“โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา” เผยพรรคพร้อมหนุนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของ “ภูมิใจไทย” แต่ดักทางหากทำจริงไม่มีนัยแอบแฝง พร้อมเสนอเป็นมติพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งยอมปิดหูปิดตาไม่สนใคร-ได้อานิสงส์ร่วม อ้างเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม เย้ยไม่มีใครไม่กลัวคุก ชี้ปัญหาการเมืองไทยไกลเกินกว่าใช้หลักนิติศาสตร์แก้ไข
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน พ.ศ... ที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ เพราะถือว่าเป็นกฎหมายของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตนอยากถามพรรคภูมิใจไทยว่ามีความจริงจังกับการเสนอกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ หรือเป็นการเสนอร่างกฎหมายเพราะมีนัยซ่อนเร้น หรือต้องการกลบเกลื่อนสถานการณ์ใดหรือไม่ ดังนั้น หากพรรคภูมิใจไทยเอาจริงพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีให้การสนับสนุน เราสนับสนุนโดยไม่แคร์ว่าใครบางคนจะได้อานิสงค์จากกฎหมายฉบับนี้ เพราะเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้โดยรวมแล้วน่าจะเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์ โดยตนไม่เชื่อว่ามีคนอยากจะติดคุกจริงๆ
นายวัชระกล่าวว่า ส่วนแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว อาจเป็นเพราะไม่แน่ใจว่าการเสนอกฎหมายมีความจริงจังที่จะให้เกิดการนิรโทษกรรมจริงหรือไม่ หรืออาจเกรงว่าจะถูกนำเอาการเคลื่อนไหวทางการเมืองของแต่ละกลุ่มไปเป็นเครื่องมือ ตนไม่เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่กลัวคุก อย่างไรก็ตามการนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการเมืองไทยหรือสังคมพุทธ จะเห็นได้จากเหตุการณ์พฤษภาคม 2538 หรือทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร แต่ก็มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกครั้ง เพราะการปฏิวัติ หรือปิดสนามบินก็มีความเสียหายพอๆ กัน ตนไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมชาติที่แสดงออกทางการเมืองไม่ว่าสีใดต้องติดคุก
โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวอีกว่า ต้องการให้พรรคภูมิใจไทยชี้แจง หรืออธิบายเจตจำนงในการเสนอกฎหมายให้พรรคร่วมรัฐบาลรับทราบด้วย และหากเป็นไปได้สิ่งที่พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอเรื่องการนิรโทษกรรมนำมาพิจารณาประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่พรรคภูมิไจไทยเสนออาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของการสมานฉันท์หรือทำให้บ้านเมืองสงบลงกว่าเดิม แต่ถือเป็นแนวทางที่ดี ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรไปศึกษาว่ามีแนวทางใดที่มีอยู่ และใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาทนายความมองว่าหากออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะทำให้กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ นายวัชระกล่าวว่า การนิรโทษกรรมเคยมีมาแล้ว ถ้าจะมองเพียงหลักนิติศาสตร์อย่างเดียวก็ไม่ใช่เครื่องมือที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้ ปัญหาบ้านเมืองตอนนี้ไกลเกินกว่าที่จะใช้หลักนิติศาสตร์มาแก้ไขแล้ว เพราะความแตกแยกของคนไทยขณะนี้รุนแรงเกินกว่าที่เคยมี ถ้าไม่เบรกความคิดที่แตกแยกออกไปปล่อยให้ความขัดแย้งดำเนินต่อไปโดยไม่ยุติ ความคิดที่ไม่ตรงกันจะขยายตัวไปมากขึ้น ตนเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกินกรอบความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไปแล้ว จึงมีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้อโหสิกรรมกัน
เมื่อถามต่อว่าหากปล่อยให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้จะตอบสังคมอย่างไรสำหรับคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งเหลืองและแดง นายวัชระกล่าวว่า คนที่ไม่เกี่ยวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าเหลืองหรือแดง ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในสังคมต้องการให้ยุติความขัดแย้ง จึงเชื่อว่าที่สุดอาจยอมรับได้หากเห็นว่าการออกกฎหมายจะทำให้ความขัดแย้งจบลง
เมื่อถามว่าเมื่อเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยคล้ายกันทำไมจึงสนับสนุนร่างของพรรคภูมิใจไทย นายวัชระกล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยแสดงความชัดเจนในการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมพรรคก็พร้อมจะพิจารณา ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่ากรอบและเงื่อนเวลากว้างกว่าพรรคภูมิใจไทย เพราะมุ่งเน้นความขัดแย้งของคนสองกลุ่ม ไม่ได้รอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 และที่พรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้เป็นของพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยเองก็ต้องตอบทุกฝ่ายให้เข้าใจชัดเจนด้วยว่านัยยะในการออกกฎหมายมีวัตถุประสงค์อย่างไร