชี้มูลความผิดกรณี 7 ตุลาฯ(7 ก.ย.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร.....รายงาน

กรณี “ป.ป.ช.” ชี้มูลความผิดผู้สั่งการให้มีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อ 7 ต.ค.2551 นอกจากเป็นข่าวดีในรอบ 1 ปี ที่พันธมิตรฯ-เหยื่อ 7 ตุลา ตั้งตารอแล้ว ยังสะท้อนว่า อดีตนายกฯ “สมชาย” เมื่อกล้าแถลงนโยบายบนกองเลือดประชาชน ก็ต้องพร้อมรับกรรมจากคำสั่งอำมหิตของตัวเองเช่นกัน ส่วน ผบ.ตร.“พัชรวาท” เมื่อไม่ทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” แต่กลับเลือกที่จะสวมบท “เพชฌฆาต” ทำร้ายประชาชนเพื่อเอาใจนักการเมืองแล้ว ก็คงไม่ต้องโอดครวญเมื่อกรรมตามทัน คำถามที่คาใจพันธมิตรฯ-เหยื่อ 7 ตุลาขณะนี้ มีอย่างน้อย 2 ข้อ คือ 1.นายกฯ จะกล้าไล่ออกหรือปลด “พัชรวาท” ก่อนเกษียณหรือไม่? และ 2.ตำรวจระดับปฏิบัติการไม่ต้องรับผิดด้วยแน่หรือ?

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

และแล้ว! กรรมก็เริ่มตามทันอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับพวก อันได้แก่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ก่อโศกนาฏกรรมด้วยการสั่งให้ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 400 ราย แม้ความสูญเสียของเหยื่อระเบิดแก๊สน้ำตาจะผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว กว่า ป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) จะลงมติชี้มูลความผิดผู้บงการ-สั่งการให้ตำรวจฆ่าประชาชน แต่อย่างน้อย น่าจะพอสะท้อนได้ว่า องค์กรอิสระยังพอเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ และกรรมใดใครก่อ ย่อมได้รับผลนั้น ไม่ช้าก็เร็ว

ทั้งนี้ มติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดนายสมชายกับพวก สรุปว่า นายสมชาย เรียกประชุม ครม.นัดพิเศษวันที่ 6 ต.ค.และเรียก พล.ต.อ.พัชรวาท เข้าประชุม พร้อมสั่งการให้ดำเนินการให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลให้ได้ในวันที่ 7 ต.ค.นั่นจึงเป็นที่มาของการสลายการชุมนุมเพื่อเปิดทางให้ได้ตามคำสั่งของนายสมชาย แต่นายสมชาย ชี้แจง ป.ป.ช.โดยอ้างว่า ขณะนั้นตนยังไม่ได้แถลงนโยบาย ยังไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ซึ่ง ป.ป.ช.ชี้ว่า อำนาจของนายกฯ มีนับแต่วันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ และถวายสัตย์ฯแล้ว

ความผิดอาญามาตรา 157 ของ นายสมชาย ไม่เพียงอยู่ที่การเป็นผู้สั่งการให้มีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้น แต่ยังมีกรณีที่นายสมชายไม่สั่งให้ตำรวจหยุดยิงแก๊สน้ำตา ทั้งที่เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บแขน-ขาขาดในช่วงเช้าแล้ว กลับปล่อยให้ตำรวจกระทำการดังกล่าวซ้ำอีกจนถึงช่วงค่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

เช่นเดียวกับ พล.อ.ชวลิต ที่ได้รับมอบหมายจาก ครม.ให้ติดตามและกำกับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในวันประชุมรัฐสภา ที่สั่งการให้ตำรวจต้องสลายการชุมนุมเพื่อเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาเข้าประชุมได้เช่นกัน “พรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ต้องใช้รัฐสภาเป็นที่ประชุม โดยพยายามเอาตำรวจเข้าไปเพื่อรักษาสถานที่ก่อน จะทำอย่างไร จะเอากำลังเข้าไปเท่าไหร่ก็ได้ สิ่งที่สำคัญจะต้องเปิดเส้นทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปให้ได้ในเวลา 09.30 น.” ทั้งนี้ ป.ป.ช.ชี้ว่า การที่ พล.อ.ชวลิต ประกาศลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ หลังตำรวจปฏิบัติการสลายการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ก็ไม่สามารถหลีกหนีความผิดในฐานะผู้สั่งการได้

