xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เปิดวิสัยทัศน์ “ก.ม.ม.” มุ่งให้ปัญญา ปชช.-สานต่ออุดมการณ์พันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” เปิดวิสัยทัศน์ “พรรคการเมืองใหม่” ชูอุดมการณ์เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ทำงานเป็น เสนอทางออกใหม่ให้กับวิกฤตชาติ ระบุเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรฯ ที่จะสืบทอดอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อประโยชน์คนส่วนใหญ่ ยอมรับไม่ใช่งานง่าย และต้องอดทน มุ่งให้ปัญญากับประชาชน มากกว่าให้ได้จำนวน ส.ส.



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แสดงวิสัยทัศน์พรรคการเมืองใหม่ 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 14 ส.ค. ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ จัดทัพการเมืองใหม่ โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคจาก 39 จังหวัด จำนวน 150 คน ซึ่งมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายภิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯได้เข้าร่วมสัมมนาด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวเปิดสัมมนาว่าพรรคการเมืองในปัจจุบันไม่ได้ต้องการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาและทำให้ประเทศชาติเกิดความร่มเย็น จึงมีความจำเป็นต้องจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้น โดยพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ประชาธิปไตย ส่วนในขณะนี้สังคมมีความเห็นไม่ตรงกัน และเกิดความแตกแยก ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกฝ่ายควรหันมาพูดคุยกัน

ต่อมา เวลาประมาณ 09.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์พรรคการเมืองใหม่ ว่า พรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นและมีศรัทธาต่อแนวทางการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นทางออกเดียวของการแก้ปัญหาบ้านเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองได้ มีแต่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองและพวกพ้อง อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองใหม่จะเป็นเครื่องมือของพันธมิตรฯ เท่านั้น พรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่เป็นเจ้าของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ เป็นองค์กรประชาชนที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีใครบังอาจไปก้าวล่วง ดังนั้น พรรคการเมืองใหม่จะเป็นเครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรฯ และต้องสืบทอด DNA อันเดียวกัน หลักการอันเดียวกัน อุดมการณ์อันเดียวกันกับพันธมิตรฯ

นายสนธิกล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่ โดยสรุปก็คือ เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น โดยคำว่าเสียสละนั้นหมายถึงเสียสละเวลา เสียสละเงินทองท่ำแสามารถเจียดได้ เสียสละอัตตาของตัวเอง ยินดีรับฟังคนอื่น ทิ้งความขัดแย้งส่วนตัวเพื่อทุ่มเทให้กับงานเพื่อชาติบ้านเมือง ส่วนซื่อสัตย์นั้นต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองว่าเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อชาติจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองภายหลัง เมื่อซื่อสัตย์กับตัวเองแล้วก็ต้องซื่อสัตย์กับเพื่อนร่วมงาน ซื่อสัตย์กับสังคม และซื่อสัตย์กับประเทศชาติ

นายสนธิกล่าวต่อว่า สำหรับคำว่ากล้าหาญนั้นคือกล้ายืนหยัดอยู่บนความถูกต้อง ไม่หวั่นเกรงว่าใครจะมาต่อว่า ซึ่งจะล้ายืนหยัดอยู่บนความถูกต้องก็ต่อเมื่อมีศรัทธาและมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ

“จริงๆ วิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่นั้นมันมีอยู่แค่นี้เอง มันมีอยู่แค่เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น และถ้าเราดำรงตรงนี้เอาไว้ อยู่ในหัวใจทั้ง 4 ห้องของเรา อยู่ใน DNA ของเรา อยู่ในสายเลือดของเรา และเพื่อนร่วมงานเราดำรงตรงนี้เอาไว้ ประชาชนดำรงตรงนี้เอาไว้ ขยับขยายอุดมการณ์อันนี้ไปตลอดเวลาบนพื้นฐานเสา 4 ต้นนี้ การเมืองใหม่ก็จะปักหลักแล้วก็ลงรากลงฐานมั่นคง”

นายสนธิกล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ที่สำคัญอีกข้อคืออดทนยึดมั่นในอุดมการณ์ โดยไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้ ส.ส.กี่คน ด้วยเหตุนี้ตนจึงกล้าประกาศให้เลือกข้างให้ชัดเจน ไม่ต้องมาแฝงตัว ใครจะเลือกประชาธิปัตย์ก็ให้ข้างไปอีกฝั่ง ใครจะเอาการเมืองใหม่ก็อยู่ฝั่งนี้ จะเหลือแค่แกนนำ 5 คนที่ทำการเมืองใหม่ แกนนำทั้ง 5 คนก็จะยืนอยู่ที่เดิมกับอุดมการณ์ความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และทำงานเป็น

“ความสำเร็จของการเมืองใหม่ ความสำเร็จของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ตั้งพรรคการเมือง ตั้งอุดมการณ์ที่สวยหรู แล้วก็จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ใช่ ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธา แล้วก็เดินไปสู่เป้าหมายของการเมืองใหม่ด้วยความอดทน และระลึกเสมอว่าหัวใจสำคัญที่สุด สำคัญพอๆ กับซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ ทำงานเป็น และอดทนนั้น ก็คือการที่เราทุกคนต้องให้ปัญญากับประชาชน” นายสนธิกล่าว และว่า การทำการเมืองใหม่ไม่ง่าย อย่าไปมุ่งว่าจะต้องมี ส.ส.เข้ามากี่คน แต่ให้มุ่งไปที่การให้ปัญญาคน

