xs
xsm
sm
md
lg

“วิชา” ยันชี้มูล “ป๊อด” ก่อนเกษียณ-ลั่นทำคดีจนจบเมิน กม.นิรโทษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิชา มหาคุณ
“วิชา” ยัน ป.ป.ช.ชี้มูล “พัชรวาท” เอี่ยวฆ่า ปชช. 7 ตุลาฯ ได้ก่อนเกษียณแน่นอน ไม่มีเหตุผลต้องยื้อเวลารอให้พ้นหน้าที่ไปก่อน เส้นตาย ผบ.ตร.นำมาพยานให้สอบเพิ่มและส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรสัปดาห์หน้า คาดราวกลางเดือน ก.ย.เคาะได้ ไม่สน “ภูมิใจไทย” ดัน กม.นิรโทษ ขอเดินหน้าทำคดีให้จบ

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ให้สัมภาษณ์ รายการ News Hour ทางเอเอสทีวี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ต่อกระแสข่าวที่ว่าการชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าว อาจมีขึ้นหลังจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.ไปแล้วว่า คงคาดการณ์อย่างนั้นไม่ได้ แต่เราจะเร่งให้เสร็จโดยเร็ว หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาทมาชี้แจงและนำพยานมาให้สอบในสัปดาห์หน้าแล้ว คงไม่ถึงสิ้นเดือน (ก.ย.) แต่อาจจะเป็นกลางเดือน

“สัปดาห์หน้า เราได้แจ้งให้ท่านเอาพยานมาและจะได้รีบสอบ พยานที่ท่านอ้างถึงเพราะท่านรู้แล้วว่าประเด็นไหนควรจะอ้าง ซึ่งท่านทราบแล้วและเข้าใจดีแล้ว”

นายวิชากล่าวต่อว่า พยานที่ พล.ต.อ.พัชรวาทจะเอามา อย่างมากที่สุดคงไม่เกิน 3 คน ซึ่งน่าจะเพียงพอ แต่ก็ขึ้นกับคณะกรรมการฯ ด้วย แต่เมื่อดูประเด็นแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่มากมาย ส่วนใหญ่ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็อ้างมาแล้วและสอบจบไปแล้วตอนที่มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตอนแรก แต่ที่จะนำพยานมาสอบเพิ่มเป็นแค่เพิ่มเติมเท่านั้น ซึ่งหลังจากสอบพยานเสร็จ คณะทำงานก็จะสรุปได้เลย และขณะนี้คณะทำงานก็ทำงานไม่หยุดไม่หย่อน

“เราพยายามให้จบในสัปดาห์หน้า ส่วนคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ท่านจะทำมานั้น เราก็บอกให้ท่านยื่นมาในสัปดาห์หน้า เพราะเราแจ้งข้อหาท่านร้ายแรง ก็ต้องเปิดโอกาสให้ท่านได้ชี้แจง สิ้นเดือนสิงหาคมเราก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมันเยอะมาก สำนวนอ่านกันไม่หวาดไม่ไหว คณะกรรมการที่ไม่ใช่คณะทำงานมาก่อนก็ต้องอ่านอย่างละเอียด และใช้เวลาราว 1 สัปดาห์ให้ท่านได้อ่าน และมาถกกันในที่ประชุม ซึ่งอาจมีประเด็นที่ต้องเพิ่มเติม ก็ต้องเผื่อเวลาด้วย ดังนั้นจึงยังไม่สามารถชี้ได้ว่าจะจบวันไหน ผมอยากให้จบเร็ว แต่ท่านอื่นก็อาจจะบอกว่าเวลาไม่พอ”

อย่างไรก็ตาม นายวิชากล่าวว่า คงไม่มีใครมาประวิงเวลาจน พล.ต.อ.พัชรวาทพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรอให้ พล.ต.อ.พัชรวาท เกษียณอายุราชการก่อน เพราะจะกลายเป็นว่าเราไปเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นจะออกหัวออกก้อย มันต้องอยู่ในวาระที่พอสมควรที่จะชี้ให้เห็นว่า เราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้ว ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ คงเป็นไปไม่ได้ ที่พยานของ พล.ต.อ.พัชรวาท จะขอเลื่อนไปจากสัปดาห์หน้า เพราะเราบอกแล้ว ถ้าไม่มาก็ต้องตัด ท่านรู้ดี และคุยกันแล้ว