สำหรับ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ นั้น นอกจากถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ผิดอาญามาตรา 157 แล้ว ยังผิดวินัยร้ายแรงด้วย ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่า “ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง” เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่สั่งการให้ตำรวจหยุดการกระทำที่รุนแรงต่อผู้ชุมนุม ทั้งที่เห็นว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก “พล.ต.อ.พัชรวาท กลับเพิกเฉย ไม่สั่งการให้หยุดยั้งการกระทำ หรือยอมกระทำที่เป็นการเสี่ยงให้ประชาชนได้รับอันตราย เพื่อสนองนโยบายของฝ่ายการเมือง การอ้างว่าไม่สามารถขัดขืนได้นั้น เป็นการไม่รับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก”

ส่วน พล.ต.ท.สุชาติ นั้น ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาเหตุการณ์ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยไม่มีการทบทวนหรือหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว

ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะส่งรายงานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้อง นายสมชาย-พล.อ.ชวลิต-พล.ต.อ.พัชรวาท-พล.ต.ท.สุชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป รวมทั้งจะส่งเรื่องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.สุชาติ ให้ลงโทษบุคคลทั้งสองฐานผิดวินัยอย่างร้ายแรงภายใน 30 วัน ซึ่งมีโทษไล่ออกหรือปลดออกเท่านั้น

ส่วนตำรวจระดับรองลงมาอีก 4 นาย ซึ่งเป็นรอง ผบช.น.และตำรวจที่ออกปฏิบัติการสลายการชุมนุมทั้งหมด ป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีความผิด เพราะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ประกอบด้วย พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล, พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา, พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้, พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.สำหรับ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.นั้น ป.ป.ช.ชี้ว่า ไม่พบหลักฐานว่ามีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม

ลองมาดูกันว่า แกนนำพันธมิตรฯ และผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อของระเบิดแก๊สน้ำตาเมื่อวันที่ 7 ต.ค.จะรู้สึกอย่างไรกับมติของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดบิ๊กนักการเมือง 2 คน-บิ๊กตำรวจ 2 คน และรับได้หรือไม่ที่ ป.ป.ช.ยกความผิดตำรวจระดับรองลงมา

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาธิปไตย บอกว่า เห็นด้วยกับมติของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดระดับผู้นำสำคัญ 4 คน ส่วนระดับรองๆ ลงมา ถ้ามีข้อมูลก็น่าจะพิจารณาอีกได้ เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า จะมีการยื้อเวลาลงโทษทางวินัย พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะกฎหมายระบุให้นายกฯ ลงโทษภายใน 30 วัน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะอยู่ในตำแหน่งอีก 22 วัน ก็เกษียณอายุราชการแล้ว นายสมศักดิ์ ชี้ว่า เมื่อหนังสือจาก ป.ป.ช.มาถึงนายกฯ เมื่อไหร่ ก็ควรปลดได้เลย ไม่ใช่มีเวลา 30 วัน ก็จะรอจน 30 วัน

“คำว่าภายใน 30 วันเนี่ย ทำพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่ใช่นั่งคอยให้ครบ 30 วัน ภายในคือช้ากว่านั้นไม่ได้ ในเมื่อถ้าอยู่แล้วทำให้การบริหารราชการเสียหาย ในภาวะแบบนี้นี่ต้องปลดเลย ถ้าเป็นผม ผมปลดพรุ่งนี้ หนังสือมาส่งปั๊บ ก็รับปุ๊บ ลงปั๊บก็ปลดได้เลย เพราะว่าคดีที่จะปลดเนี่ยมันเยอะมากเกินไปกว่าที่ ป.ป.ช.ชี้ด้วยซ้ำไปในเหตุการณ์ที่ผ่านมา กรณีการลอบที่ปล่อยให้รุมฆ่านายกฯ 3 ครั้ง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว”