**นัดประชุมใหญ่ 19 ก.ย.นี้

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองใหม่ว่า ทางพรรคได้กำหนดจัดประชุมขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.นี้ โดยจะมีการเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งจะมีการทบทวนข้อบังคับพรรค และนโยบายของพรรคใหม่ และสอบถามความพร้อมของสาขา และสมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมในการลงสมัครเลือกตั้งทั่วไปที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าทิ่คิด ซึ่งหากมีการเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนี้ พรรคการเมืองใหม่มั่นใจว่า จะได้เสียง กว่า 30 ที่นั่ง และจะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งสถานการณ์การเมืองหากเกิดสึนามิทางการเมือง พรรคการเมืองใหม่อาจจะได้เสียงมากขึ้นไปอีก

"สถานการณ์ของรัฐบาล และบรรยากาศการเมือง อาจส่งผลให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ต้องตัดสินใจยุบสภาเร็วๆ นี้ เนื่องจากการจัดสรรผลประโยนช์พรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงตัว ประกอบกับคดีการลอบยิงนายสนธิ อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของขั้วอำนาจในรัฐบาล เรื่องผลประโยนช์สามารถคุยกันได้ แต่เรื่องของคดีความ ไม่สามารถยอมความได้ เนื่องจากอาจจะโยงไปถึงคนในรัฐบาล รวมทั้งปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลยุบสภา ประกอบด้วย คดีลอบยิงนายสนธิ คดีนายเนวิน ชิดชอบ เรื่องกล้ายาง การตัดสินในวันที่ 17 ส.ค. อาจจะเป็นจุดพลิกผัน หากศาลพิพากษาเอาผิด ส่งผลกระทบต่อพรรคภูมิใจไทย และคนเสื้อน้ำเงิน ดคีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ในช่วงปลายปี หรือต้นปีหน้า แต่พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการเร่งเร้าให้มีการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศก่อนที่ศาลจะตัดสิน เรื่องคอร์รัปชันของรัฐบาล กรณีชุมชนพอเพียง การโยกย้ายตำรวจ ทำให้สะท้อนเห็นคลื่นใต้น้ำของพรรคประชาธิปัตย์ หลายฝ่ายมองว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ลากต่อไป พรรคจะต้องเสี่ยงต่อการเสียคะแนนนิยม และปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เราไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากของรัฐบาลชุดนี้ ถือเป็นกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ " เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าว

นายสุริยะใส มั่นใจว่าในสมัยของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. จะทำหน้าที่สะสางคดียิงนายสนธิ ได้ไม่ถึงขั้นยุติ หรือถึงตัวผู้บงการ เพียงแต่อาจจะชี้เป้าถึงตัวผู้บงการได้ ซึ่งแม้ขณะนี้จะมีความพยายามที่จะตัดตอนเรื่องนี้อยู่ โดยสังคมต้องพยายามช่วยกันต่อจิกซอว์ เป้าหมายดังกล่าว ผลที่ตามมาจะทำให้รัฐบาลชุดนี้พังเร็วกว่ากำหนด

นายสุริยะใส กล่าวถึงสถานการณ์ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ว่าในที่ประชุมแกนนำพันธมิตรฯ ได้มีความเห็นว่า ในช่วงเดือนนี้ถือเป็นเดือนอันตราย ที่จะเป็นจุดพลิกผันทางการเมือง โอกาสจะเกิดเหตุการณ์รัฐประหารขึ้นได้ เพราะเงื่อนไขมีความสลับซับซ้อนมากกว่าช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549

คำต่อคำ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แสดงวิสัยทัศน์พรรคการเมืองใหม่

“คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ท่านแกนนำ ตัวแทนพรรคการเมืองใหม่ 39 จังหวัด วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งที่ผมภูมิใจที่ได้มานั่งต่อหน้าท่านสมาชิกพรรค หรือว่าจะเรียกกันแบบเดิมๆ ก็คือ พ่อแม่พี่น้อง เอ๊ย ก่อนที่เราจะพูดถึงวิสัยทัศน์พรรคการเมืองใหม่ เราต้องทราบประวัติศาสตร์นิดหนึ่งนะครับ ถ้าเราดูวิวัฒนาการของรัฐธรรมนูญมาแล้ว เหมือนอย่างที่ท่านหัวหน้าพรรค พี่สมศักดิ์พูดไปเมื่อกี้ รัฐธรรมนูญทุกฉบับเขียนออกมาสวยหรูมาก แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่สามารถจะสวมเข้าไปกับบริบทของรัฐธรรมนูญนั้นได้ ยกเว้นพรรคการเมืองใหม่พรรคเดียวเท่านั้นเอง

ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ที่ผมพูดเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าเราดูประวัติศาสตร์การเมืองแล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 ที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นมาแล้ว 67 ปี 67 ปีของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นการเกิดของอำมาตย์ ศักดินา และก็ผู้ซึ่งสร้างพรรคขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้แนวทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะเป็นแนวทางนี้มาตลอด ไม่ว่าตั้งแต่สมัยคุณควง อภัยวงศ์ ไล่มาเรื่อยๆ มาช่วงหลัง พรรคประชาธิปัตย์นั้น 67 ปี พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สร้างมวลชน มวลชนที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างนั้นก็ยังอยู่ในกลุ่มมวลชนที่อยู่ในหลักการในการสร้างพรรคตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นแล้วเราจะเห็นได้ชัดว่า ถ้าเราดูผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ เราจะเห็นว่าประกอบด้วย ระดับชั้นที่ผมได้เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง

มีอยู่พักหนึ่ง เรามีคนอย่างเช่น ท่านบุญยิ่ง นันทาภิวัฒน์ ท่านก็เป็นศักดินาเก่า เรามีอดีตเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีหลายๆ คน อย่างเช่น ท่านสาวิตต์ โพธิวิหค เรามีเยอะแยะไปหมด แม้กระทั่งคนอย่างท่านเกษม จาติกวณิช ซึ่งวันนี้ก็ไม่เอากับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่หันกลับมาเอากับพรรคการเมืองใหม่ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง

อะไรมันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงก็เพราะ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีโอกาสหรือว่ามีโอกาสแต่ไม่กล้าที่จะหลอม แล้วสร้างภราดรภาพให้เกิดขึ้น ระหว่างศักดินา ชนชั้น เชื้อพระวงศ์ นักธุรกิจ ลงมาจนกระทั่งถึงผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก และลงไปกระทั่งถึงผู้ใช้แรงงาน ไม่มีโอกาศและก็ไม่เคยมีใครทำได้ พรรคไทยรักไทยก็ล้มเหลวในเรื่องนี้ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปขายภาพของตัวเอง ว่า ตัวเองนั้นคือตัวแทนชนชั้นกลาง พรรคไทยรักไทยก็เลยหนี จากตรงกลางลงมาสู่ข้างล้าง เพราะข้างล่างนั้นซื้อง่ายกว่า ด้วยเหตุนี้ก็เลยกลายเป็นสองขุมกำลัง

แต่ว่าจากปี 2548 ปลายปี จนกระทั่งผ่าน 193 วันมานี้ พวกเราได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ขึ้นมาในแผ่นดินไทย ปรากฎการณ์นี้คือภราดรภาพ ในการเข้ามาร่วมกัน อย่างที่เราเคยพูดตลอดเวลา ถ้าพ่อแม่พี่น้องจำได้ ว่า เราบอกว่าเมื่อเรามองไปในท่ามกลางฝูงชน เราเห็นเชื้อพระวงศ์ หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ นั่งรับปทานอาหารกับคนที่มาจากทางอีสาน เราเห็นเจ้าของโรงแรมเปิดเต็นท์ แล้วก็มีคนเข้ามารับปทานอาหาร เจ้าของโรงแรมทำอาหาร เราเห็นหมอ ทันตแพทย์ มาเก็บขยะมาทำความสะอาด เราเห็นมุสลิมกับพุทธ อยู่ด้วยกันคุยด้วยกันมีอุดมการณ์เดียวกัน นี่คือสินค้าชิ้นใหม่ที่มีจิตวิญญาณ ไม่ใช่สินค้าที่เข้าไปในเบ้าหลอมแล้วหลอมออกมา แล้วเอามาตั้งโต๊ะ ไม่ใช่แล้ว

เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือจุดเริ่มต้นของการเมืองใหม่ ซึ่งพ่อแม่พี่น้องต้องเข้าใจตรงนี้เอาไว้ก่อน ถ้าไม่เข้าใจประเด็นนี้แล้ว จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันมีความหมาย มันไม่ได้มีความหมายเฉพาะตัวเอง มันไม่ได้มีความหมายเฉพาะลูกหลาน แต่มันมีความหมายไปถึงแผนดิน ไปถึงแผ่นดินไทยในอนาคต ว่าเมืองไทยต่อไปจะอยู่กันอย่างไร จะทำอย่างไร จะมีจุดยืนอย่างไร ถึงจะเป็นเมืองไทยที่เราอยากจะสู้ เพื่อให้ลูกให้หลานเรา

การลุมฆ่าผมเป็นหนึ่งประเด็น แต่ไม่ใช่เป็นประเด็นเพราะ ว่า เขามารุมฆ่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แต่เป็นประเด็นว่า ถ้าเป็นพรรคการเมืองใหม่จะไม่ยอมให้ใครก็ตาม เอากำลังทหารและตำรวจ มาใช้อาวุธสงคราม แล้วรุมฆ่าใครก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นนายสนธิ ลิ้มทองกุล จะต้องมีความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อเราแยกประเด็นแต่ละประเด็นออก หรือแม้กระทั่งประเด็นของการที่เราไปประท้วง การที่ไม่ยอมการที่เขาต้องการแก้รัฐธรรมนูญ แล้วต่อเนื่องไปจนถึงประทวง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กำลังจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ นี่คือสิทธิการประทวงตามหลักรัฐธรรมนูญที่แท้จริง แต่เรากลับโดนยัดข้อหาผู้ก่อการร้าย นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง

เพราะฉะนั้นแล้วทำไมการเมืองเก่าถึงกลัวการเมืองใหม่มาก การเมืองเก่ากลัวการเมืองใหม่ก็เพราะว่า การเมืองใหม่เป็นการเมืองที่หลอม ให้สังคมไทยเกิดภราดรภาพ เป็นครังแรกในประวัติศาสตร์ไทย ไม่เคยมีมาก่อน สมัยก่อนเรามีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคศักดินา เรามีพรรคสังคมนิยม ซึ่งเขาเรียกว่าฝ่ายซ้าย แล้วเรามีพรรคกรรมกร พรรคชาวนา วันนี้เราไม่มีพรรคใดทั้งสิ้น นอกจากพรรคการเมืองใหม่ เพราะเป็นที่รวมของคนทุกคน ใจทุกเส้นใจทุกห้อง เลือดทุกหยด เข้ามาหลอมรวมกัน เพื่อที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้นกว่าเก่า

