อัยการเลื่อนสั่งคดี “เสื้อแดงป่วนเมือง” ไปเป็น 12 ต.ค. เหตุสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ด้าน “ณัฐวุฒิ” ยันค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อ้างระบบยุติธรรมไม่เป็นมาตรฐาน ความขัดแย้งจะไม่มีวันจบ
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา นัดฟังคำสั่งคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับพวกรวม 14 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นมาจนรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือน เม.ย.52
วันนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามนัด ซึ่งอัยการ มีคำสั่งเลื่อนนัดออกไป เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ นัดสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายณัฐวุฒิกล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งเสื้อแหลืองและเสื้อแดงว่า เป็นการเบี่ยงเบนกระแสทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ขณะเดียวกัน เนื้อหาสาระในกฎหมายที่นำเสนอมานั้นเป็นไปไม่ได้จะมานิรโทษกรรมการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยอ้างว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย ระบบยุติธรรมไม่เป็นมาตรฐาน ปัญหาความขัดแย้งจะไม่มีวันจบ
“การจะเอาใจพันธมิตรฯ ช่วยเหลือบางคนในรัฐบาล แล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาพ่วงคนเสื้อแดงเข้าไปด้วย แล้วบอกว่านี่คือความสมานฉันท์มันไม่ใช่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา นัดฟังคำสั่งคดีที่นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับพวกรวม 14 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ยุยงส่งเสริมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันไม่ใช่ความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 116 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.เป็นต้นมาจนรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือน เม.ย.52
วันนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดเดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามนัด ซึ่งอัยการ มีคำสั่งเลื่อนนัดออกไป เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ นัดสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายณัฐวุฒิกล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งเสื้อแหลืองและเสื้อแดงว่า เป็นการเบี่ยงเบนกระแสทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ขณะเดียวกัน เนื้อหาสาระในกฎหมายที่นำเสนอมานั้นเป็นไปไม่ได้จะมานิรโทษกรรมการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มคนเสื้อแดง โดยอ้างว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย ระบบยุติธรรมไม่เป็นมาตรฐาน ปัญหาความขัดแย้งจะไม่มีวันจบ
“การจะเอาใจพันธมิตรฯ ช่วยเหลือบางคนในรัฐบาล แล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาพ่วงคนเสื้อแดงเข้าไปด้วย แล้วบอกว่านี่คือความสมานฉันท์มันไม่ใช่” นายณัฐวุฒิ กล่าว