“(ถาม-คิดว่าการที่บิ๊กนักการเมืองและบิ๊กตำรวจถูก ป.ป.ช.ชี้มูลแบบนี้ ให้บทเรียนอะไรบ้าง?) อันนี้ก็ถือว่าองค์กรอิสระ ป.ป.ช.ก็ได้ทำหน้าที่เป็นอิสระ แม้จะช้าไปสมควร แต่สิ่งที่ออกมาก็ยืนยันได้ว่า นั่นคือได้ทำหน้าที่ไปตามบทบัญญัติของ รธน.มันก็ชี้ให้เห็นว่าต่อไป ผู้ที่มีอำนาจจะใช้อำนาจอะไรก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในการปราบปรามประชาชน โดยที่ประชาชนเขาใช้สิทธิตาม รธน.เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นเขายึดตาม รธน.ที่บอกว่า เมื่อรัฐบาลหรือคณะบุคคลใดได้อำนาจมาโดยไม่เป็นไปตาม รธน.ก็ รธน.มาตรา 69 ก็บัญญัติไว้ให้ปฏิบัติ แล้วก็ใช้ภายในกรอบกฎหมาย และทำหน้าที่ตามมาตรา 70 คือบุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนี่ยเขาทำหน้าที่อย่างนี้ ฉะนั้นต้องดูเวลาจะตัดสินอะไรก็ต้องดูกฎหมาย ดูหลักการ ฉะนั้นผมคิดว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้มันก็จะทำให้พวกที่ใช้อำนาจเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของคนที่โกงบ้านโกงเมืองต้องสำนึก ก็จะเป็นบทเรียนให้เขา”


ด้านนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ก็เห็นด้วยกับมติของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดผู้สั่งการสลายการชุมนุม 7 ตุลา ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องเตือนสติให้คนที่มีอำนาจได้

“ผมถือว่าประเทศไทยก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาหลายครั้ง ครั้งนี้เหตุการณ์วันที่ 7 นั้น ก็เกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะชีวิตของผู้คน และได้สะท้อนไปถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในการที่จะกระทำการใดใดนั้น ควรที่จะใช้ความรอบคอบ ผมก็เห็นว่าโอเค การตัดสินของ ป.ป.ช.ก็เป็นสิ่งที่สังคมน่าจะฝากความหวังไว้ได้ (ถาม-คิดว่าจะสามารถทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยมั้ย?) อย่างน้อยๆ ผมคิดว่าให้สติกับคนที่มีอำนาจ เพราะจริงๆ จะไปบอกว่าการตัดสินของ ป.ป.ช.แล้วจะทำให้หยุด ผมว่าไม่จริงหรอก มันก็ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลในระหว่างที่เข้าสู่อำนาจ ได้พิจารณาในการสั่งการด้วยความรอบคอบมั้ย ด้วยความที่น่าจะคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

ขณะที่นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 บอกว่า มติของ ป.ป.ช.คงทำให้ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ 7 ต.ค.พอใจในระดับหนึ่ง และส่วนตัวไม่กลัวว่า นายกฯ จะยื้อเวลาการลงโทษทางวินัย พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะหากยื้อเวลา ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทั้งคนและพรรค

“โดยส่วนตัวถามว่า พอใจมั้ย ตอบไม่ได้ว่าพอใจหรือเปล่า แต่วันนี้อย่างน้อยสิ่งที่สะท้อนออกมา คนที่มีส่วนในการสั่งการโดยตรงกับผู้ที่ถูกกระทำในวันที่ 7 ต.ค.ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวน้องโบว์ ครอบครัวสารวัตรจ๊าบก็ดี หรือคนที่บาดเจ็บทั้งหลายก็คงจะพอใจในระดับหนึ่ง แต่ถามว่า มันยังไม่ถึงที่สุด คืออยากจะเห็นผลถึงที่สุดว่ามันเป็นยังไง วันนี้ก็เป็นเพียงแค่เบื้องต้น (ถาม-เกรงมั้ยว่าจะมีการยื้อเวลาการลงโทษท่านพัชรวาท?) ไม่กลัวและไม่เกรง เพราะถ้าสมมติว่า ถ้านายกฯ ทำแบบนั้น ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง และไม่ได้ฆ่าแต่ตัวเอง ฆ่าพรรคของตัวเองด้วย ถ้าจะเสี่ยงกันอย่างนั้นก็เอาน่ะ ไม่ค่อยห่วงนะตรงนั้น มันต้องวัดใจกันล่ะตอนนี้ว่าเป็นยังไง และเราก็จะได้สบายใจเสียที สมมติว่าเขาทำแบบนั้น เราก็ได้ชัดๆ ไปเลยว่าเขาปกป้องคนผิดน่ะ เจตนาปกป้องคนผิด”

