“มาร์ค” ย้ำหารือ ครม.ขอเปิดสภาฯ ถกแก้ รธน.อังคาร 8 ก.ย.นี้ ยึดหลักรายงานกรรมการปรองดองก่อน อ้าง ส.ส.ทวงถามในสภาฯ เป็นเหตุต้องเดินหน้า เผยวิปพร้อมแกนนำได้หารือกันแล้ว เชื่อเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ลั่น ปชป.ไม่เคยค้านเรื่องแก้ รธน. แย้มขอเปิดวันเดียวลากยาวเช้า-ดึก ขณะเดียวกันยังไม่ฟันธงวันประชุม ก.ต.ช.เลือก ผบ.ตร.คนใหม่ อ้างยังมีเวลา
วันนี้ (6 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าที่จะขอเปิดประชุมสภาผู้แทนฯ เพื่ออภิปรายประเด็นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า คณะรัฐมนตรีจะต้องปรึกษากันในวันอังคารที่ 8 ก.ย.นี้ เพราะจะต้องเป็นเรื่องของเปิดประชุมร่วม เพื่อให้มีการอภิปรายทั่วไป ไม่เช่นนั้นจะลำบาก เพราะเป็นสมัยปนะชุมนิติบัญญัติ ไม่ใช่กรรมาธิการด้วย จะไปแจ้งเพื่อทราบเฉยๆ กระไรอยู่ เลยคิดว่าให้เปิดอภิปรายทั่วไปแล้วรวบรวมความคิดเห็นจะได้มีข้อยุติว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยอมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาธิปัตย์ไม่เคยบอกว่าแก้ เพียงแต่บอกว่าประเด็นที่จะแก้ต้องเป็นเรื่องของหลักการ เรื่องของระบบ เรื่องของส่วนรวม ไม่ใช่เป็นการแก้เพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อถามว่า หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงทางกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป) และแกนนำได้คุยกันในระดับหนึ่งแล้ว คิดว่าแนวทางนี้น่าจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าแต่ละพรรคไปพูดไปทำกันเอง เดี๋ยวมันจะเกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นได้ ฉะนั้นให้สมาชิกทุกพรรคและวุฒิสภามาร่วมอภิปรายกันรอบหนึ่งก่อนน่าจะดีกว่า
เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาลจะหารือก่อนเพื่อมีจุดยืนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วิปรัฐบาลรับแนวทางนี้อยู่แล้ว คิดว่าที่จะเปิดสภาน่าจะเห็นพ้องต้องกันและตนได้ประสานประธานสภาไว้แล้ว ท่านบอกว่าสามารถจะทำได้ ดังนั้น รอให้มีมติ ครม.ก่อนในวันอังคารนี้ (8 ก.ย.) อย่างไรก็ตามประเด็นต่างๆที่จะมีการอภิปรายกันนั้น จะดูรายงานของกรรมาธิการที่ส่งมาเป็นหลัก และรายงานที่เสนอมาระยะเร่งด่วนจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราหวังว่าการอภิปรายนั้นจะทำให้เห็นจุดร่วมของทุกฝ่ายว่าจะเดินหน้าอย่างไร
เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่ประเด็นที่ออกมาจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนักการเมืองเอง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ทุกประเด็น แต่บางประเด็นทำให้มีประสิทธิภาพในการบริหารมากขึ้น อย่างมาตรา 190 ซึ่งอานจจะเข้มงวดกวดขันเกินไปสักนิด อาจจะมีการปรับให้เหมาะสมเท่านั้นเอง นอกจากนั้นเป็นเรื่องระบบเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความเห็นว่าตามระบบสากลส่วนใหญ่มีเขตละ 1 คน ก็จะว่าไปตามนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างเห็นว่าเขตใหญ่ดีกว่า แต่ตนบอกว่าหากเรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคว่าต่างคนต่างไม่มีใครยอมกัน ดังนั้นประเด็นอย่างนี้เราคิดว่าไม่เป็นปัญหา แต่จะใช้โอกาสสภาพูดคุยกันเรื่องนี้
เมื่อถามว่าจะขอเปิดประชุมสภากี่วัน นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า หากเปิดวันเดียวแล้วประชุมยาวตั้งแต่เช้าจนดึกก็น่าจะพอ ทั้งนี้สุดแล้วแต่ ต้องดูอีกทีว่าแต่ละพรรคมีผู้ประสงค์จอภิปรายมากน้อยแค่ไหน เมื่อถามว่า นายกฯ เคยเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ตนพูดในขณะนั้นในบรรยากาศที่เราเข้ามามีวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ เป็นปัญหาให้รัฐบาลต้องเร่งทำงาน ส่วนรัฐธรรมนูญมันมีเวลาที่จะพิจารณา แต่บัดนี้มันมีการะบวนการที่จะของให้สภาฯตั้งกรรมการ ซึ่งก็ทำงานเสร็จแล้วและได้รายงานมาแล้วก็ควรมีการเดินต่อ เมื่อถามว่า เมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จจะให้มีการเลือกตั้งใหม่เลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การแก้ไขอีกทีว่าเมื่อแก้แล้วจะเปลี่ยนแปลงระบบเรื่องที่มาของ ส.ส. พิจารณาว่าจะมีบทเฉพาะกาลหรือไม่ หากมีบทเฉพาะกาลก็สามารถที่จะผ่านไปได้ หากไม่มีก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลเลือกที่จะเปิดสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการลดกระสแความขัดแย้งใช่หรือไม่ นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีการทวงถามกันและในสภาก็มีการอภิปรายว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรหรืออย่างไร ซึ่งความจริงตนได้ประสานกับประธานสภาไว้ก่อนแล้ว ท่านบอกว่าอยากจะรอรายงานของอีกคณะหนึ่งก่อน ซึ่งตนว่าอีกคณะหนึ่งยังไม่เสร็จ แต่เมื่อฝ่ายค้านอยากจะเร่งเรื่องนี้ เราก็บอกว่ามาดูกันแล้วเอาเข้าสภา เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่กการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จภายในปีนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวร้องอุทานทันทีว่า อู๊ย จะเสร็จหรือเปล่า อยู่ที่การภิปรายว่าจำไปในแนวทางไหน
นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในวันนัดประชุมเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ว่า ยัง ยังมีเวลากันอยู่ เมื่อถามว่าจะได้ตัว ผบ.ตร.คนใหม่ก่อนหรือหลังกลับจากการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่รู้
