“ซากศพบ้าน 111” จัดเสวนา “ยุบสภา ประชาชนได้อะไร” ยังหวังเสนอแก้รัฐธรรมนูญ อ้างเป็นต้นเหตุปัญหา พร้อมบี้ “นายกฯ” ยุบสภา อ้างหากต้องการลงหลังเสือ ต้องทำอย่างสง่างาม ชี้ 10 ประเด็นบีบรัฐบาลยุบสภา ชูให้ รบ.ใหม่ดันแก้รัฐธรรมนูญ ล้างพิษปฏิวัติ คุยฟุ้งหากเลือกตั้งใหม่เชื่อว่า “ประชาธิปัตย์” พ่ายแพ้แน่ แนะยอมกลืนยาพิษรวมเป็นพรรคเดียว
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เมื่อเวลา 10.00 น.ได้จัดเสวนา “ยุบสภา ประชาชนได้อะไร” มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิ นายประจวบ ไชยสาสน์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 ร่วมเสวนา มีผู้สนใจร่วมฟังประมาณ 50 คน
โดย นายประจวบ กล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า ปัญหาทุกวันนี้ต้องแก้ที่เหตุ คือ รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นต้นตอของการปัญหา ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม ไม่ทำให้เกิดความสามัคคี ดังนั้น หากจะแก้ต้องเริ่มรัฐธรรมนูญที่ร่างมาจากอสูร สร้างกับดักค่ายกลนี้ก่อน เพราะหากไม่แก้ไขแล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ คือ การเลือกตั้งไม่มีวันที่จะได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมา ตนพบเห็นการยุบสภามาถึง 12 ครั้ง และหากมีการยุบสภาในรัฐบาลชุดนี้จะเป็นครั้งที่ 13 เขาคงเห็นว่า เลข 13 ไม่ดี จึงไม่ยอมยุบ แต่พอเกิดกระแสเรียกร้องให้ยุบ กลับระบุว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อมาเป็นตัวล่อ
นายประจวบ ยังระบุเชื่อว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมยุบสภา เพราะรู้อนาคตตัวเองว่า เมื่อยุบสภาแล้วแพ้ทุกครั้ง จึงยื้อไว้ให้นานที่สุด เพื่อลิ้มรสอำนาจที่พรั่งพรู ทั้งจากการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เสียก่อน แต่ขณะนี้ปัญหาที่รุมเร้าต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทุจริต ที่ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์มีมติขับสมาชิก 4 คน เพราะไปเกี่ยวข้องกับการการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง เท่ากับยอมรับสารภาพว่าโกง ดังนั้น หากรู้ว่าจะไปไม่รอดก็ควรจะยุบสภา ส่วนจะเป็นก่อน หรือหลังจากแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปชิงจังหวะทางการเมืองเอง และถ้ายุบสภา ก็มั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ แพ้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์
“เมื่อยุบสภา บางคนอาจต้องยอมกลืนยาพิษ ยอมเอาศัตรูเป็นมิตร เพื่อรวมกันให้ได้เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย ที่ต้องยอมรวบรวมเสียงจากพรรคต่างๆ ให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง จนชนะเลือกตั้ง 377 เสียง เพื่อเป็นรัฐธรรมพรรคเดียว ดังนั้น อยากให้ร่วมมือกัน เพราะในทางการเมืองไม่มีคำว่าศัตรู แต่อาจมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา แล้วไปแสวงหาอำนาจ ไปเสพสมจนท้องอืด แล้วจึงกลับมาหาซบอกแม่ จึงให้คอยดูให้ดี ถึงแม้ต้องหวานอมขมกลืน แต่เราจะเป็นผู้ทำให้ประชาชนเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง” นายประจวบ กล่าว
นายประจวบ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา เขายื่นดาบปลายหักมาให้ประชาชน เมื่อชักกลับผู้บาดเจ็บก็คือ ประชาชน ดังนั้น ตนต้องการให้ ส.ส.เพื่อไทย สุมหัวรวมพลัง สะสมประสบการณ์การเมือง และเมื่อเลือกตั้งใหม่ ต้องเป็นผู้ถือด้ามดาบ และยื่นปลายกลับคืนไปที่คนส่งมาให้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ และไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
ขณะที่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาล ทั้งจากพรรคร่วม ที่มาของรัฐบาล จนส่งผลให้รัฐบาลบริหารงานติดขัด และเงื่อนไขที่นายกฯยังไม่ยอมยุบสภา คือ หากเลือกตั้งใหม่ก็แพ้พรรคเพื่อไทย 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องยื้ออำนาจไว้ให้นานที่สุด