ด้านนายบรรจง นะแส ผู้ประสานงานพันธมิตรฯภาคใต้ และเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ บอกว่า เห็นด้วยที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดผู้สั่งการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.แต่กรณีที่ยกความผิดตำรวจระดับรองลงมา เพราะถือว่าทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชานั้น นายบรรจง บอกว่า เคยมีตัวอย่างกรณีตำรวจยุค พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ใช้กำลังสลายการชุมนุมกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งศาลชี้ว่า ไม่ใช่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ

“ตัวอย่างกรณีที่ท่อก๊าซจะนะเนี่ย ตอนนั้นเขาบอกว่า พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ มีความผิดคนเดียว ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ทั้งลูกน้องระดับ ผบ.ร้อยต่างๆ ไม่มีความผิด แต่พอหลังจากเราอุทธรณ์ มันก็จะมีความคำอธิบายบอกว่า สำหรับผู้ปฏิบัติการเนี่ย ถ้าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนี่ย ในแง่ของระดับสัญญาบัตรขึ้นไปเนี่ย ก็ต้องมีความผิด นี่ประเด็นที่ 1 คุณมีวิจารณญาณเป็น ผบ.หมู่ ผบ.ร้อยที่คุมกำลังมาแต่ละคนเนี่ย คุณก็เข้าข่ายปฏิบัติคำสั่งโดยมิชอบนี่ก็ผิดอยู่แล้ว ประเด็นที่ 2 การใช้อำนาจ โดยกฎหมายหรือระเบียบที่วางไว้ มันเริ่มจากเบาไปหาหนักใช่มั้ย การที่คุณรับคำสั่ง และดำเนินการจากหนักทีเดียวเลยเนี่ย มันผิดเต็มๆ อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าถ้าใช้บรรทัดฐานจากคำตัดสินของศาลสงขลากรณีท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ผมว่าไม่มีทางรอดเลย อย่างน้อยก็ระดับ ผบ.ร้อยที่คุมกำลังลงไป ผมเชื่ออย่างนั้นนะ ถ้าใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ถ้านำคดีขึ้นสู่ศาลหลังจากนี้”

“(ถาม-เกรงจะมีการยื้อเวลาการลงโทษท่านพัชรวาทมั้ย?) ตรงนี้ในทางการเมือง ท่านนายกฯ ช้ามาตั้งนานแล้วในเรื่องนี้ในแง่ประเด็น แต่ในแง่สังคมเราก็เข้าใจว่ามันมีความซับซ้อนเรื่องของอำนาจใช่มั้ย ทีนี้ถ้าคุณพัชรวาทเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจใหม่หรืออำนาจที่มีส่วนในการผลักดันในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพี่ชายตัวเองเป็นรัฐมนตรีอยู่ ป่านนี้เขาไปตั้งนานแล้ว อันนี้สังคมเข้าใจได้ แต่ทีนี้ถ้าท่านนายกฯ ใช้เงื่อนไขว่า ต้องรอให้ครบ 30 วันก็ยิ่งเสียหนักเข้าไป ในทัศนะผมนะ เพราะฉะนั้นในความเห็นผม วันอังคารนี้ท่านนายกฯ ก็จัดการได้เลย ไม่ต้องรอตามเงื่อนไขกฎหมายว่าต้อง 30 วัน ถ้าคุณไม่ติดขัดจริงๆ ถ้าปล่อย 30 วันนายกฯ เสีย ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น”


