คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาฯ เสนอเลื่อนจัดคอนเสิร์ต งานปฏิญาณตนของวัดดัง ชี้ หลังร่วมกิจกรรมเด็กป่วยหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อีกเพียบ คาด เชื้อไวรัสระบาดอีก 3 ปี มีคนติดเชื้อ 30 ล้านคน ป่วย 15 ล้านคน ตาย 1,200 คน อัตราเสียชีวิต 0.008 คน พร้อมให้เลิกรายงานตัวเลขคนป่วย-ตาย แต่ให้รายงานรวมเป็นโรคไข้หวัดใหญ่แทน เสธ.หนั่น ของบ 70 ล้าน แก้หวัดใหญ่ 09
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กรมควบคุมโรค มีการประชุมคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติ ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประธาน โดยใช้เวลาประชุมนานประมาณ 3 ชั่วโมง โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะระบาดต่อเนื่องไปอีกประมาณ 3 ปี ซึ่งในระหว่างขึ้นความรุนแรงจะเพิ่มขึ้น และลดลงสลับกันไป ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของไทย มีความรุนแรงอยู่ในระดับ 2 คือ มีอัตราป่วยตายไม่เกินร้อยละ 0.5 ซึ่งการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคที่ดีที่สุด คือ การป้องกันดูแลตนเอง ไม่ไปอยู่ในที่ชุมนุมคนจำนวนมาก เพราะเท่ากับเอาตัวเองไปเสี่ยง และควรอยู่ร่วมกับโรคให้ได้อย่างมีความสุข
เสนอเลื่อน ยกเลิก “คอนเสิร์ต-ธรรมกาย”
“ได้เสนอไปแล้วว่าควรจะเลื่อนกิจกรรมที่ออกไปก่อนในช่วงนี้ ทั้งคอนเสิร์ตใหญ่ และกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย โดยการระดมเด็กนักเรียนกว่า 5 แสนคน มารวมกันเพื่อปฏิญาณตน เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยลง แต่ก็เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ไม่ได้บังคับ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาความเหมาะสมเองว่าสำคัญหรือไม่ แต่หากไม่มีการเลื่อนกิจกรรมทั้ง 2 งานนี้ มั่นใจว่า หลังจากวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ไป จะมีเด็ก เยาวชนติดเชื้อและป่วยเพิ่มอีกจำนวนมาก และกระจายไปทั่วทุกจังหวัดอย่างแน่นอน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริการรักษาโรค เพราะผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้คุณภาพการบริการต่ำลง และเกิดโอกาสความผิดพลาดสูงได้” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าว
ด้าน ศ.พญ.สยมพร ศิรินาวิน หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หนึ่งในกรรมการ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการมีความเห็นตรงกันว่า ขณะนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 อาจมีความรุนแรงใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่ได้รุนแรงเท่ากับที่มีรายงานการระบาดในเม็กซิโกในระยะเริ่มต้น โดยขณะนี้เป็นเพียงการระบาดระลอกแรกอยู่และเป็นการระบาดในกลุ่มเด็ก เยาวชน ในโรงเรียน แต่เชื้อจะยังคงระบาดขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วทุกชุมชน โดยต่อไปเชื้อจะระบาดในกลุ่มครอบครัวของผู้ป่วย คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ผู้สูงอายุในบ้าน จากนั้นเข้าสู่การระบาดในโรงพยาบาล และสุดท้ายคือ การระบาดในสถานที่ทำงาน ซึ่งเกิดจากพ่อ แม่ ของเด็กที่ป่วยเป็นพาหะแพร่เชื้อในที่ทำงานเอง
คาดระบาด 3 ปี ตาย 1,200
“คาดว่า เชื้อจะระบาดต่อเนื่องไปอีก 3 ปี คือ ปี 2552-2554 ในระหว่างนี้คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 6-30 ล้านคน เป็นผู้ป่วยมีอาการ 3-15 ล้านคน เป็นผู้ป่วยนอกที่โรงพยาบาล 6 แสน-3.4 ล้านคน ผู้ป่วยในโรงพยาบาล 3 หมื่น-1.3 แสนคน ผู้เสียชีวิต ราว 1,200 คน เท่ากับมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 0.008 หากมีการรักษาที่เหมาะสม ผู้เสียชีวิตจะลดลงเหลือ 600 คน” ศ.พญ.สยมพร กล่าว
เสนอยกเลิกรายงานผู้ป่วยยืนยัน
ศ.พญ.สยมพร กล่าวต่อว่า สธ.จะต้องปรับปรุงคำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไปใหม่ โดยไม่ควรรณรงค์ป้องกันไข้หวัดใหญ่เฉพาะ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หรือ “Big Cleaning Day” แต่ควรรณรงค์ดังนี้ 1.ผู้ป่วยพักฟื้นอยู่บ้าน 2.ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย หรือปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม 3.ให้ทุกคนล้างมือบ่อยๆ ทั้งในผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และในประชาชนทั่วไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และ4.หลีกเลี่ยงการใช้มือจับบริเวณใบหน้า ตา จมูก และปาก เพราะเชื้อไวรัสจะอยู่บริเวณใบหน้า ทำให้ติดเชื้อหรือแพร่เชื้อได้ง่าย
