เคาะข่าวริมโขง เดินหน้าเติมปัญญาคนอีสาน "เจ๊ปอง" นำทีมถกประเด็น "อ.ศรีศักดิ์" ออกโรงจวก "มาร์ค" ปล่อย "เขมร" ฮุบ 4.6 ตร.กม. พร้อมปูดประเด็นใหม่ รีสอร์ตหรูลูกสาว "พัชรวาท" อำนวยความสะดวกขนส่งวัสดุโดยเปิดรั้วมอเตอร์เวย์-ใช้รถตร.นำหน้า ด้าน "น้าชัช" จับพิรุธ "มติชน" เสนอข่าวเสี้ยม อ้าง "สนธิ" ทวงบุญคุณ "มาร์ค" ดัน "ปทีป" ขึ้นเป็น ผบ.ตร. อีกทั้งยังมีการโยงข้อมูลเหตุนายกฯ ถูกหักหน้า ต้นตอมาจาก "สุเทพ-นิพนธ์-ภูมิใจไทย" แทกทีมร่วมมือเล่นงาน
คลิกที่จอภาพ เพื่อรับชม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทางช่องอีสานทีวี-ทีวีเพื่อคนอีสาน วันที่ 2 กันยายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และพิธีกรรับเชิญ นายเทิดภูมิ ใจดี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการหยิบยกประเด็น อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดี ออกมาทวงติงท่าทีเฉยเมย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการที่ไทยจะเสียดินแดน 4.6 ตร.กม.ให้แก่กัมพูชา รวมทั้งประเด็นรีสอร์ตหรูหลักร้อยล้านของลูกสาว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และประเด็นปมขัดแย้งระหว่าง นายอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็น หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน ลงเนื้อหาหน้า 11 พาดพิงถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ไปทวงบุญคุณ นายอภิสิทธิ์ ที่ทำให้ได้เป็นรัฐบาล โดยต้องการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
โดยเริ่มรายการที่ น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็น อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดี ออกมาต่อว่าต่อขานท่าที นายอภิสิทธิ์ โดยนายชัชวาลย์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า เหตุที่วันนี้ อ.ศรีศักดิ์ ออกมาทำเช่นนี้ เพราะเห็นว่าท่าที่กระทรวงการต่างประเทศมีทัศนคติยึดถือคำตัดสินของศาลโลกที่อิงแผนที่ฝรั่งเศส และตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกลัวว่า หากไทยแข็งกร้าวเรื่องนี้ จะทำให้เรื่องถูกนำเข้าสู่กระบวนการตัดสินขององค์กรระดับโลก และนำไปสู่การเสียดินแดนอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ปัญหาที่สำคัญ คือ ตอนนี้ไม่ได้มีการทวงปราสาทเขาพระวิหารคืน แต่มีการคัดค้านการที่ทหารเขมรเข้ามารุกล้ำพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของไทย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อประเด็นนี้ว่า อ.ศรีศักดิ์ ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาล ออกมาชี้แจงกับประชาชนเรื่องที่ไปทำข้อตกลงร่วมกับกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องออกมาบอกประชาชนว่าทำอะไรมาบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการตกลงเรื่องการปักปันเขตแดนที่ถูกต้อง เนื่องจากถ้าหากไล่ดูตามแนวสันปันน้ำจะเห็นได้ว่า ตามหลักการแล้วพื้นที่เป็นของไทยทั้งหมด แต่การที่ไทยปล่อยให้ทหารกัมพูชาไปรุกล้ำพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ถือเป็นการยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ถ้าดูตามแนวสันปันน้ำ พื้นที่และผลประโยชน์ทางทะเล จึงเป็นของไทยด้วย ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเอาผลประโยชน์ตัวเองไปเจรจากับกัมพูชา และยิ่งจะไปเซ็นข้อตกลงเพิ่มเติม นับว่าเป็นการยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อประเด็นนี้ ว่า เหตุที่ นายอภิสิทธิ์ เพิกเฉย อาจเป็นเพราะฟังข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าถ้าหากแข็งกร้าวจะเป็นผลเสียต่อประเทศไทย แต่ที่ไม่เข้าใจอยู่อย่าง คือ ท่าที นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ออกมาระบุว่า กำลังตามหาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางสมานฉันท์ โดยเรื่องเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของไทยกับกัมพูชาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำมันในกัมพูชา ดังนั้น จากท่าทีของ นายสุเทพ ที่กลับมาจากพบ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และมาบอกว่า ให้เลิกพูดเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร แต่ให้หันมาสนใจ เรื่องผลประโยชน์ใต้ท้องทะเลดีกว่า เรื่องนี้จึงมีความสอดคล้องกัน แต่ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ถึงต้องไปเดินตามรอย พ.ต.ท.ทักษิณ และมีท่าทีเรื่องปราสาทเขาพระวิหารเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ด้วย ทำแบบนี้เหมือนพรรคประชาธิปัตย์มีพ่อคนเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมามีการนำประเด็นเรื่องรีสอร์ตหรูหลักร้อยล้าน ที่มีชื่อลูกสาว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นเจ้าของ ซึ่งมีการขนวัสดุก่อสร้างด้วยวิธีทางลัด โดยใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ในการขนส่ง ซึ่งประเด็นนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า จากการที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เดินทางลงพื้นที่ไปดูรีสอร์ตแห่งนี้ด้วยตัวเอง พบว่า มีชาวบ้านออกมาให้ข้อมูลว่า มีรถตำรวจนำขบวนรถบรรทุกขนไม้สักทองและวัสดุก่อสร้างมาตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยมีการเอื้อประโยชน์เปิดรั้วมอเตอร์เวย์ ให้สามารถเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้น นับว่าเป็นเอกสิทธิพิเศษที่มีคนไม่กี่คนที่สามารถทำได้
ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี นำประเด็นที่หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้าที่ 11 ลง "เรื่องลึกเจรจาลับ" เกี่ยวกับการเชี่อมโยงเรื่องราวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ และพาดพิงถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เนื้อหาในหน้าที่ 11 มีการระบุว่า การเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นชนวนทำให้ นายอภิสิทธิ์ แตกคอกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีการกล่าวถึงกรณีที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยกมือโหวตสวน ไม่เอา พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ทั้งๆที่เป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องนี้ หนังสือพิมพ์มติชน อ้างว่า มีข่าวลือหลุดออกมาว่า เหตุที่ นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป เพราะถูก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาทวงบุญคุณที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล โดยต้องการให้ พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ส่วนทางด้าน นายเนวิน ชิดชอบและพรรคภูมิใจไทย ต้องการตอบแทนบุญคุณสองพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ ด้วยการดัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
นายชัชวาลย์ กล่าวถึงประเด็นนี้ ว่า ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวอ้างถึงความต้องการของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเกี่ยวกับรายชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ตนจึงคิดว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องการเดินเกมเอาชื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาอ้าง เพื่อลดอำนาจต่อรองของ นายเนวินและพรรคภูมิใจไทย แต่เรื่องดันมาผิดแผน เพราะนายนิพนธ์ กลับมาบอกว่า คนที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องการจริงๆ คือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า ตนสังเกตการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์มติชนพยายามตีกรอบให้คนเข้าใจว่า พล.ต.อ.ปทีป เป็นคนของพันธมิตรฯ และ พ.ต.ท.จุมพล ซึ่งเป็นคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เห็นข้างกันอย่างชัดเจน ซึ่งการโยงเช่นนี้ ถ้าหาก พล.ต.อ.จุมพล ได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ตนว่า นายอภิสิทธิ์ คงอยู่ประเทศไทยไม่ได้ เพราะไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกแล้ว เนื่องจากประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน คือ นายนิพนธ์ นายสุเทพ และนายเนวิน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จะขึ้นเป็นประธานนายกรัฐมนตรี
ช่วงต่อมามีการหยิบยกคลิปเสียงตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาพูดถึง โดยประเด็นนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า คลิปเสียงตัดต่อนี้ คนทำไม่ใช่มืออาชีพ เพราะพบพิรุธให้จับได้หลายอย่าง โดยเรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้เปิดคลิปในสภา และจะขอรับผิดชอบเองหากมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจัดรายการวิทยุผ่านทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรกเมื่อวานนี้ และออกมาระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปเสียงตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ และยังเหน็บถึง นายสุเทพ ว่าไม่เคยติดต่อมาขอเจรจาเพื่อความสมานฉันท์ รวมทั้งต่อว่า นายสุเทพ ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง โดยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ระบุว่า กำลังเดินสายไปพบปมุขและผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อนำแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า การที่ นายสุเทพ เอาความสมานฉันท์มาอ้าง ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เพราะถ้าหากอยากตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จริงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางด้วยเครื่องบินอย่างเปิดเผยตลอด ทำไมไม่ประสานเพื่อขอจับกุมตัว แต่การออกไปบอกว่า ต้องการตามตัวและเอาความสมานฉันท์ขึ้นมาบังหน้า ทั้งที่จริงๆ พยายามปิดบังความผิด และเดินเรื่องนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้ได้ เนื่องจากรู้ดีว่าการขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย จึงใช้วิธีการนี้แทน
