xs
xsm
sm
md
lg

สวาซิแลนด์ ที่พักใจของคนไร้แผ่นดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
โดย โชกุน


ไม่รู้ว่านักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง กับ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย จะรู้สึกอย่างไร กับ ภาพ นช.ทักษิณ ชินวัตร “ โชว์สัมพันธ์” ถ่ายคู่กับ กษัตริย์สวาติ ที่ 3 (King Mswati III ) แห่งราชอาณาจักรสวาซิแลนด์

สวาซิแลนด์นั้น เป็น “กรณีศึกษา” ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ยังปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช กษัตริย์สวาติเป็นประมุขของประเทศ มีอำนาจสูงสุดเพียงผู้เดียว ทรงแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรี และผู้พิพากษา รวมทั้งสมาชิกสภาสูง 20 คน จากจำนวน 30 คน และสภาผู้แทนราษฎร 10 คน จากทั้งหมด 65 คน

ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนจำนวน 55 คน แต่รัฐธรรมนูญสวาซิแลนด์ ห้ามมีพรรคการเมือง กษัตริย์สวาติบอกว่า ประเทศยังไม่พร้อมที่จะมีระบบการเมืองแบบหลายพรรค สถานีโทรทัศน์และวิทยุทุกช่อง ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด หนังสือพิมพ์รายวันซึ่งมี 2 ฉบับ ก็เล่นแต่ข่าวชาวบ้าน ข่าวบันเทิงและกีฬา

สวาซิแลนด์ จึงเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ยุคดึกดำบรรพ์ ไม่สมควรที่ผู้นำประชาธิปไตยที่แท้จริง (True Democracy) มาสู่เมืองไทย อย่าง นช.ทักษิณ จะไปเกลือกกลั้วด้วย

สวาซิแลนด์ เพิ่งจะได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อวันที่ 6 กันยายน 1968 กษัตริย์สวาติขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 1986 ขณะมีอายุ 18 ปี หลังจากพระราชบิดา คือ กษัตริย์ โซบูซาที่ 2 ซึ่งเปลี่ยนการปกครองของสวาซิแลนด์เป็นระบอบราชาธิปไตยในปี 1977 สิ้นพระชนม์

กษัตริย์สวาติ ชอบแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ เวลาปรากฏตัวในที่สาธารณะ และมีเมียหลายคน พระองค์เคยถูกซุบซิบนินทาอย่างหนาหูในเรื่อง ใช้เงินหลวงสร้างพระราชวังแห่งใหม่ ซื้อเครื่องบินส่วนตัว และรถหรูราคาแพง เสียงนินทามาเข้าหู จนยอมตัดใจล้มแผนซื้อเครื่องบินไป

สวาซิแลนด์ไม่มีทางออกทะเล เป็นประเทศที่ถูกขนาบด้วยอาฟริกาใต้ทางทิศเหนือ –ตะวันออก –ทิศใต้ และโมซัมบิก ทางตะวันออก มีประชากร 1.1 ล้านคน ซึ่งกว่า 60 % มีฐานะยากจน มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าวันละ 1.25 เหรียญสหรัฐ

อายุเฉลี่ยของชาวสวาซิแลนด์สั้นมาก คือ ผู้ชายมีอายุเฉลี่ย 40 ปี ส่วนผู้หญิง 39 ปี เพราะว่า เป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเอดส์สูงที่สุดในโลก คาดกันว่าประชากรมากกว่า 40 % ติดเชื้อเอชไอวี

ถ้ากษัตริย์สวาติ เป็นแฟน ติดตาม twitter ของ นช.ทักษิณ คงจะงงๆ ที่ นช.ทักษิณ twited มาว่า “หลังกลับออกจากเหมืองเพชร ผมได้เข้าเฝ้า H.E.King Mswati III พระมหากษัตริย์ของสวาซิแลนด์” เพราะเท่าที่พระองค์ทรงทราบมา สวาซิแลนด์ มีเหมืองเพชรอยู่แห่งเดียว เป็นเพชรที่ใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งมีบริษัทจากอาฟริกาใต้รับสัมปทานไปแล้ว นอกนั้น ก็มีแต่เหมืองถ่านหิน และเหมืองหิน ที่ใช้ในการก่อสร้าง

อุตสาหกรรมหลักของสวาซิแลนด์ คือ สิ่งทอและน้ำตาล ซึ่งตกต่ำอย่างมากหลังเสียโควตาในการส่งออกสิ่งทอไปยังสหรัฐฯ และอียู เลิกรับซื้อน้ำตาลในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกชาวสวาซิแลนด์ส่วนใหญ่ มีอาชีพการเกษตร ที่ให้ผลิตผลแค่พอ “ยังชีพ” ได้เท่านั้น

น่าแปลกมาก ที่ นช.ทักษิณไปถึงสวาซิแลนด์ทั้งที ไม่ยอมแวะไปอาฟริกาใต้ที่อยู่ติดกัน และมีธุรกิจที่น่าลงทุนมาก รวมทั้งเหมืองเพชรเหมืองทองที่เจ้าตัวสนใจด้วย ทั้งยังเป็นประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยวกัน คงเป็นเพราะว่าเป็นบุคคลต้องห้าม เหมือนกับอีกหลายๆ ประเทศ ที่ยึดหลักนิติรัฐในการปกครองประเทศ

ทำไม นช.ทักษิณ จึงไปสวาซิแลนด์ เพราะไม่มีที่ไปน่ะสิ แม้ว่านายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ปูดข่าวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เฉดหัว นช.ทักษิณออกนอกประเทศ จะไม่ได้นำเอกสารมาแสดงอย่างที่คุยเอาไว้ แต่การที่นายนพดล ปัทมะ ปิดปากเงียบในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดวิสัย ก็แสดงว่า เรื่องที่นายเทพไทพูด มีมูลอยู่ไม่น้อย

สวาซิแลนด์ กับไทยมีข้อตกลงเรื่อง โอนตัวผู้ต้องโทษทางอาญาระหว่างกันอยู่ แต่กษัตริย์สวาติ คือกฎหมายของสวาซิแลนด์ นช.ทักษิณจึงรู้สึกปลอดภัย และฉวยโอกาสใช้รูปถ่ายคู่กับกษัตริย์สวาติ มาสร้างข่าวประชาสัมพันธ์หลอกตัวเองและสาวกเสื้อแดงว่า ชีวิตยังไม่อับจน ยังได้รับการตอบรับจากผู้นำนานาประเทศ ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นจริงที่เจ้าตัวและญาติพี่น้องรู้อยู่แก่ใจว่า ชีวิตโดดเดี่ยวและสิ้นหวังขนาดไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น