“หากถามว่ายุบสภาแล้วประชาชนได้อะไร ต้องบอกว่าหากรัฐบาลคิดถึงประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ก็ควรยุบสภา เพราะประชาชนจะได้ของที่ถูกโจรปล้นเอาไป คืออำนาจอธิปไตยกลับคืนมาอยู่ในมือ เพื่อจะได้ตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนใครที่ทำอะไรไม่ดีไว้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ก็ให้ไถ่บาป ลาออกไปจากวงการ และขอให้คนที่ดีที่อยู่ในวงการช่วยกันขจัดออกไปให้หมด ไม่ให้ปลาตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง และเมื่อยุบสภา เลือกตั้งใหม่ กลุ่มพันธมิตรฯก็สามารถลงเลือกตั้งได้เช่นเดียวกัน และหากพรรคประชาธิปัตย์แพ้ก็ต้องยอมรับ กลุ่มต่างๆ ก็อย่าก่อกวนข้างถนน เพราะประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว คงจะไม่มีใครไปให้ราคาอีกต่อไป” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้าน นายคณิน กล่าวว่า เงื่อนไข 3 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นสาเหตุที่จะตัดสินใจยุบสภานั้น โดยสรุปแล้ว คือ นายกฯจะไม่ยุบสภา ทั้งที่การแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่กลับเป็นไปได้น้อยที่สุดซึ่งขณะนี้มีปัจจัยรุมเร้าให้นำไปสู่การยุบสภา สรุปได้10 ประเด็นหลักเช่นเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร.การทุจริตคอร์รัปชัน ผู้มีพระคุณของรัฐบาลแตกกันเอง รัฐบาลแพ้ภัยจากกับดักของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่สามารถคุมสื่อได้ และที่สำคัญคือการขาดภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
“เวลานี้นายกฯจะลงจากหลังเสือโดยไม่เจ็บตัว แต่ถ้าไม่ยุบ หนทางลงอย่างไม่ต้องเจ็บตัวคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบเมื่อจนตรอก หรือปล่อยเวลาไปถึงเดือนตุลาคม ก็จะแพ้อย่างน่าอดสู แม้แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้น นายกฯควรใช้วิธีเยียวยาตามธรรมชาติ ให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยอัตโนมัติ และยังเปิดฝาโลงให้นักการเมืองที่ถูกจองจำมีทางเลือกในการสังกัดพรรคได้มากขึ้น และสุดท้ายความสงบจะกลับคืนมา
นายคณิน กล่าวเห็นว่า ควรจะยุบสภาก่อนที่จะแก้รัฐธรรมนูญ จากนั้นให้ประชาชนช่วยกันล้างพิษเลือกพรรคการเมืองให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นผู้นำให้การล้างพิษจากรัฐธรรมนูญ ประกาศ คปค.บทเฉพาะกาล จึงภาวนาให้ยุบสภาโดยเร็ว สิ่งที่ออกมาเรียกร้องนั้น ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อให้กับดักรัฐธรรมนูญ และกู้ความยุติธรรมกลับคืน หลังจากยุบสภา จะเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญโดยนำของปี 40 มาปรับแก้ทั้งฉบับ หากสภาเห็นชอบก็จะจำทำประชามติถามความเห็นประชาชนต่อไป เพื่อนำไปใช้เป็นการถาวร
วันนี้ (4 ก.ย.) ที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เมื่อเวลา 10.00 น.ได้จัดเสวนา “ยุบสภา ประชาชนได้อะไร” มีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิ นายประจวบ ไชยสาสน์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และ นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 40 ร่วมเสวนา มีผู้สนใจร่วมฟังประมาณ 50 คน
โดย นายประจวบ กล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า ปัญหาทุกวันนี้ต้องแก้ที่เหตุ คือ รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นต้นตอของการปัญหา ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม ไม่ทำให้เกิดความสามัคคี ดังนั้น หากจะแก้ต้องเริ่มรัฐธรรมนูญที่ร่างมาจากอสูร สร้างกับดักค่ายกลนี้ก่อน เพราะหากไม่แก้ไขแล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ คือ การเลือกตั้งไม่มีวันที่จะได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมา ตนพบเห็นการยุบสภามาถึง 12 ครั้ง และหากมีการยุบสภาในรัฐบาลชุดนี้จะเป็นครั้งที่ 13 เขาคงเห็นว่า เลข 13 ไม่ดี จึงไม่ยอมยุบ แต่พอเกิดกระแสเรียกร้องให้ยุบ กลับระบุว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อมาเป็นตัวล่อ
นายประจวบ ยังระบุเชื่อว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมยุบสภา เพราะรู้อนาคตตัวเองว่า เมื่อยุบสภาแล้วแพ้ทุกครั้ง จึงยื้อไว้ให้นานที่สุด เพื่อลิ้มรสอำนาจที่พรั่งพรู ทั้งจากการกู้เงิน 8 แสนล้านบาท เสียก่อน แต่ขณะนี้ปัญหาที่รุมเร้าต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการทุจริต ที่ล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์มีมติขับสมาชิก 4 คน เพราะไปเกี่ยวข้องกับการการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง เท่ากับยอมรับสารภาพว่าโกง ดังนั้น หากรู้ว่าจะไปไม่รอดก็ควรจะยุบสภา ส่วนจะเป็นก่อน หรือหลังจากแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องไปชิงจังหวะทางการเมืองเอง และถ้ายุบสภา ก็มั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ แพ้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์