คลิกที่จอภาพ เพื่อรับชม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทางช่องอีสานทีวี-ทีวีเพื่อคนอีสาน วันที่ 2 กันยายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และพิธีกรรับเชิญ นายเทิดภูมิ ใจดี เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ได้มีการหยิบยกประเด็น อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดี ออกมาทวงติงท่าทีเฉยเมย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีการที่ไทยจะเสียดินแดน 4.6 ตร.กม.ให้แก่กัมพูชา รวมทั้งประเด็นรีสอร์ตหรูหลักร้อยล้านของลูกสาว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และประเด็นปมขัดแย้งระหว่าง นายอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกประเด็น หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน ลงเนื้อหาหน้า 11 พาดพิงถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ไปทวงบุญคุณ นายอภิสิทธิ์ ที่ทำให้ได้เป็นรัฐบาล โดยต้องการเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
โดยเริ่มรายการที่ น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็น อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดี ออกมาต่อว่าต่อขานท่าที นายอภิสิทธิ์ โดยนายชัชวาลย์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า เหตุที่วันนี้ อ.ศรีศักดิ์ ออกมาทำเช่นนี้ เพราะเห็นว่าท่าที่กระทรวงการต่างประเทศมีทัศนคติยึดถือคำตัดสินของศาลโลกที่อิงแผนที่ฝรั่งเศส และตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกลัวว่า หากไทยแข็งกร้าวเรื่องนี้ จะทำให้เรื่องถูกนำเข้าสู่กระบวนการตัดสินขององค์กรระดับโลก และนำไปสู่การเสียดินแดนอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ปัญหาที่สำคัญ คือ ตอนนี้ไม่ได้มีการทวงปราสาทเขาพระวิหารคืน แต่มีการคัดค้านการที่ทหารเขมรเข้ามารุกล้ำพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ของไทย
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อประเด็นนี้ว่า อ.ศรีศักดิ์ ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาล ออกมาชี้แจงกับประชาชนเรื่องที่ไปทำข้อตกลงร่วมกับกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องออกมาบอกประชาชนว่าทำอะไรมาบ้าง เพราะขณะนี้ยังไม่มีการตกลงเรื่องการปักปันเขตแดนที่ถูกต้อง เนื่องจากถ้าหากไล่ดูตามแนวสันปันน้ำจะเห็นได้ว่า ตามหลักการแล้วพื้นที่เป็นของไทยทั้งหมด แต่การที่ไทยปล่อยให้ทหารกัมพูชาไปรุกล้ำพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ถือเป็นการยอมรับแผนที่ฝรั่งเศสไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ถ้าดูตามแนวสันปันน้ำ พื้นที่และผลประโยชน์ทางทะเล จึงเป็นของไทยด้วย ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเอาผลประโยชน์ตัวเองไปเจรจากับกัมพูชา และยิ่งจะไปเซ็นข้อตกลงเพิ่มเติม นับว่าเป็นการยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อประเด็นนี้ ว่า เหตุที่ นายอภิสิทธิ์ เพิกเฉย อาจเป็นเพราะฟังข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าถ้าหากแข็งกร้าวจะเป็นผลเสียต่อประเทศไทย แต่ที่ไม่เข้าใจอยู่อย่าง คือ ท่าที นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ออกมาระบุว่า กำลังตามหาตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางสมานฉันท์ โดยเรื่องเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของไทยกับกัมพูชาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำมันในกัมพูชา ดังนั้น จากท่าทีของ นายสุเทพ ที่กลับมาจากพบ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และมาบอกว่า ให้เลิกพูดเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร แต่ให้หันมาสนใจ เรื่องผลประโยชน์ใต้ท้องทะเลดีกว่า เรื่องนี้จึงมีความสอดคล้องกัน แต่ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ถึงต้องไปเดินตามรอย พ.ต.ท.ทักษิณ และมีท่าทีเรื่องปราสาทเขาพระวิหารเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีคนนี้ด้วย ทำแบบนี้เหมือนพรรคประชาธิปัตย์มีพ่อคนเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง นั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ต่อมามีการนำประเด็นเรื่องรีสอร์ตหรูหลักร้อยล้าน ที่มีชื่อลูกสาว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นเจ้าของ ซึ่งมีการขนวัสดุก่อสร้างด้วยวิธีทางลัด โดยใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ในการขนส่ง ซึ่งประเด็นนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า จากการที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เดินทางลงพื้นที่ไปดูรีสอร์ตแห่งนี้ด้วยตัวเอง พบว่า มีชาวบ้านออกมาให้ข้อมูลว่า มีรถตำรวจนำขบวนรถบรรทุกขนไม้สักทองและวัสดุก่อสร้างมาตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยมีการเอื้อประโยชน์เปิดรั้วมอเตอร์เวย์ ให้สามารถเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้น นับว่าเป็นเอกสิทธิพิเศษที่มีคนไม่กี่คนที่สามารถทำได้
