กมธ.เสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิฯ จี้ รัฐบาลทบทวน มติ ครม.อนุมัติให้เงินชดเชยก๊าซเอ็นจีวี ปตท.ชี้ อย่านำเงินกองทุนพยุงน้ำมันที่รีดภาษีจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ไปช่วยเหลือก๊าซพลังงาน
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา นางสาวสุมล สุตตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ในฐานะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ร่วมกันแถลง กรณีที่คณะรัฐบาล (ครม.) มีมติให้มีการชดเชยค่าก๊าซเอ็นจีวี ให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 360 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเวลา 1 ปี โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นผู้เจรจา
โดย น.ส.รสนา กล่าวว่า ทาง กมธ.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า1.รัฐบาลไม่ควรใช้เงินกองทุนน้ำมันอย่างบิดเบือน เพราะกองทุนน้ำมันเป็นเงินที่เก็บจากประชาชนผู้ใช้น้ำมันเบนซิน เพื่อไว้พยุงกองทุนน้ำมันในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้น จนกระทบต่อราคาขายปลีก จึงไม่ควรชดเชยทั้ง เอ็นจีวี และแอลพีจี
2.ต้นทุนเอ็นจีวีไม่มีราคาเทียบเคียง ซี่งทาง ปตท.สามารถอ้างราคาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเป็นผู้ผูกขาดแต่เพียงรายเดียว ผิดกับกลไกตลาดเสรีที่ตลาดเป็นผู้กำหนดราคา 3.ครม.มอบให้ กบง.เป็นผู้เจรจาตกลงกับ ปตท.และอนุมัติจ่ายเงินโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาจาก กพช.ซึ่งเป็นเรื่องที่ขาดธรรมาภิบาล เนื่องจากคณะกรรมการแต่ละคนได้เป็นกรรมการในเครือ ปตท.อยู่แล้ว จึงทำให้ผู้รับเงินและผู้มีอำนาจอนุมัติเป็นคนคนเดียวกัน และ 4.มีการนำเงิน 1,200 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมันมาให้รถแท็กซี่ 30,000 คัน ในการเปลี่ยนถึงแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี ในมูลค่าคันละ 40,000 บาท โดยมีการล็อกสเปคให้ 3 บริษัทเป็นผู้มีสิทธิ์ติดตั้ง
น.ส.รสนา กล่าวอีกว่า ทางกรรมาธิการจะทำการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวจนถึงที่สุด จากนั้น จะทำหนังสือไปยังรัฐบาลโดยตรงอีกครั้ง เพื่อให้ทบทวนและชลอ มติ ครม.ที่ออกมา
ด้าน นางสาวสุมล กล่าวว่า ก่อนที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ประกาศนโยบายในการหาเสียงว่า “99 วันยกเลิกกองทุนน้ำมัน” แต่ขณะนี้กลายเป็นกองทุนถาวรไปแล้ว ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ยกเลิกกองทุนน้ำมันเสีย เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเสียเงิน โดยมีกลุ่มบุคคลเข้ามามีผลประโยชน์
