xs
xsm
sm
md
lg

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดทำลายพันธมิตรฯ !

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

กิจกรรมรณรงค์ที่จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2552 ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “หยุดทำร้ายประเทศไทย” ที่ได้รณรงค์ให้ประชาชนออกมาหยุดความรุนแรงและหยุดทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยนั้น ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และมีอีกหลายองค์กรที่เข้าร่วม ได้แก่ องค์กรภาคธุรกิจจากสภาหอการค้าและสภาอุตสาหกรรม ผู้แทนภาควิชาการ ผู้แทนภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสื่อวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคม ฯลฯ

งานนี้กองทัพ และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ สนับสนุนอย่างเต็มกำลัง โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อย่างออกหน้าออกตาด้วย

โครงการดังกล่าวภายใต้ชื่อ “หยุดทำร้ายประเทศไทย” ฟังดูผิวเผินก็ดูเป็นการรณรงค์ที่ดีและน่าสนับสนุน เพราะเป็นคนไทยที่ไหนก็คงไม่อยากให้ใครมาทำร้ายประเทศไทย แต่ประเด็นคำถามสำคัญก็คือ ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ต้องการที่จะบอกสังคมว่าใครเป็นฝ่ายทำร้ายประเทศไทย?

เพราะในขณะที่โครงการนี้รณรงค์อยู่นั้น ประชาชนที่เข้าร่วมจำนวนมากก็หลงเข้าใจว่าเป็นการหยุดยั้งการทำลายประเทศไทยของคนเสื้อแดงในปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังสงสัยว่าเหตุใดคนเสื้อแดงที่นิยมความรุนแรงในบางจังหวัดจึงได้ฉกฉวยโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ราวกับว่าฝ่ายตัวเองไม่ได้ใช้ความรุนแรงไปเสียอีก?


พอได้ฟังคำสัมภาษณ์ของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และ นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในรายการกรองสถานการณ์ในคืนวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ จึงได้ความชัดเจนว่า ผู้นำการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ต้องการบอกอะไรต่อสังคม

นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ระบุในรายการว่า ความรุนแรงและการปลุกระดมนั้นเกิดขึ้นจากการใช้คำพูดที่รุนแรงผ่านสื่อโทรทัศน์ 2 ค่าย ค่ายหนึ่งถูกปิดไปแล้ว อีกค่ายหนึ่งยังเปิดทำการอยู่ ซึ่งก็น่าจะหมายถึง สถานีโทรทัศน์ของคนเสื้อแดง ดี สเตชั่น สถานีหนึ่ง และเอเอสทีวี เป็นอีกสถานีหนึ่ง

ส่วน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ระบุในรายการอย่างชัดเจนว่า คนเสื้อเหลือง ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน เป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่นอน รัฐบาลจะต้องจัดการให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็นสองมาตรฐาน และหากจัดการไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่เป็นรัฐบาล

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ยังกล่าวในรายการอีกว่า บ้านเมืองนี้คนส่วนใหญ่เหมือนคนดูหนังในโรงหนัง วันหนึ่งเกิดไฟไหม้หากไม่ช่วยกันลุกขึ้นมาดับ คนในโรงหนังซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลังเงียบทั้งโรงหนังก็จะตายไปด้วย ดังนั้นต้องหยุดให้คนเหล่านี้มาทำร้ายประเทศไทย

สรุปก็คือ การหยุดทำร้ายประเทศไทย ของคนกลุ่มนี้ที่เอามาบังหน้าก็คือพยายามจะบอกเป็นนัยว่ากลุ่มคนเสื้อแดง และเสื้อเหลืองเป็นปัญหาของประเทศ

เป็นการแสดงความเห็นที่สมประโยชน์รัฐบาล สมประโยชน์ฝ่ายทหาร สมประโยชน์กลุ่มอำนาจใหม่ที่กำลังหาทางกำจัดคนทุกสี และพยายามขจัดการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากเอเอสทีวี และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ปัญหาคือคนที่คิดและพูดอย่างนี้มีความเข้าใจความแตกต่างระหว่างเสื้อเหลือง และเสื้อแดงหรือไม่!? หรือแกล้งไม่เข้าใจเพียงเพื่อฉกฉวยโอกาสตีกินเพื่อให้ตัวเองเป็นวีรบุรุษม้าขาวในสังคมไทย

กลุ่มคนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ

นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน นักการเมืองที่แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเองและครอบครัวในทางมิชอบ นักการเมืองโกงเลือกตั้ง จำเป็นต้องได้รับการลงโทษใช่หรือไม่?

คำถามนี้ขอถามไปยังนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ในสมัยกุมบังเหียนอยู่ที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจที่เป็นผู้เปิดโปงเรื่องคดีซุกหุ้นภาค1 และการเปิดโปงการซุกหุ้นภาค 2 กรณีของแอมเพิลริช ซึ่งเป็นข้อมูลชุดเดียวกันที่เป็นผลทำให้มีมวลชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 เพราะกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว!?

ปี 2548 – 2549 สื่อมวลชนถูกแทรกแซง องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแทบทุกองค์กรถูกแทรกแซงจนไม่สามารถดำเนินคดีกับคนในรัฐบาลให้ขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาลได้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถูกคุกคามอย่างหนัก ประชาชนมีทางอื่นใดบ้างถ้าไม่ออกมาสำแดงพลังด้วยการออกมาชุมนุมก่อนที่ชาติบ้านเมืองจะถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตา?

มวลชนเขาออกมาสู้ก็เพราะข้อมูลลักษณะเดียวกันกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจภายใต้การนำของนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ไม่ใช่หรอกหรือ ถ้าเชื่อว่าการเคลื่อนไหวมวลชนเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผิดและไม่ถูกต้อง แล้วสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบรัฐบาลทักษิณที่ผ่านมา ผิดหรือถูก!?

ปรากฏการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปี 2549 นั้น ใครเป็นฝ่ายทำร้ายประเทศไทย? ....ในสถานการณ์เช่นนั้นคนอย่างนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อยู่ที่ไหน!?

ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปีนั้น จนรัฐบาลสั่นคลอน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะยังนั่งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสวยสุขในรัฐบาลทักษิณต่อไปโดยไม่สนใจเรื่องหลักคุณธรรม จริยธรรม และการกระทำผิดกฎหมายต่อไปหรือไม่!? หรือจะเป็นเพียงนักฉกฉวยโอกาสกระโดดหนีออกจากข้างผู้จะแพ้ และออกมาอยู่ข้างชนะทุกครั้งไปโดยไม่ต้องสนใจความผิดถูก?

ปี 2551 การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมา คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการทำประชามติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ เพื่อป้องกันมิให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของนักการเมืองกันเอง ทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน หรือการโกงการเลือกตั้ง และขับไล่รัฐบาลที่มีพฤติกรรมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างสถาบันองคมนตรีอันเป็นการลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์

เพียงแค่วัตถุประสงค์และมูลเหตุในการชุมนุมเพียงแค่นี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ และนักวิชาการอื่นๆ จะอ่านไม่ออกอีกหรือว่าการต่อสู้ในวันนั้น ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายถูก และฝ่ายไหนเป็นฝ่ายผิด

ถ้าไม่มีการชุมนุมบนท้องถนน อยากทราบเหมือนกันว่านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ จะใช้สติปัญญาของตัวเองเสนอวิธีการในการหยุดยั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของนักการเมืองกันเองได้สำเร็จหรือไม่ อย่างไร!?

เราเห็นแต่ผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เสียสละแรงกาย แรงใจ งบประมาณเพื่อการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง โดยในปี 2551 ทั้งปี คนอย่างนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และนักวิชาการจำนวนหนึ่ง ที่เป็นเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย กลับทำตัวเป็นคนดูในโรงหนังอยู่เฉย ปล่อยให้รัฐบาลทำลายหลักนิติรัฐเผาบ้านเผาเมือง และปิดปากเงียบเมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยความรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตจำนวนมาก

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก็ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ ที่สนใจให้รัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อ้างว่ามายึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบิน ใช่หรือไม่?

หากนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ มีสามัญสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์สักนิดว่าประชาชนที่จำเป็นต้องยกระดับการชุมนุมเพราะถูกเข่นฆ่าด้วยอาวุธสงครามใจกลางกรุง ถูกอันธพาลของรัฐบาลยกพวกมาทำร้ายผู้ชุมนุม โดยที่รัฐบาล ทหาร ตำรวจ ไม่ให้ความสนใจในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม หากนายบวรศักดิ์ต้องการหยุดการทำร้ายประเทศไทย ก็ควรจะทวงถามอย่างกล้าหาญว่าใครเข่นฆ่าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์จนเป็นเหตุให้ประชาชนเขาต้องยกระดับการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลและรักษาชีวิตประชาชนให้เร็วที่สุด!

ถึงวันนี้เครือข่าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย” ยังไม่เคยสอบถาม หรือทวงถามหรือเร่งรัดให้ดำเนินคดีการใช้อาวุธ M 79 ที่กระทำใส่ผู้ชุมนุมจนบาดเจ็บ พิการ และล้มตายจำนวนมาก ตลอดจนยังไม่เห็นมีปฏิกิริยาใดๆ ในการใช้อาวุธสงครามจำนวนมากที่ยิงใส่เอเอสทีวี และการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล

สิ่งที่เครือข่าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย” กำลังทำในวันนี้ ที่หวังจะสลายคนทุกสีเสื้อ ซึ่งรวมถึงพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนกลุ่มสุดท้ายที่จะออกมาเพื่อต่อต้านนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน โกงบ้านกินเมือง

เครือข่าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย” สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวจตัวเองเสียก่อนว่าได้ทำร้ายประเทศไทยด้วยการบั่นทอนทำลายภาคประชาชนที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่!?

เหมือนกับการคิดจะปรองดองกันระหว่างความดีกับความชั่ว สมานฉันท์ระหว่างความถูกกับความผิดก็คือความสมานฉันท์แบบไร้หลักการ เป็นความสงบที่สมยอมให้อีกฝ่ายทำชั่วต่อบ้านเมือง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นประเทศไทยก็ไม่รู้ว่าจะมีคำตัดสินของศาลไปเพื่ออะไร!?

น่าสนใจตรงที่ว่า ข้อเรียกร้อง 9 ข้อ ของเครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย ไม่เรียกร้องไปหานักการเมือง ซึ่งเป็น “ต้นเหตุของการชุมนุมทั้งปวง” ว่า ให้หยุดทุจริตคอร์รัปชัน หยุดโกงการเลือกตั้ง หยุดแก้กฎหมายเพื่อฟอกความผิดตัวเองหรือเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เพื่อยุติต้นเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งทางการเมือง

ยุคนี้ คุณธรรม ศีลธรรม ของชาติกำลังเข้าสู่วิกฤตอย่างร้ายแรง และกำลังทำร้ายประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ เครือข่าย “หยุดทำร้ายประเทศไทย” อาจจะตกเป็นฝ่ายทำร้ายประเทศไทยเสียเอง เพราะมัวแต่คิดแต่จะตีกิน ทำลายภาคประชาชนที่สำนึกดีต่อบ้านเมือง และทำตัวเป็นสีขาวที่ไร้ความรับผิดชอบและไม่สนใจความผิดชอบชั่วดี

กำลังโหลดความคิดเห็น