รายงาน โดย แสงตะวัน
ถูกจับตามองอย่างมากกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบ 53 ที่เริ่มเมื่อวานนี้( 27 สิงหาคม)เป็นวันแรก เหตุเพราะภาพและข่าว สภาฉาว
ที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชน กับการที่ส.ส.มีการแจกทั้งของลับ –กล้วยหอม หรือพ่นใส่ “วรนุส”กลางที่ประชุมสภาฯ เมื่อ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งความร้อนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นถึงขั้นต้องงัด “ของลับ”สุภาพบุรุษมาแจกให้กันเหมือนของเล่น
ก็เพราะผลพวงจากการจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 53 เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯวาระ 2 และ 3 ของชัย ชิดชอบ ที่ทำแบบเร่งรีบเกินไปหน่อย เลยถูกขวางจากพรรคเพื่อไทย ทำให้อุณหภูมิในห้องประชุมดุเดือดเลือดพล่าน จนกลายเป็นความตกต่ำอีกครั้งของสภาฯไทย
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมการประชุมสภาฯซักฟอกงบปี 53 ในวันแรกจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ก็พบว่าทั้ง กมธ.งบปี 53 ของเพื่อไทย และส.ส.ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ขอสงวนคำแปรญัตติในชั้น กมธ.ต่างลุกขึ้นอภิปรายทำหน้าที่ท้วงติงการตั้งงบของกระทรวง กรม ต่างๆได้มีเนื้อหาสาระเข้มข้นพอสมควร
อันเห็นได้ชัดว่า เวทีอภิปรายซักฟอกงบปี 53 ตลอด 2 วัน 2 คืน ที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีตลอดช่วงการอภิปรายได้กลายเป็นเวที
“ซักฟอกรัฐบาล-ถล่มฝ่ายตรงข้าม”
ของฝ่ายค้าน เพื่อไทย ที่ทั้งทุบทั้งตีแบบหนักบ้าง เบาบ้าง คละเคล้ากันไป แม้จะรู้ดีว่าไม่มีผลใดๆในทางการเมือง แต่ก็ทำให้อย่างน้อย
เพื่อไทย-เสื้อแดง-ทักษิณ ชินวัตร ได้สะใจกันในอารมณ์ที่ได้
“ด่ารัฐบาลกลางอากาศ”แล้วก็ถือโอกาส”ยกก้นทักษิณ”แบบเต็มๆ
หลังจากอึดอัดมานานกับการ พวกเสื้อแดงที่ไม่ค่อยได้ออกสื่อแบบเต็มๆ เลยต้องไปพึ่งบริการทีวีเสื้อแดงซึ่งไม่มีใครดู
เลยทำให้การอภิปรายงบประมาณ ที่โดยหลักแล้วต้องอภิปรายเรื่องการตั้งงบประมาณและวงเงินที่กระทรวงต่างๆ ได้รับเพิ่ม หรือถูกปรับลดในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ แต่ทว่าเรื่องตัวเลข การพูดถึงการใช้จ่ายเงินของกระทรวงต่างๆ มันไม่ได้น่าสนใจและพลอยจะทำให้ประชาชนไม่ติดตาม
เลยต้องงัดประเด็นการเมืองร้อนๆ ขึ้นมาถล่มรัฐบาลอย่างหนัก
ภาพรวมที่ประชาชนได้ยินได้ฟังในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบปี 53 วันแรก เลยมีการซักฟอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายต่อหลายเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนการเมืองกลางสภาฯ
ทั้งเรื่องปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ที่งัดตั้งแต่เรื่องปลากระป๋องเน่า มาจนถึงทุจริตงบโครงการชุมชนพอเพียง
การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่เล่นพรรคเล่นพวก ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่ฝ่ายค้านขอให้เร่งตรวจสอบข่าวฉาวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการส่วนอื่นๆ ที่ไม่มีธรรมาภิบาล
การโจมตีรัฐบาลว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหายาเสพติดที่ทำให้ตอนนี้ยาบ้ากลับมาระบาดอย่างหนัก การอภิปรายความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เดินมาผิดทาง เพราะเอากรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ที่ไม่มีฝีมือ มาทำงาน ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาลที่ออกมาไม่ได้ผลเช่น เช็คช่วยชาติสองพันบาท
ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงภาพรวมการตั้งงบรายจ่ายที่ไม่สมเหตุผล และเกรงว่าจะไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ตรงตามเป้าอันจะทำให้มีผลกระทบต่อวงเงินค่าใช้จ่ายที่ตั้งไว้ ,การอภิปรายประเด็นที่ไม่มีรายละเอียดและหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินของโครงการและค่าใช้จ่ายในวงเงินที่มีการปรับเพิ่มในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยเฉพาะในกระทรวงใหญ่ๆเช่นกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
แต่ที่เห็นได้ชัดจากการอภิปรายในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่แค่เริ่มต้นยังไม่ลงลึกรายละเอียดเรียงตามรายมาตรา งบของหน่วยงานที่ถูกจองกฐินซักฟอกหนักสุด ก็คือ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่มีอธิบดีชื่อ มานิตย์ วัฒนเสน ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยวันที่ 1 ตุลาคมนี้
ซึ่งเป็นกรมขนาดใหญ่ของกระทรวงมหาดไทย และที่สำคัญคือเป็นกรมที่มีเม็ดเงินงบประมาณรายจ่ายจำนวนมากปีละเป็นแสนล้านบาท
แถมล่าสุดในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯยังพบว่ากระทรวงมหาดไทยได้รับงบปรับเพิ่ม 4,100 ล้านบาท และเมื่อลงไปดูรายละเอียดก็พบว่างบที่ได้รับเพิ่มไปตกอยู่ที่กรมส่งเสริมฯถึง 3,110 ล้านบาท และเงินอุดหนุนแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีก 2,210 ล้านบาท
ทำให้แค่เริ่มต้นอุ่นเครื่องประชุมสภาฯกันไม่กี่ชั่วโมง มานิตย์ ก็เก้าอี้ร้อนแล้ว เพราะถูกฝ่ายค้านเดินหน้า ชกฟุตเวิร์กเข้าใส่ลำตัว หลายต่อหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดสรรงบพัฒนาและอุดหนุนเฉพาะกิจในโครงการต่างๆ ไปลงในพื้นที่ของรัฐมนตรีและแกนนำรัฐบาล ซึ่งคงหนีไม่พ้นนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุราษฏร์ธานี เป็นต้น
หรือการที่ ส.ส.เพื่อไทยอย่าง สถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พูดถึงเรื่องข่าวที่ได้ยินมาว่ามีการเดินสายขายโครงการงบประมาณเพื่อแลกกับเปอร์เซ็นต์
แต่อย่านึกว่ามี เฉพาะรัฐบาลเท่านั้นทีโดนฝ่ายค้านอภิปรายชำระแค้น ขนาดองค์กรอย่างสถาบันพระปกเกล้าก็ยังโดนหางเลขไปด้วย กับงบสัมมนา 300 ล้านบาทของสถาบันพระปกเกล้า
ทว่าเมื่อนึกดูให้ดี ก็จะรู้ว่าทำไมเสื้อแดงถึงตีกระทบชิ่งไปที่สถาบันพระปกเกล้า
คำเฉลยก็คือคงเป็นเพราะเพื่อไทยไม่พอใจที่บวรศักดิ์ อุวรรณโณออกมาขวางการยื่นถวายฎีกาของคนเสื้อแดง โดยงัดทั้งข้อกฎหมายมาสั่งสอนเสื้อแดงจนเสียรูปมวย
เลยถือโอกาสนี้ชำระแค้นกลางสภาเสียเลย
และเชื่อได้ว่าการอภิปรายอีกหนึ่งวันคือศุกร์ที่ 28 สิงหาคมนี้ พรรคเพื่อไทย คงต้องนวดรัฐบาลให้หนักมากที่สุดโดยเฉพาะปัญหาความล้มเหลวในการแก้ปัญหาด้านต่างๆ เพื่อหวังสร้างอารมณ์ร่วมให้กับประชาชน
จะได้ออกมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงให้มากที่สุดในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ และนี่คือยุทธศาสตร์การเมืองของทักษิณ ที่ใช้กลไกทั้ง “ในสภา-นอกสภา”เพื่อล้มอภิสิทธิ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดนั่นเอง