“โฆษกมาร์ค” เย้ยมวลชนเสื้อแดงอ่อนแรง ระดมพลได้แค่หลักหมื่น แถมฟ้าดินลงโทษฐาน “โฟนอินแม้ว” ลำเลิกบุญคุณในหลวง ปัดแม้วไม่ใช่แค่หมาก แต่เป็นตัวการใหญ่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก ชี้ยื่นฎีกาดับทุกข์เพื่อ “นช.แม้ว” แต่ทำให้คนทั้งประเทศเป็นทุกข์แทน
วันนี้ (17 ส.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันนี้ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ตามที่หลายฝ่ายมีความห่วงใย ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความอดทน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ได้แสดงฝีมือให้เห็นว่าสามารถที่จะดูแลความเรียบร้อยให้เกิดขึ้นตามที่รัฐบาลมอบหมายนโยบายไว้ ส่วนจำนวนผู้เข้าชุมนุมในวันนี้ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่แกนนำคนเสื้อแดงที่ประกาศไว้ว่าจะนำคนจำนวนแสนคนมาร่วมถวายฎีกาด้วย แต่ยอดจำนวนคนที่มาร่วมจริงๆ กลับมีเพียง 2 หมื่นกว่าคนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในครั้งนี้ มิหนำซ้ำบรรยากาศทุกครั้งที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ดินฟ้าอากาศก็ไม่เป็นใจ มีฝนตกกระหน่ำลงมาทุกครั้ง แม้แกนนำคนเสื้อแดงจะแก้เกี้ยวว่าเป็นการทำฝนเทียมของรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้น ฟ้าดินลงโทษแทบทุกครั้ง
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่ประกาศไว้ว่าจะเปิดใจเหตุผลว่าทำไมต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ และใครเป็นตัวการทำลายตัวเอง แต่ในที่สุดก็เป็นการโฟนอินที่มีเนื้อหาเดิมๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดประเด็นที่จะเคลื่อนไหวหรือสร้างประเด็นใหม่ๆ เพื่อมาหลอกลวงคนเสื้อแดงอีกต่อไป ที่ผ่านมาก็เป็นเพียงการประกาศ ประเด็นเคลื่อนไหวต่างๆ ก็เพื่อเรียกร้องให้สื่อมวลชน และสังคมสนใจ และเนื้อหาของโฟนอินในครั้งนี้ก็ยังเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดิมที่คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ไม่เคยแสดงความรับผิดใดๆทั้งสิ้น
“แม้แต่การถวายฎีกาครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่เคยแสดงความยอมรับหรือสำนึกผิดในการกระทำของตนเอง ทั้งๆ ที่เคยมีพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของการถวายฎีกาว่า การอภัยโทษนั้น ผู้ขอต้องรู้สึกสำนึกผิดด้วยตัวเอง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับโฟนอินว่าตัวเองสนองงานพระเจ้าอยู่หัว ว่า “ทรงแนะนำสิ่งดีๆ ให้ผมทำไปหลายครั้ง ผมไม่เคยอ้าง แต่สิ่งที่ทรงพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์ท่าน ผ่านตนเองทั้งนั้น” ซึ่งเป็นคำพูดในลักษณะที่ลำเลิกบุญคุณใช่หรือไม่”
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนเรื่องโทษจำคุกนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นเรื่องตลกที่สุด การขายทรัพย์ไม่ผิด ผู้ขายไม่ผิดผู้ซื้อไม่ผิด แต่สามีผู้ซื้อที่ยินยอมให้ทำนิติกรรม ผิด และตนเองไม่มีความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมว่าสืบอำนาจจากคณะปฏิวัตินั้น พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริง พูดความจริงไม่หมด เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกลงโทษจำคุกสองปี จะไม่มีความผิดได้อย่างไร ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไปดูกฎหมายการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 100 ว่าตัวเองมีความผิดตามกฎหมายนี้หรือไม่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เชื่อถือกระบวนการยุติธรรมของไทย แล้วจะมายื่นถวายฎีกาทำไม เพราะการพิจารณาคดีของศาลได้กระนำในพระปรมาภิไธยของพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว เมื่อศาลตัดสินว่าตัวเองผิดก็ไม่ยอมรับการตัดสิน แต่เมื่อตัวเองถูกพาดพิง ให้ได้รับความเสียหายก็จะใช้สิทธิยื่นฟ้องศาลที่ตนเอง ทั้งๆ ไม่มีความเชื่อถือหรือยอมรับ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้เดินและทำลายกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศนั้น ตนไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นหมากได้อย่างไร เพราะการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ในลักษณะที่ตัวการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม มากกว่าเป็นหมากตัวเล็กๆ และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามกล่าวหาว่ามีคนหลงอำนาจหลงผลประโยชน์เพียงไม่กี่คนมาเสี้ยมให้เราทะเลาะกัน และเผชิญหน้ากัน ตนไม่ทราบว่าคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาเป็นใคร แต่สังคมน่าจะรู้ดีว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ ที่มาเสี้ยมให้คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในวันนี้ เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยอ้างว่าถวายฎีกาเพื่อดับทุกข์ จึงอยากทราบว่าจะดับทุกข์ให้ใคร จะดับทุกข์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียวใช่หรือไม่ แล้วไม่คิดบ้างหรือว่าการดับทุกข์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้เป็นการก่อเกิดทุกข์ให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคนไทยทั้งแผ่นดิน