ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – “เด็จพี่” หน้าแหกยับ หลังยื่นนายกฯ ตรวจสอบคุณสมบัติ “ศิริโชค” แถมแสดงบทเกเรไล่ฟัด พ่อ-พี่ชาย ส.ส.สงขลา แต่โดนหลักฐานสูติบัตรตอกหน้าหงาย ส.ส.ปชป. แฉกลับพี่ชายพร้อมพงศ์พัวพันวางระเบิด 7 จุด เมืองสุราษฎร์ ย้อนคนทุบตีภรรยา สมควรเป็นโฆษกพรรคการเมืองหรือไม่
จากกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ (31 ส.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ ตรวจสอบพื้นเพที่มาและคนรอบข้างของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลาและเป็นบุคคลใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี โดยนายพร้อมพงศ์อ้างว่า นายศิริโชคมีพฤติกรรมที่อาจจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของนายกฯ ทั้งพี่ชายของศิริโชคผู้ซึ่งเคยมีคดีฉ้อโกงหลายครั้ง ขณะที่ บิดาของนายศิริโชค ก็ความคลุมเครือเรื่องสัญชาติ ประกอบกับข้อมูลที่ตนตรวจสอบมาได้ความว่านายศิริโชคทำบัตรประจำตัวประชาชนในตอนอายุ 22 ปี ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลก เพราะโดยปกติคนไทยต้องทำบัตรประชาชนตอนอายุ 15 ปี หรืออย่างช้า 18 ปี จึงขอให้นายกฯ ตรวจดูสูติบัตรของนายศิริโชคว่ามีและถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ต่อมาช่วงเย็น ในช่วงเจาะข่าวเด่น รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้สัมภาษณ์นายพร้อมพงศ์ และนายศิริโชคพร้อมๆ กันในห้องส่ง โดยตอนต้นรายการ นายพร้อมพงศ์ได้พยายามยกประเด็นเรื่องพี่ชายของนายศิริโชคขึ้นมา ซึ่งนายศิริโชคได้ชี้แจงว่า พี่ชายของตนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว และไปดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน นอกจากนี้ คดีดังกล่าวก็เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และการที่นายพร้อมพงศ์พยายามเชื่อมโยงตนกับพี่ชายก็เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
“... คำว่าครอบครัวนี่ต้องนิยามให้ชัดเจน คุณนายศิริพจน์ (โสภา) พี่ชาย เขามีครอบครัว แล้วก็แต่งงานไปแล้ว และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลย แล้วเขาก็ไปตั้งบริษัทของเขาเอง ถ้าผมจะกล่าวหาพี่ชายคุณพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ว่าเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด มันสมควรไหมครับ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เลย พี่ชายชื่อนิพนธ์ (นพฤทธิ์) โดนหมายเรียกตำรวจที่สุราษฎร์ฯ ว่าเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดที่สุราษฎร์ฯ อย่างงี้ผมถามว่ามันยุติธรรมไหม เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่ว่าคุณพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เมื่อตรวจสอบผมไม่ได้ ก็พยายามไปดึงพ่อ ดึงพี่เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ และการจะทำให้ตัวเองดังมันก็มีวิธีอื่น ไม่สมควรที่จะใช้วิธีนี้” นายศิริโชคกล่าวตอบโต้
จากนั้น นายพร้อมพงศ์ได้พยายามกล่าวเฉไฉโดยโยงไปถึงกรณีสัญชาติของบิดาของนายศิริโชค และการทำบัตรประชาชนของนายศิริโชคว่าอาจเข้าข่ายว่าผิดคุณสมบัติของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญได้