พรรคการเมืองใหม่กุญแจอยู่ที่ไหน กุญแจอยู่มี่เข้าใจตรงนี้ก่อน ถ้าพ่อแม่พี่น้องไม่เข้าใจตรงนี้ การที่จะเข้าใจขั้นต่อไปจะยากแล้ว ทำไมถึง คนถึงไม่อยากให้เกิด ที่เขาไม่อยากให้เราเกิด ก็เพราะว่า เราเป็นอันตรายต่อพวกเขามาก ทำไมเราถึงเป็นอันตรายต่อเขา พี่น้องได้รับ เห็นนโยบายคร่าวๆของพรรคการเมืองใหม่แล้วใช่ไหม ใครยังไม่ได้รับยกมือครับ ถ้าได้รับแล้วถามตัวเอง ว่า แต่ละข้อที่เป็นนโยบายแก้วิกฤตินั้น ถามตัวเองว่า การเมืองเก่าแก้ได้ไหม แก้ไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ทำไมถึงแก้ไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว เพราะว่าเขาเริ่มด้วยการที่เขาไม่เสียสละ 2.เขาไม่ซื้อสัตย์ 3.เขาไม่กล้าหาญ และ4.เขาทำงานไม่เป็น ใช่ไม่ใช่พี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วท่านหัวหน้าพรรค พี่สมศักดิ์ ได้พูดออกมาเป็นหลักการของเรา ก็คือ เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น นี่คืออุดมการณ์ของพรรคการเมืองใหม่ และนี่ก็คืออุดมการณ์ในการที่ปฎิบัติการณ์ในพรรคเช่นกัน

ที่พี่สมศักดิ์ พูด เมื่อกี้ว่าให้เอาเรื่องส่วนตัวมาวางไว้ข้างๆ อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย นั่นคือการเสียสละ ใช่ไม่ใช่ 2.ซื่อสัตย์ หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเราต้องทำอะไรตรงไปตรงมา โปร่งใส มีใครบริจาคเงินเข้ามา โดยที่นอกเหนือจากที่ให้เป็นค่าบำรุงแล้ว ไม่ใช่วัดครึ่งกรรมการครึ่ง อันนั้นก็คือซื่อสัตย์แล้ว กล้าหาญ กล้าหาญที่จะเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคการเมืองใหม่ เพราะว่า อุดมการณ์พรรคการเมืองใหม่เป็นอุดมการณ์อันเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองไปรอด พรรคอื่นๆ ขอประทานโทษ ใช้ศัพท์พี่สมศักดิ์ ขี้หมาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือเรื่องจริง ถ้าพี่น้องยังไม่เข้าใจปรัชญาตรงนี้ ยังไม่เข้าใจอุดมการณ์ตรงนี้ พี่น้องจะไม่เข้าใจการเมืองใหม่ และพี่น้องไม่ใช่คนที่ควรจะมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่

การเมืองใหม่ เหมือนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหมือนการต่อสู้ครั้งแรกของผมเมื่อปลายปี 2548 ยากเย็นแสนเข็ญ ถูกดูถูกเหยียดหยาม ถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ มีความขัดแย้งกับคุณทักษิณ ถูกว่าโน่นว่านี่ แต่เราอยู่ได้เพราะอะไรพี่น้อง เราอยู่ได้เพราะเราศรัทธาในสิ่งที่เราทำ เมื่อเราศรัทธา เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำแล้ว เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง เรามั่นใจว่าอุดมการณ์พรรคการเมืองใหม่เป็นอุดมการณ์อันเดียวที่จะนำชาติให้อยู่รอดได้ เมื่อเรามีศรัทธา เรามีความเชื่อมั่น เราต้องไม่ย่อท้อและท้อถอย ถ้าท่านท้อถอยแล้วไอ้คนที่ถูกยิงเกือบ 200 นัด มันยังไม่ท้อถอย แล้วท่านไม่อายผมเหรอ ท่านต้องคิดให้ดีๆ นะครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว วิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่ต้องเริ่มด้วยการเชื่อมั่นและมีศรัทธาเสียก่อน ท่านศรัทธาหรือเปล่าล่ะที่ท่านเข้ามาร่วมกัน เหมือนที่เราศรัทธากัน ร่วมมือกันเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วพรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น พรรคการเมืองใหม่ไม่ใช่เป็นเจ้าของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นองค์กรประชาชนที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีใครบังอาจไปก้าวล่วง แต่พรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือเครื่องมือหนึ่งของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ต้องสืบทอด DNA อันเดียวกัน หลักการอันเดียวกัน อุดมการณ์อันเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมีศรัทธา มีความเชื่อมั่น เมื่อเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำนั้นจะแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ ถามตัวเองว่าเสียสละได้ไหม คำว่าเสียสละ เสียสละได้หลายอย่าง ไม่จำเป็นต้องเสียสละถึงกับหย่าเมีย หย่าผัว ทิ้งลูกทิ้งเต้า ไม่ใช่อย่างนั้น คำว่าเสียสละไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น เสียสละเวลาของตัวเอง เสียสละเงินทองบางส่วนที่สามารถเจียดได้ เหมือนการทำบุญ พระท่านจะบอกว่า ทำบุญแต่อย่าให้ตัวเองเดือดร้อน ถ้าทำบุญแล้วตัวเองเดือดร้อนนั้นไม่ใช่บุญ ไม่เหมือนวัดธรรมกาย มีเงินเท่าไรยกให้ธรรมกายหมด ถึงจะได้หมด เพราะว่าบุญของเขาซื้อได้ด้วยเงิน ก็เหมือนกับพรรคการเมืองเก่า เสียสละของเขาก็คือว่าเอาเงินไปลงในพรรคนั้นเพื่อหวังผลประโยชน์กลับมา