“เมื่อยุบสภา บางคนอาจต้องยอมกลืนยาพิษ ยอมเอาศัตรูเป็นมิตร เพื่อรวมกันให้ได้เหมือนสมัยพรรคไทยรักไทย ที่ต้องยอมรวบรวมเสียงจากพรรคต่างๆ ให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง จนชนะเลือกตั้ง 377 เสียง เพื่อเป็นรัฐธรรมพรรคเดียว ดังนั้น อยากให้ร่วมมือกัน เพราะในทางการเมืองไม่มีคำว่าศัตรู แต่อาจมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา แล้วไปแสวงหาอำนาจ ไปเสพสมจนท้องอืด แล้วจึงกลับมาหาซบอกแม่ จึงให้คอยดูให้ดี ถึงแม้ต้องหวานอมขมกลืน แต่เราจะเป็นผู้ทำให้ประชาชนเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง” นายประจวบ กล่าว
นายประจวบ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา เขายื่นดาบปลายหักมาให้ประชาชน เมื่อชักกลับผู้บาดเจ็บก็คือ ประชาชน ดังนั้น ตนต้องการให้ ส.ส.เพื่อไทย สุมหัวรวมพลัง สะสมประสบการณ์การเมือง และเมื่อเลือกตั้งใหม่ ต้องเป็นผู้ถือด้ามดาบ และยื่นปลายกลับคืนไปที่คนส่งมาให้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ และไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร
ขณะที่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาล ทั้งจากพรรคร่วม ที่มาของรัฐบาล จนส่งผลให้รัฐบาลบริหารงานติดขัด และเงื่อนไขที่นายกฯยังไม่ยอมยุบสภา คือ หากเลือกตั้งใหม่ก็แพ้พรรคเพื่อไทย 100 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องยื้ออำนาจไว้ให้นานที่สุด
“หากถามว่ายุบสภาแล้วประชาชนได้อะไร ต้องบอกว่าหากรัฐบาลคิดถึงประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ก็ควรยุบสภา เพราะประชาชนจะได้ของที่ถูกโจรปล้นเอาไป คืออำนาจอธิปไตยกลับคืนมาอยู่ในมือ เพื่อจะได้ตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนใครที่ทำอะไรไม่ดีไว้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ก็ให้ไถ่บาป ลาออกไปจากวงการ และขอให้คนที่ดีที่อยู่ในวงการช่วยกันขจัดออกไปให้หมด ไม่ให้ปลาตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง และเมื่อยุบสภา เลือกตั้งใหม่ กลุ่มพันธมิตรฯก็สามารถลงเลือกตั้งได้เช่นเดียวกัน และหากพรรคประชาธิปัตย์แพ้ก็ต้องยอมรับ กลุ่มต่างๆ ก็อย่าก่อกวนข้างถนน เพราะประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว คงจะไม่มีใครไปให้ราคาอีกต่อไป” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้าน นายคณิน กล่าวว่า เงื่อนไข 3 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นสาเหตุที่จะตัดสินใจยุบสภานั้น โดยสรุปแล้ว คือ นายกฯจะไม่ยุบสภา ทั้งที่การแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด แต่กลับเป็นไปได้น้อยที่สุดซึ่งขณะนี้มีปัจจัยรุมเร้าให้นำไปสู่การยุบสภา สรุปได้10 ประเด็นหลักเช่นเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร.การทุจริตคอร์รัปชัน ผู้มีพระคุณของรัฐบาลแตกกันเอง รัฐบาลแพ้ภัยจากกับดักของรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่สามารถคุมสื่อได้ และที่สำคัญคือการขาดภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
“เวลานี้นายกฯจะลงจากหลังเสือโดยไม่เจ็บตัว แต่ถ้าไม่ยุบ หนทางลงอย่างไม่ต้องเจ็บตัวคงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบเมื่อจนตรอก หรือปล่อยเวลาไปถึงเดือนตุลาคม ก็จะแพ้อย่างน่าอดสู แม้แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้น นายกฯควรใช้วิธีเยียวยาตามธรรมชาติ ให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยอัตโนมัติ และยังเปิดฝาโลงให้นักการเมืองที่ถูกจองจำมีทางเลือกในการสังกัดพรรคได้มากขึ้น และสุดท้ายความสงบจะกลับคืนมา
นายคณิน กล่าวเห็นว่า ควรจะยุบสภาก่อนที่จะแก้รัฐธรรมนูญ จากนั้นให้ประชาชนช่วยกันล้างพิษเลือกพรรคการเมืองให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นผู้นำให้การล้างพิษจากรัฐธรรมนูญ ประกาศ คปค.บทเฉพาะกาล จึงภาวนาให้ยุบสภาโดยเร็ว สิ่งที่ออกมาเรียกร้องนั้น ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อให้กับดักรัฐธรรมนูญ และกู้ความยุติธรรมกลับคืน หลังจากยุบสภา จะเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญโดยนำของปี 40 มาปรับแก้ทั้งฉบับ หากสภาเห็นชอบก็จะจำทำประชามติถามความเห็นประชาชนต่อไป เพื่อนำไปใช้เป็นการถาวร