นายวิชาย้ำว่า ข่าวที่ว่าจะไปชี้มูลหลัง พล.ต.อ.พัชรวาทเกษียณอายุราชการนั้นเป็นแค่ข่าวลือ และเป็นไปไม่ได้ที่ ป.ป.ช.จะไปยื้อเวลาเพื่อรอใคร “ผมจึงพยายามให้จบโดยเร็ว แต่มันไม่ได้ขึ้นกับผมหรืออาจารย์วิชัย แต่ขึ้นกับกรรมการท่านอื่นอีก 7 ท่านที่ต้องมารับฟัง มาดูว่าเพียงพอสำหรับท่านหรือเปล่า”

อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุสุดวิสัยต้องไปชี้มูลหลังเกษียณจริง หากมีความผิดทางวินัยก็สามารถออกคำสั่งย้อนหลังเพื่อเปลี่ยนแปลงได้ เพราะราชการมีระบบนี้อยู่

ส่วนการคุกคามคณะทำงานของ ป.ป.ช.ในการทำคดีนี้ นายวิชากล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีแล้ว เขาคงเข้าใจแล้ว เราตื้อมาได้ขนาดนี้แล้ว คงไม่มีอะไรมารบกวนได้

นายวิชากล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยที่จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับผู้ร่วมชุมนุมตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดระหว่างการชุมนุมทางการเมืองว่า เราไม่รับฟัง ไม่รับรู้รับชี้ทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ออกมาจริง ไม่ใช่ของจริง เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป หรือ แม้จะออกมาเราก็ทำหน้าที่ให้จบ ส่วนจบแล้วเมื่อไปที่ศาล ศาลจะบอกว่ามีกฎหมายออกมาแล้วก็ช่าง ไม่ใช่ว่าพอมีกฎหมายออกมาแล้วเราจะหยุด

“คดีนี้จะว่ายากก็ยาก แต่ขอเรียนว่าแต่ละท่านก็มีต้นทุนสูง มีผู้ที่หวังดีเยอะ ท่านก็อาจจะมาบอกว่า ช่วยดูๆ หน่อย ช่วยให้ความเป็นธรรมหน่อยก็มี แต่เราก็ได้ชี้แจงแล้ว ท่านก็เข้าใจดี”

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมตั้งคำถามว่า “น้องผมผิดอะไร”นั้น นายวิชากล่าวว่า ไม่เป็นไร พี่น้องกันก็เป็นปกติที่ต้องเป็นห่วงเป็นใยกัน เพราะมีความสัมพันธ์พิเศษ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำอยู่แล้ว แต่องค์กรตรวจสอบอย่างเราจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ หน้าที่เราต้องทำให้ชัดเจน จะผิดอะไรต้องดูว่าชัดเจนไหม ถ้าไม่ชัดเจนหรือคลุมเครือ มันก็ทำให้ท่านมาร้องได้ แต่ พล.อ.ประวิตร ยังไม่เคยมาร้องเรื่องนี้ ท่านเป็นสุภาพบุรุษมาก

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่เป็นคนยื่นเรื่องนี้ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้านนั้น ก็ไม่ได้มารบกวน หรือมาทำให้เห็นว่าเข้าข้างฝ่ายใด หรือผลักดันให้เกิดอะไร เพราะเราชัดเจน และส่งสัญญาณว่ามันคนละเรื่องกันระหว่างการทำคดีของ ป.ป.ช. กับการใช้อำนาจบริหารของนายกฯ

ส่วนคำตัดสินจะพลิกโฉมหน้าการเมืองเลยหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า เราไม่คิดไปไกลถึงขั้นนั้น เราจะไม่เอาเรื่องทางสังคมหรือการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้นมันไม่จบ เราทำงานต้องไม่มีอคติเจือปนให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นการผลักดันทางการเมืองหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรให้เป็นเรื่องของอนาคต

นายวิชาแสดงความเห็นในนามส่วนตัว ต่อการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ว่า เคยมีประเด็นนี้ออกมาแล้ว และทำให้คนได้รับความทุกข์ทรมานพอสมควร กรณีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ผลสุดท้ายก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรม มีผลถึงข้าราชการทุกฝ่ายที่สั่งใช้กำลังให้ไม่มีความผิด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่ผิดเพี้ยน

“ผมนึกถึงประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก็ไม่อยากให้มันซ้ำรอยที่ให้มันเกิดความรู้สึกไม่ดีกับผู้คน ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม หวังว่า สภาฯ คงพิจารณาให้จงหนัก เพราะสภาทรงไว้ซึ่งการออกกฎหมายทุกอย่าง จนในอังกฤษเขาพูดกันว่าจะออกกฎหมายให้คนใช้มือเดินแทนเท้าก็ได้ ซึ่งเป็นการพูดแบบประชดประชัน แต่นั่นหมายความว่า ต้องออกกฎหมายที่ใช้กับมนุษย์ธรรมดาสามัญที่อยู่บนโลกที่เรียกว่านิติรัฐ” นายวิชากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น