เสียสละอีกข้อหนึ่ง นี่คือวิสัยทัศน์พรรคการเมืองใหม่ สำคัญมาก เสียสละอัตตาส่วนตัวได้ไหม อีโก้ (Ego) ส่วนตัว บางคนเริ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปลายปี 48 พอต่อมาเรื่อยๆ ต่อมาเรื่อยๆ ปรากฏว่าน้อยใจ หาว่าเดี๋ยวนี้พอพันธมิตรฯ ใหญ่ขึ้น ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ไม่ใช่ ถ้าคิดอย่างนี้ไม่ได้เสียสละ ถ้าคิดอย่างนี้แสดงว่าเข้ามาร่วมเพราะว่าอีโก้ อัตตาตัวเอง ไม่ได้ นี่คือการเสียสละ

เสียสละอีกข้อหนึ่งก็คือว่า เสียสละในการที่ยินดีที่จะฟังความคิดเห็นคนอื่น แล้วใช้ความคิดเห็นที่บริสุทธิ์นี้เป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่ใช้อัตตาตัวเองเป็นตัวตัดสิน เพราะว่าวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่นั้นจะต้องเจออุปสรรคแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องคัด เลือกสรรผู้ที่จะต้องลงเลือกตั้ง

เสียสละข้อที่ 4 เหมือนพี่สมศักดิ์ ท่านหัวหน้าพรรคพูดไปแล้ว คือเสียสละได้ไหมว่าเมื่อเลือกแล้ว ตัดสินใจกันแล้ว เดินหน้าไปแล้วกับอุดมการณ์อันนี้ เดินหน้าไปแล้วกับเหตุนี้ คนนี้ เสียสละก็คือว่า ทิ้งความขัดแย้งส่วนตัว แล้วก็ทุ่มเทไปให้กับคนคนนี้ ถึงแม้เราจะไม่ชอบขี้หน้ามัน ถึงแม้เมียมันจะปากจัด ชอบด่าเรา แต่ว่าเรานึกถึงชาติบ้านเมืองก่อน เรานึกถึงอุดมการณ์ก่อน นั่นคือสุดยอดของการเสียสละ

ซื่อสัตย์ ข้อที่ 2 วิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่ จริงๆ ก็คือ 4 หัวข้อนี่เอง เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น ซื่อสัตย์อย่างไร ซื่อสัตย์กับตัวเอง เริ่มตรงนี้ก่อน เริ่มตรงนี้ก่อน ซื่อสัตย์กับตัวเองว่าที่ตัวเองมาร่วมนั้น ตัวเองร่วมเพราะอุดมการณ์นี้เป็นอุดมการณ์ที่จะแก้ไขชาติบ้านเมืองได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเข้ามาร่วมเพราะว่ามันจะมีประโยชน์ทีหลัง ต้องซื่อสัตย์ตรงนี้ก่อน เมื่อซื่อสัตย์กับตัวเองแล้วก็ต้องซื่อสัตย์กับเพื่อนร่วมงาน เมื่อซื่อสัตย์กับเพื่อนร่วมงานได้แล้ว มันถึงนำไปสู่การซื่อสัตย์กับสังคม และซื่อสัตย์กับประเทศชาติ

กล้าหาญ ความกล้าหาญคืออะไร ความกล้าหาญไม่ใช่มายืนแล้วก็บอกว่า เฮ้ย ถ้ากล้าหาญนี่ต้องโดนแบบสนธิโดน ถึงจะกล้าหาญ ไม่ใช่ ความกล้าหาญคือกล้ายืนหยัดอยู่บนความถูกต้อง โดยที่ไม่หวั่นเกรงว่าใครจะว่าเรา หรือใครจะเห็นเราว่าอย่างไร ความกล้าหาญที่ยืนหยัดบนความถูกต้องจะทำได้ก็ต่อเมื่อ พวกพ่อแม่พี่น้องมีศรัทธาและมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่พ่อแม่พี่น้องทำ ใช่ ไม่ใช่ ถ้าไม่ศรัทธา ไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วจะกล้าหาญไปได้อย่างไร นี่ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน และทำงานเป็น

จริงๆ วิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองใหม่นั้นมันมีอยู่แค่นี้เอง มันมีอยู่แค่เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และทำงานเป็น และถ้าเราดำรงตรงนี้เอาไว้ อยู่ในหัวใจทั้ง 4 ห้องของเรา อยู่ใน DNA ของเรา อยู่ในสายเลือดของเรา และเพื่อนร่วมงานเราดำรงตรงนี้เอาไว้ ประชาชนดำรงตรงนี้เอาไว้ ขยับขยายอุดมการณ์อันนี้ไปตลอดเวลาบนพื้นฐานเสา 4 ต้นนี้ การเมืองใหม่ก็จะปักหลักแล้วก็ลงรากลงฐาน มั่นคง

วิสัยทัศน์การเมืองใหม่ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคืออดทน อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เราต้องอดทนอย่างไร มีคำถามชอบถามเราตลอดเวลาว่า ถ้ามีการเลือกตั้ง การเมืองใหม่จะมี ส.ส.กี่คน เหมือนกับนักข่าวเคยไต่ถามผม ตอนที่ผมชุมนุมแรกๆ คุณสนธิ หรือว่าพันธมิตรฯ คิดว่าการชุมนุมครั้งนี้จะมีคนเข้ามาร่วมกี่คน หรือเหมือนอย่างที่ผมเคยประกาศสัจจะวาจาไปเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว วันศุกร์ที่แล้ว ที่ผมบอกว่าวันนี้เลือกข้างให้ชัดเจน ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง จะเอาประชาธิปัตย์ เดินข้ามเส้นไปอยู่ฝั่งโน้น จะเอาการเมืองใหม่ เดินข้ามเส้นมาอยู่ฝั่งนี้ ไม่ต้องแฝงตัว ถึงแม้จะเหลือแค่ 5 แกนนำที่ทำกับการเมืองใหม่ เราก็จะยืนอยู่อย่างมั่นคง ฝนตก ฟ้าร้อง เมฆครึ้ม เราจะยืนอยู่ตรงนั้น พอแดดออกปั๊บก็จะเห็นเรา 5 คนยืนอยู่ที่เก่า ยืนอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และทำงานเป็น และอดทน เพราะฉะนั้นแล้วความอดทนเป็นเรื่องที่สำคัญ