ด้านนายชิงชัย เจริญอุดมกิจ หรือ ตี๋ ศิลปินอิสระ และสมาชิกเครือข่ายศิลปินกู้ชาติ ซึ่งถูกระเบิดแก๊สน้ำตาของตำรวจเมื่อวันที่ 7 ต.ค.จนมือขวาขาด แถมถูกตำรวจกล่าวหาว่ามือซ้ายกำระเบิดอยู่ ทั้งที่ความจริงเป็นแค่พวงกุญแจ พูดถึงมติของ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดบิ๊กนักการเมืองและบิ๊กตำรวจที่สั่งการสลายการชุมนุม แต่ยกความผิดตำรวจระดับปฏิบัติว่า ตนไม่แน่ใจว่าใครต้องรับผิดชอบบ้าง แต่ถือว่ารับได้ระดับหนึ่ง ส่วนจะชดเชยความสูญเสียได้บ้างหรือไม่นั้น นายชิงชัย บอกว่า ต้องรอดูผลในชั้นศาล

“ถามว่าเห็นด้วยมั้ย คือ ผมไม่อาจไปพิพากษาได้ว่าใครผิดระดับไหน แต่เมื่อลงความเห็นแล้ว มันมีคนผิดเข้ามา และเป็นระดับหัวๆ ก็ถือว่าได้ระดับหนึ่ง อาจจะมีคนใต้บังคับบัญชาอีกเยอะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง อันนี้ผู้ใหญ่เขาพิจารณากันเอง แต่ผมถือว่าระดับนี้มันได้ระดับหัว อนาคตต่อไปภายภาคหน้า มันก็จะช่วยสังคมได้ระดับหนึ่ง (ถาม-คิดว่าผลของ ป.ป.ช.พอจะชดเชยความรู้สึกสูญเสียของเราต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน?) ผมมองว่า ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว มันก็ต้องไปขึ้นศาลใช่มั้ย ถ้าผลสุดท้ายแล้ว ศาลชี้ว่าพวกนี้ผิดจริงๆ แล้วลงโทษ ผมถือว่าตรงนั้นเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่ถ้าพิพากษาแล้วไม่มีใครผิดเลยนะ ผมว่ารับไม่ได้”

ด้านนางวิชุดา ระดับปัญญาวุฒิ ที่สูญเสียลูกสาว คือ น.ส.อังคณา หรือ น้องโบว์ ที่ถูกระเบิดแก๊สน้ำตาของตำรวจเมื่อวันที่ 7 ต.ค.จนเสียชีวิต พูดถึงมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดระดับหัวที่สั่งการให้มีการสลายการชุมนุม แต่ยกความผิดตำรวจระดับปฏิบัติว่า นอกจากผู้สั่งการจะมีความผิดสูงสุดแล้ว คนที่ยิงและขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บและเสียชีวิตก็ถือว่ามีความผิดสูงสุดเช่นกัน จะอ้างว่า ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะถ้าทำตามคำสั่งทั้งที่รู้ว่าผิด ก็ถือว่าพยายามฆ่าประชาชนร่วมกับนายของตัวเองเช่นกัน

“ความผิดสูงสุดคือคนที่เป็นนายกฯ และหัวหน้า คือ ผบ.ตร.นี่ก็มีความผิดสูงสุด คนที่ยิงก็มีความผิดสูงสุด คนที่ปา (ระเบิด) ลูกปิงปองก็มีความผิดสูงสุด อันนี้เพิ่งพิจารณาแค่ 4 คนเอง ยังมีคนต่อไปอีกไม่ใช่เหรอ (ถาม-แสดงว่าใครที่เป็นคนยิง ก็ต้องผิดต้องรับผิดชอบด้วย?) ต้องผิดด้วยสิ เพราะถ้าคุณไม่ผิด คุณต้องออกเลย คุณจะได้ไม่ทำหน้าที่นี้ คุณต้องยอมถูกปลดจากตำแหน่ง ที่ไม่ทำตามที่นายคุณสั่ง คุณต้องหยุด คุณต้องยอม เพื่อรักษาชีวิตประชาชนไว้ (ถาม-อย่างนี้คงต้องอยากให้อีก 5 คนที่ ป.ป.ช.บอกว่าไม่ผิด ต้องผิดด้วยใช่มั้ย?) ต้องให้ทาง ป.ป.ช.พิจารณาว่าเขาควรจะต้องได้รับความผิด ให้เขาวิเคราะห์ดูว่าเขาสมควรที่เขาจะต้องช่วยกันรับผิดชอบมั้ย เพราะนายคุณสั่ง ถ้าคุณไม่ยิง ก็ไม่มีคนเจ็บ คุณลาออก นายคุณสั่งคนอื่นอีก ถ้าคนอื่นมีคุณธรรมอีก เขาไม่ยิงน่ะ เขาลาออก ประชาชนก็ไม่ต้องเจ็บ นี่เล่นเอาแบบฆ่าให้ตาย! ไม่เข้าใจถ้าหากว่าไม่มีความผิด ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีความผิด”