“ผมมีข้อเท็จจริงว่า คุณศิริโชคน่าจะไปทำบัตรประชาชน เมื่ออายุ 22 ย่าง 23 ที่เขตปทุมวัน อันนี้จริงหรือไม่ … แล้วรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่าบุคคลที่จะเป็น ส.ส.ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด ก็มีปัญหาเรื่องสูติบัตรของคุณศิริโชค ว่าเกิดที่ไหนอย่างไร” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว และว่าตนอยากจะทราบด้วยว่าบิดาของนายศิริโชคเป็นคนลาวจริงหรือไม่
นายศิริโชคกล่าวตอบโต้ โดยระบุว่า ตนเป็น ส.ส.มา 3 สมัยแล้ว และได้รับการตรวจสอบมาโดยตลอดจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้ปกปิดว่าบิดาเป็นคนสัญชาติลาว แต่ตนเองเกิดในเมืองไทย โดยสาเหตุที่ไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 22 ปี ก็เนื่องจากตนเองไปศึกษาอยู่ในต่างประเทศโดยตลอด ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทยจึงทำบัตรประชาชน ซึ่งก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร พร้อมกันนั้นได้กล่าวสั่งสอนนายพร้อมพงศ์ด้วยว่า
“เวลาเราจะตรวจสอบอะไร เราต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นก่อน ก่อนที่จะไปยื่นจดหมาย ท่านไปยื่นจดหมายที่ทำเนียบบ่อยครั้งมาก เหมือนเวลาอยากจะดังทีก็ไปยื่น เอาอย่างนี้ดีกว่า ในฐานะที่ท่านเป็นรุ่นน้อง และยังไม่ได้เป็น ส.ส. เพราะว่าไปลงสมัครที่พังงาก็สอบตกหลายครั้ง (นายพร้อมพงศ์ ยิ้มเจื่อนๆ) ผมอยากจะบอกว่า การเป็นฝ่ายค้านที่ดีต้องมีข้อมูล” นายศิริโชคกล่าวพร้อมกับแสดงสำเนาสูติบัตรของตนเอง
สำหรับรายละเอียดของสูติบัตรของนายศิริโชคนั้นระบุชัดเจนว่า เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2510 เกิดเวลา 16 นาฬิกา 3 นาที แจ้งเกิดที่เขตบางรัก จ.พระนคร โดยบิดาเป็นคนลาว
เมื่อพิธีกรถามว่า เมื่อเห็นหลักฐานเช่นนี้แล้วนายพร้อมพงศ์จะกล่าวขอโทษนายศิริโชคหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ก็กล่าวอย่างอึกอัก พร้อมแก้ตัวว่าตนเองตรวจสอบไปตามข้อมูล ตามความสงสัยเท่านั้น โดยไม่ยอมที่จะกล่าวขอโทษ
สำหรับ คดีของพี่ชายนายพร้อมพงศ์ นายนิพนธ์ นพฤทธิ์ นั้นตกเป็นข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2552 ที่ผ่านมา โดยนายนิพนธ์ หรือ “โกยาว” ชาว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ถูกตำรวจอออกหมายเรียกเพื่อมาสอบสวนปากคำ หลังนายนิพนธ์ถูกนายสิริชาติ คงพันธ์ ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดป่วนเมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 7 จุด เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2552 ให้การซัดทอดถึงบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะนายนิพนธ์ นพฤทธิ์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิด
จากนั้น นายศิริโชคจึงกล่าวต่อว่า ในเมื่อนายพร้อมพงศ์พยายามตรวจสอบตนเองแล้ว ตนเองก็จะขอตรวจสอบนายพร้อมพงศ์บ้างว่า มีพฤติกรรมการทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเอง คือ น.ส.พรพรรณ เชาวลิต เมื่อเดือนเมษายน 2550 ว่าจริงหรือไม่ โดยนายพร้อมพงศ์ได้พยายามแก้ตัวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการใส่สีตีไข่ของสื่อขณะที่ตนเองเป็นดาราเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นายศิริโชคยืนยันว่าวันนี้ตนได้ส่งคนไปตรวจสอบและสอบถาม น.ส.พรพรรณ แล้วว่าเป็นเรื่องจริง และถามกลับว่า พฤติกรรมเช่นนี้ของนายพร้อมพงศ์สมควรที่จะเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ชมคลิปจาก Youtube