วันนี้เรากำลังก้าวสู่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการเมืองใหม่ คือการให้ปัญญาคน อย่าไปคิดว่าการเมืองใหม่คือชัยชนะในการเลือกตั้ง แล้วเข้าไปบริหารประเทศ คนที่ทำการค้าขายก็ย่อมรู้ใช่ไหมว่า การรวยขึ้นมานั้นไม่ใช่เพราะการพนัน แต่การรวยขึ้นมานั้นรวยจากการมีความเพียร ขยันทำมาหากิน รู้จักอดออม ถึงจะรวยได้ ถูก/ไม่ถูก ความสำเร็จของการเมืองใหม่ ความสำเร็จของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ตั้งพรรคการเมือง ตั้งอุดมการณ์ที่สวยหรู แล้วก็จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ใช่ ทุกคนต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธา แล้วก็เดินไปสู่เป้าหมายของการเมืองใหม่ด้วยความอดทน และระลึกเสมอว่าหัวใจสำคัญที่สุด สำคัญพอๆ กับซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ ทำงานเป็น และอดทนนั้น ก็คือการที่เราทุกคนต้องให้ปัญญากับประชาชน การให้ปัญญานั้นคือการแสวงหาสมาชิกใหม่ ถ้าจำเป็นจะต้องพูดกันปากเปียกปากแฉะ ก็ต้องพูดกันปากเปียกปากแฉะ ถ้าจำเป็นต้องอดทนในความโง่ของคน ก็ต้องอดทนต่อความโง่ของคน แต่อย่าไปทนมันนานนัก จะเสียเวลา ต้องหันไปหากลุ่มคนสังคม ภาคส่วนที่รับฟังเราแล้วเข้าใจในอุดมการณ์และเหตุผล

พี่น้องครับ การเมืองใหม่นั้น เมื่อบริหารเป็นพรรคการเมือง อย่าทำตัวเป็นคนที่เส้นเดี้ยง คือขยับไม่ได้ ต้องมีความยืดหยุ่นพอสมควร แต่ความยืดหยุ่นนั้นต้องยืดหยุ่นอยู่บนฐานที่เรายืนอยู่ คือเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ทำงานเป็น

ที่ผมจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ก็คือว่า การเมืองใหม่มันจะมีอยู่ 2 ส่วน ในขณะนี้เรากำลังสร้างบ้านสร้างเรือน สร้างอาณาจักรของเรา แล้วอีกไม่นานเราต้องจัดกองทัพออกไปสู้รบ ในภาวะสงคราม กับในภาวะการประชุมแบบนี้ไม่เหมือนกัน สงครามนั้นต้องการความฉับไว สงครามนั้นไม่มีเมตตา ปรานี นี่ไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าใครนะ สงครามนั้น ถ้าต้องการชัยชนะ ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติมิตร เพราะฉะนั้นแล้วผมได้เรียนให้พ่อแม่พี่น้องฟังสักนิดหนึ่ง และผมได้เรียนท่านหัวหน้าพรรคไปเรียบร้อยแล้วว่า ปัญหาที่เราจะเจอมากที่สุดจากนี้ไป ไม่ใช่เรื่องสาขาพรรค ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของแกนนำแล้วตกลงกันไม่ได้ เรื่องนั้นเจรจาได้ เรื่องที่สำคัญก็คือ เลือกคนมาลงสมัคร ตรงนั้นจะตีกันฉิบหายเลย ผมต้องบอกพ่อแม่พี่น้องก่อน แต่ว่าผมอยากให้พ่อแม่พี่น้องใช้หลักการ 4-5 ข้อนั้นเป็นหลัก

พี่น้องครับ นโยบายพรรคการเมืองใหม่ เราไม่พิมพ์หนังสือเป็นเล่ม เรามีอยู่ 3 หัวข้อใหญ่ มีนโยบายเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทำไมเราต้องพูดเช่นนี้ แล้วต่อ 1 หัวข้อเราจะมีนโยบายในหัวข้อนั้นประมาณ 10 อัน นี่คือนโยบายการแก้วิกฤตของชาติ 30 กว่าหัวข้อในนี้เป็นวิกฤตของชาติที่การเมืองเก่าไม่มีใครสามารถจะแก้ได้ วิกฤตทางเศรษฐกิจ ท่านไปอ่านดู หน้า 2 ข้อ 1.1 จะต้องปรับโครงสร้างของพลังงานของประเทศให้กลับเข้าสู่ความเป็นเจ้าของของประชาชน นั่นคือรัฐจะต้องเอา ปตท. และเครือข่าย ปตท.คืนมาเป็นของรัฐ และต้องดำเนินการแก้ไขโครงสร้างราคาน้ำมัน เพื่อไม่ให้ ปตท.และเครือข่ายเอารัดเอาเปรียบผู้ใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และก๊าซหุงต้ม