“(ถาม-เกรงมั้ยว่าจะมีการยื้อเวลาการลงโทษคุณพัชรวาท เพราะระเบียบ ป.ป.ช.บอกว่านายกฯ ต้องลงโทษไล่ออกหรือปลดออกภายใน 30 วัน แต่คุณพัชรวาทจะอยู่ในตำแหน่งอีกแค่ 23 วันก็เกษียณ?) ถ้าเขาเล่นสกปรกกันก็อาจจะ ถ้าเขาไม่รักประชาชน ก็อาจจะ ถ้าเขาเห็นว่าประชาชนไม่ใช่คน ก็อาจจะเหมือนกัน เพราะเวลานี้นายกฯ ก็ดูยากเหลือเกิน ไม่รู้ว่านายกฯ เป็นคนของประชาชนหรือเป็นคนของใคร (ถาม-อยากฝากอะไรถึงนายกฯ มั้ยประเด็นนี้?) ให้นายกฯ คิดดีๆ คิดว่า พูดไม่ถูกเลย สับสนมากเลย จิตใจไม่ค่อยดีเลย อยากให้นายกฯ เคยคุยกับดิฉันไว้ยังไงตอนที่ไปเยี่ยมดิฉันว่า รัฐบาลทำเกินกว่าเหตุ แล้วนายกฯ จะทำยังไงต่อที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ออกมาต่อสู้ด้วยความถูกต้องของ รธน. ก็อยากให้ทั้งคุณอภิสิทธิ์ คุณสุเทพ คุณชวรัตน์ ทุกคนช่วยกันพิจารณาว่าพวกคุณก็เป็นนักการเมือง จะช่วยเหลือประชาชนยังไง เราเป็นประชาชนที่ดี ไม่ใช่ว่าประชาชนแบบนักเลงหรืออะไร ไม่ใช่ เราทำถูกต้อง แล้วคุณเป็นนายกฯ แล้วคุณจะว่ายังไง คือคุณเป็นนายกฯ ขณะนี้ ที่คุณมารับช่วงต่อ คุณจะดำเนินการยังไง ต้องถามนายกฯ”


นางวิชุดา ยังทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณ ป.ป.ช.ที่ออกมาชี้มูลความผิดกรณี 7 ต.ค.แต่ก็ยังหวังใจว่า นอกจากกระบวนการยุติธรรมจะเอาผิดผู้สั่งการสลายการชุมนุมแล้ว ในส่วนของผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ควรจะต้องสำนึกผิดและออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง ต้องคิดว่า ถ้าลูกหลานตัวเองออกไปต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แล้วถูกรัฐบาลถูกตำรวจยิงด้วยระเบิดแก๊สน้ำตาแบบนี้บ้าง ตัวเองจะรู้สึกอย่างไร?
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ตั้งหน้าตั้งตาแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ทั้งที่ภายนอกเต็มไปด้วยกองเลือดของผู้ชุมนุมที่ถูกระเบิดแก๊สน้ำตา(7 ต.ค.51)
พล.ต.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาเช่นเดียวกับนายสมชาย
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัยร้ายแรง
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัยร้ายแรง
ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาอานุภาพร้ายแรงในแนวระนาบ ส่อเจตนาต้องการฆ่าผู้ชุมนุม
น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ เสียชีวิตจากระเบิดแก๊สน้ำตาเมื่อ 7 ต.ค.51
ชิงชัย เจริญอุดมกิจ หรือ ตี๋ ศิลปินอิสระ ต้องสูญเสียมือขวาจากระเบิดแก๊สน้ำตา
เหยื่อระเบิดแก๊สน้ำตา 7 ต.ค.
อีก 1 เหยื่อระเบิดแก๊สน้ำตา
กำลังโหลดความคิดเห็น