“นอกจากนี้ เสนอให้ สธ.ยกเลิกการรายงานจำนวนผู้ป่วยที่ตรวจยืนยัน แต่ควรรายงานจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับโรคไข้หวัดใหญ่ และรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตโรคไข้หวัดใหญ่แทน เพราะการเสนอข่าวโดยการรายงานจำนวนผู้ป่วยยืนยันไม่มีประโยชน์และไม่มีความหมายใดๆ จึงได้แนะนำ” ศ.พญ.สยมพร กล่าว
ชง ครม.ของบราว 70 ล้านบาท รณรงค์ไข้หวัดใหญ่ 2009
เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ ครั้งที่ 2 /2552 โดยที่ประชุมมีการเสนอขอให้มีการใช้งบประมาณราว 70 ล้านบาท ในการรณรงค์เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แบ่งเป็นงบประมาณที่จะจัดสรรให้กับกระทรวงสาธารณสุข 55 ล้านบาท สำหรับการสนับสนุนให้แต่ละจังหวัดทั่วประเทศใช้ในการรณรงค์การป้องกันตัวและการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และงบประมาณให้กับกรมประชาสัมพันธ์อีก 14.77 ล้านบาท ใช้ในการรณรงค์ผ่านสื่อชนิดต่างๆ แยกเป็นค่าใช้จ่ายผลิตและเผยแพร่สื่อวิทยุกระจายเสียง 4,784,000 บาท สื่อวิทยุโทรทัศน์ 3,045,000 บาท ผ่านสื่อนอกสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ 5,600,000 บาท ผ่านสื่อสารสนเทศและสื่อสิ่งพิมพ์ 825,000 บาท สื่อกิจกรรม 120,000 บาท และงบประมาณในการบริหารติดตามและประเมินผลโครงการ 400,000 บาท
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไปดำเนินการจัดทำรายละเอียด จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่า จะภายในวันอังคารที่ 14 ก.ค.นี้ ส่วนการจัดซื้อเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิหรือเทอร์โมสแกนเนอร์ขณะนี้ลดความจำเป็นลงแล้ว จึงจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าหากยังไม่มีการจัดซื้ออาจนำงบประมาณในส่วนนี้ไปใช้ในมาตรการอื่น แต่หากจัดซื้อไปแล้วก็อาจนำมาใช้ในการป้องกันโรคอื่นต่อไป
“เสธ.หนั่น” แจกหน้ากาก ชุมนุมธรรมกาย
“สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้ คือ การชุมนุมใหญ่ของวัดพระธรรมกาย ที่จะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 5 แสนคน ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ อาจทำให้มีการแพร่ระบาดของโรคมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เข้าร่วมประชุม ซึ่งได้ประสานให้กระทรวงศึกษาธิการเข่าดำเนินการในการชี้แจงรายละเอียดในการป้องกันตนเอง และให้แจกหน้ากากอนามัยให้ทุกคนที่เข้าร่วมชุมนุมสวมใส่ ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ ออกมาวิจารณ์การทำงานของ สธ.โดยพุ่งเป้าไปที่ข้าราชการฝ่ายการเมืองนั้น ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองที่เมื่อมีอะไรนิดหน่อย ก็หยิบมาเป็นประเด็นในการโจมตีกัน” พล.ต.สนั่น กล่าว
เตือนเป็นหวัดอย่าเข้าชุมนุมใหญ่วัดพระธรรมกาย 11 ก.ค.นี้
นายวิทยากล่าวถึงการชุมนุมของวัดพระธรรมกาย ว่า ขอให้ประชาชนที่มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดงดเว้นการเข้าชุมนุมในสถานที่ที่มีคนหมู่มาก ทั้งที่เป็นโรงเรียน วัด คอนเสิร์ต และการชุมนุมทางการเมือง แต่หากเลี่ยงไม่ได้จำเป็นต้องเข้าชุมนุมต้องสวมหน้ากากอนามัย อย่างไรก็ตาม สธ.ไม่มีอำนาจในการไปสั่งให้มีการเลื่อนการชุมนุม แต่ได้มอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการดำเนินการตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคแล้ว
แจงหญิง 63 ตายเพิ่มอีก 1 เป็นรายที่ 15
นายวิทยากล่าวอีกว่า สธ.ขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตที่ติดชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นรายที่ 15 โดยเป็นหญิงวัย 63 ปี เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ด้วยอาการปอดอักเสบ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 ก.ค.เวลาประมาณ 21.30 น.จากการที่ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวและไตวาย โดยผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคไตและหัวใจ และมีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 146 ราย รวมยอดสะสม 3,071 ราย ทั้งนี้ สธ.ได้ประสานในการขอเปิดสายด่วนเพื่อตอบข้อสงสัยกับประชาชนเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยได้หมายเลข 1422 ฟรี 20 คู่สาย จะเริ่มเปิดบริการในเร็วๆ นี้