ช่วงต่อมา น.ส.อัญชะลี นำประเด็นที่หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้าที่ 11 ลง "เรื่องลึกเจรจาลับ" เกี่ยวกับการเชี่อมโยงเรื่องราวการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ และพาดพิงถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เนื้อหาในหน้าที่ 11 มีการระบุว่า การเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นชนวนทำให้ นายอภิสิทธิ์ แตกคอกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีการกล่าวถึงกรณีที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยกมือโหวตสวน ไม่เอา พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ทั้งๆที่เป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องนี้ หนังสือพิมพ์มติชน อ้างว่า มีข่าวลือหลุดออกมาว่า เหตุที่ นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป เพราะถูก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาทวงบุญคุณที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล โดยต้องการให้ พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ส่วนทางด้าน นายเนวิน ชิดชอบและพรรคภูมิใจไทย ต้องการตอบแทนบุญคุณสองพี่น้องตระกูลวงษ์สุวรรณ ด้วยการดัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
นายชัชวาลย์ กล่าวถึงประเด็นนี้ ว่า ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวอ้างถึงความต้องการของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเกี่ยวกับรายชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ ตนจึงคิดว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องการเดินเกมเอาชื่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาอ้าง เพื่อลดอำนาจต่อรองของ นายเนวินและพรรคภูมิใจไทย แต่เรื่องดันมาผิดแผน เพราะนายนิพนธ์ กลับมาบอกว่า คนที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องการจริงๆ คือ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย
นายชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า ตนสังเกตการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์มติชนพยายามตีกรอบให้คนเข้าใจว่า พล.ต.อ.ปทีป เป็นคนของพันธมิตรฯ และ พ.ต.ท.จุมพล ซึ่งเป็นคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เห็นข้างกันอย่างชัดเจน ซึ่งการโยงเช่นนี้ ถ้าหาก พล.ต.อ.จุมพล ได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ตนว่า นายอภิสิทธิ์ คงอยู่ประเทศไทยไม่ได้ เพราะไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกแล้ว เนื่องจากประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน คือ นายนิพนธ์ นายสุเทพ และนายเนวิน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จะขึ้นเป็นประธานนายกรัฐมนตรี
ช่วงต่อมามีการหยิบยกคลิปเสียงตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาพูดถึง โดยประเด็นนี้ น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า คลิปเสียงตัดต่อนี้ คนทำไม่ใช่มืออาชีพ เพราะพบพิรุธให้จับได้หลายอย่าง โดยเรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้เปิดคลิปในสภา และจะขอรับผิดชอบเองหากมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ ทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังจัดรายการวิทยุผ่านทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรกเมื่อวานนี้ และออกมาระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปเสียงตัดต่อ นายอภิสิทธิ์ และยังเหน็บถึง นายสุเทพ ว่าไม่เคยติดต่อมาขอเจรจาเพื่อความสมานฉันท์ รวมทั้งต่อว่า นายสุเทพ ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง โดยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ระบุว่า กำลังเดินสายไปพบปมุขและผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อนำแนวทางพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน
นายชัชวาลย์ กล่าวเสริมประเด็นนี้ ว่า การที่ นายสุเทพ เอาความสมานฉันท์มาอ้าง ไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เพราะถ้าหากอยากตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จริงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางด้วยเครื่องบินอย่างเปิดเผยตลอด ทำไมไม่ประสานเพื่อขอจับกุมตัว แต่การออกไปบอกว่า ต้องการตามตัวและเอาความสมานฉันท์ขึ้นมาบังหน้า ทั้งที่จริงๆ พยายามปิดบังความผิด และเดินเรื่องนำไปสู่การนิรโทษกรรมให้ได้ เนื่องจากรู้ดีว่าการขอพระราชทานอภัยโทษของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย จึงใช้วิธีการนี้แทน