พี่น้องครับ เฉพาะข้อนี้การเมืองเก่าทำได้ไหม ไม่มีทาง ให้อีกร้อยชาติ พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์มีเอี่ยวกับพลังงาน พรรคไหนก็ตามก็ทำไม่ได้ เพราะทุกพรรคมีเอี่ยวกับผลประโยชน์ของพลังงาน เห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้ว วิสัยทัศน์อีกข้อหนึ่ง แถมให้ ของการเมืองใหม่ การเมืองใหม่คือการเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ใช่/ไม่ใช่ พี่น้อง ถ้าเราเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เราไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัวเลย ปัญหาแก้ได้ไหมพี่น้อง แก้ได้หมด ทุกเรื่อง นี่ผมยกตัวอย่างเพียงบางเรื่อง

1.4 หน้า 3 รายละเอียดพวกนี้เดี๋ยวแกนนำเขาจะมาอธิบาย แต่ผมจะอธิบายคร่าวๆ การลงทุนของภาครัฐนั้นจะต้องถูกกระจายไปทั่วประเทศ และจะต้องก่อให้เกิดโอกาสของนักธุรกิจและผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัดที่มีโครงการของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณของโครงการต่างๆ เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดของตัวเอง โดยเน้นที่นักธุรกิจท้องถิ่น ต้องเป็นหลักในการได้งานที่ผ่านจังหวัดของตัวเอง ซึ่งนักธุรกิจท้องถิ่นสามารถจะร่วมลงทุนกับบริษัทส่วนกลางก็ย่อมได้ แปลว่าอะไรพี่น้อง พี่น้องต้องเข้าใจตรงนี้ จะได้ไปอธิบายให้คนท้องถิ่นฟัง

เมื่องบประมาณสร้างทางจะต้องผ่านภาคอีสานทั้งภาค พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ขอนแก่น หรืออุดรฯ นักธุรกิจ คนที่อยู่ขอนแก่น อุดรฯ ต้องมีสิทธิ์ในการใช้งบประมาณในส่วนที่จะต้องผ่านอุดรฯ หรือขอนแก่น ใช่/ไม่ใช่ แปลว่าอะไร แปลว่าค่าก่อสร้างเมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องซอยออกเป็นจังหวัดให้ดู ว่าในส่วนของอุดรฯ ทั้งหมด 48 กิโล 120 กิโลฯ ในส่วนของขอนแก่น 160 กิโลฯ ต้นทุนการสร้างเท่าไร ราคากลางเท่าไร ตรงนั้นต้องยกให้นักธุรกิจท้องถิ่นที่อุดรฯ และขอนแก่น ต้องเข้าประมูลแล้วสู้ตรงนั้น ไม่ใช่ยกให้อิตัล-ไทย ไม่ใช่ยกให้ ช.การช่าง ไม่ใช่ยกให้ประยูรวิศว์ ของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ไม่ใช่ยกให้สี่แสงการโยธา ของบรรหาร ศิลปอาชา อิตัล-ไทย นี่ของทักษิณ ชินวัตร ให้รู้ไว้ด้วย เขาถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ อิตัล-ไทย ถือหุ้นเล็กมาก พี่น้องเริ่มเข้าใจหรือยัง เมื่องบประมาณตรงนี้ได้ หรืองบประมาณเกิดที่สมุย น้องกอบ อยากจะประมูล ได้ประมูลงาน น้องกอบเล็กเกินไปที่จะไปสร้าง น้องกอบต้องไปหาหุ้นส่วน ใช่/ไม่ใช่ หุ้นส่วนคือใคร ก็ไอ้พวกใหญ่ๆ นี่ล่ะ ที่กรุงเทพฯ มาเป็นหุ้นส่วนน้องกอบ แต่ว่าเป็นหุ้นส่วนที่น้อยกว่าน้องกอบ

น้องกอบต้องถือ 51 เปอร์เซ็นต์ เขาต้องถือ 49 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เขาให้เราคือเขาให้เทคโนโลยีเรา ใช่ไหม เขาเอาวิศวะมา น้องกอบก็มีเด็กของน้องกอบ ซึ่งจบวิศวะ เป็นคนที่นั่น ก็มาฝึกงานกับมัน ถนนสร้างแค่ 2-3 สาย ถามว่าบริษัทน้องกอบมีโอกาสโตไหมในอนาคต นี่ไง เข้าใจหรือยัง นี่คือการเมืองใหม่

การเมืองใหม่คือการหลอมผลประโยชน์ของชาติ ไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำมาหากินอยู่กลุ่มเดียว นี่คือการกระจายรายได้ที่แท้จริง พี่น้องเข้าใจหรือยัง นี่ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างเรื่องเดียวให้ฟังนะ หรือคลื่นความถี่ เป็นสมบัติของชาติใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ ไม่ว่าเป็นคลื่นความถี่ของโทรศัพท์มือถือ ทำไมมันจะต้องได้แค่ AIS, DTAC แล้วก็ True ทำไมพ่อค้าที่รวมตัวกันแถวอีสานหรือภาคเหนือเขาไม่มีสิทธิ์ได้คลื่นความถี่ตรงนั้น แล้วสร้างเป็นเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทางภาคเหนือ ใช่/ไม่ใช่ เขาสามารถระดมทุนได้นี่ ถ้าเขาได้ไป ถูก/ไม่ถูก ถ้าจะ Roaming เข้ากรุงเทพฯ เขาก็จ่ายค่า Roaming ตามปกติธรรมดา ทำไมทุกอย่างจะต้องลงมาเพียงไม่กี่ตระกูล ไม่กี่บริษัท และนี่คือการเมืองใหม่ที่การเมืองเก่ามันไม่กล้าแตะ

ผมไม่กังวลเลย เรื่องนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะเอาไป เอาไป ชาติไทยจะเอาไป เอาไป มึงทำไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาไม่ได้เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เราเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง 39 จังหวัด ผมอยากให้นักธุรกิจใน 39 จังหวัดเขาร่ำรวยกันทุกคน ทำไมจะต้องมารวยกันไม่กี่คนในที่นี้ เห็นหรือยัง นี่คือการเมืองใหม่

การเมืองใหม่ คือ การแบ่งสรรผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นของทุกๆ คนให้ลงไป ทำไมเราจะต้องจัดเงินกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละล้าน จัดไปทำไม เอาไปหมู่บ้านละ 4 ล้านเลย เอาไปทำไมล้านเดียว เสียเงิน เอาไป 4 ล้าน เอา 3 ล้านออกมารวมตัวกันตั้งเป็นสหกรณ์หมู่บ้าน สหกรณ์ตำบล สหกรณ์อำเภอ สหกรณ์จังหวัด สหกรณ์การผลิต สหกรณ์การจำหน่าย สหกรณ์การจำหน่าย ให้ประชาชนทุกส่วน ทุกภาค ได้มีส่วนร่วมในสหกรณ์ ราคาสินค้า ราคาพืชผล จะได้ไม่ถูกกด จะได้ไม่ถูกรังแก เงินทุกบาททุกสตางค์จะได้กลับไปหาประชาชนรากหญ้าอย่างเต็มที่ เห็นหรือยังพี่น้อง

มันไม่ใช่ประชานิยม แต่มันเป็นเรื่องที่ลงไปสู่รากหญ้า แล้วทำไมเขาไม่ทำ ที่เขาไม่ทำเพราะว่าถ้าเขาทำอย่างนี้แล้ว ไอ้ผู้ค้าข้าวส่งออกเจ้าใหญ่ซึ่งให้เงินกระทรวงพาณิชย์ ให้เงินพรรคการเมือง มันไม่ยอม ถูก/ไม่ถูก ใช่/ไม่ใช่ ซีพีก็ไม่ยอม ใช่/ไม่ใช่ เห็นหรือเปล่า ก็เพราะว่าการเมืองเก่ามันมุ่งหวังจะทำให้คนไม่กี่สิบคน และบริษัทเพียงไม่กี่สิบบริษัทเท่านั้นเอง แต่การเมืองใหม่ไม่ใช่ การเมืองใหม่ไม่ใช่หลอมแค่คนทุกชนชั้นเข้ามาอยู่ร่วมกันในอุดมการณ์เดียวกัน ยังจะหลอมผลประโยชน์ทุกอย่าง แล้วก็บอกว่า เฮ้ย แบ่งกันกินเท่าเทียมกันนะ เข้าใจหรือยังพี่น้อง

เพราะฉะนั้นแล้ว นโยบายอันนี้เดี๋ยวทางแกนนำ และในการสัมมนาข้างล่างเขาจะขยายความให้มากขึ้น เขาจะขยายความให้มากขึ้น

นโยบายการศึกษา ง่ายนิดเดียว เราโดนฝรั่งหลอกมาตั้งนานแล้ว ไอ้ข้าราชการเมืองไทยก็หลอก ข้าราชการกระทรวงศึกษาฯ ก็หลอก ไปเรียนเมืองนอกมา เขาเอาเด็กเป็นศูนย์กลางใช่ไหม ของเราต้องเอาครูเป็นศูนย์กลาง แล้วเราต้องจับครูมายำใหม่หมด ใช่/ไม่ใช่ ให้มันมีคุณภาพ ให้มันมีคุณธรรม ให้มันมีศีลธรรม ให้มันมีจริยธรรม ให้มันมีองค์ความรู้ ความสามารถ เมื่อมีตรงนี้แล้วครูถึงจะเป็นศูนย์กลางได้ ใช่ไหม ถ้าเราให้เด็กเป็นศูนย์กลาง เด็กมันก็ให้ Acadamy Fantasia เป็นศูนย์กลาง ถูก/ไม่ถูก เห็นหรือยัง

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่เสรีทางความคิด ที่เด็กจะรับได้กันแบบไม่มีขอบเขต นโยบายเรากำลังเรียกร้องสัมมาคารวะให้กลับเข้ามาสู่สังคมไทย นโยบายเรากำลังเรียกร้ององค์ความรู้ทางเรื่องประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม กลับเข้ามาสู่สังคมไทย ผมถามซิว่า นโยบายตรงนี้การเมืองเก่าทำได้ไหม ทำไม่ได้เลย และนี่คือการเมืองใหม่

พี่น้องครับ ผมใช้เวลามานานพอสมควร ผมดีใจ ผมจะบอกให้รู้ว่าการทำการเมืองใหม่ไม่ง่าย อย่าไปมุ่งว่าจะต้องมี ส.ส.เข้ามากี่คน แต่มุ่งว่าเราให้ปัญญาคน มีสมาชิกมากขึ้นมาเท่าไร พี่น้องรู้หรือเปล่าว่าในที่สุดแล้วพรรคไทยรักไทยที่บอกมีสมาชิก 16 ล้านคน และมีสมาชิกเป็นล้านๆ มีจริงๆ คือ 7,000 คน พรรคประชาธิปัตย์ที่ชัยภูมิบอกว่ามีอยู่ 40,000 คนเป็นสมาชิก มีจริงๆ 400 คน มีแต่พรรคการเมืองใหม่ ทุกคน ทุกชื่อ ทุกสกุล ต้องเป็นของจริง มีอุดมการณ์ เสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ทำงานเป็น และแถมด้วยอดทน ขอบพระคุณมากครับพี่น้องครับ”





กำลังโหลดความคิดเห็น