“ทูตอังกฤษ” ดันก้น “มาร์ค” เร่งจัดการแซงก์ชันพม่า หลังสั่งกักบริเวณ“อองซาน ซูจี” เพิ่มอีกปีครึ่ง อ้างทำการเมืองพม่าไม่ก้าวหน้า พร้อมเร่งปราบคนไทยในคราบ “อาชญากร-ค้ายาเสพติด-โสเภณี” ทำวีซ่าปลอมเข้าอังกฤษ ประสานตำรวจไทย เผยอาจต้องจับกุมนอกสถานทูต อารมณ์ดีฟุตบอลทีมโปรดตกชั้นฟรีเมียร์ลีกทั้งคู่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายควินตัน เควลย์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายควินตัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลว่า ได้หารือถึงกรณีที่ศาลประเทศพม่าตัดสินจำคุกนางอองซาน ซูจี ต่ออีก 18 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าสำคัญมาก โดยประชาคมนานาชาติได้ประณามการตัดสินของศาลพม่าในคดีนี้ และทางนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง
“ผมเห็นด้วยกับแถลงการณ์ที่รัฐบาลไทยออกมาในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ที่บอกว่าควรจะมีการปล่อยนักโทษทุกคนทันที และการตัดสินของศาลก็ไม่ได้ช่วยให้มีความก้าวหน้าในอนาคตทางการเมืองของพม่าเลย” เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางอียูจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการแซงชั่นพม่าหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ผล นายควินตันกล่าวว่า เรากำลังพิจารณาอยู่ เรามีการลงโทษหรือแซงก์ชันมาตรการต่างๆ ซึ่งเป้าหมายที่มีมาตรการเหล่านี้ไม่ใช่ทำกับพม่า แต่เราพยายามที่จะมีเป้าหมายไปที่รัฐบาลพม่า โดยเฉพาะทหารพม่า ซึ่งเรากำลังจะพิจารณาว่าจะทำอะไรเพื่อที่จะให้มีปฏิกิริยาของนานาชาติที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินของศาลพม่า
“ขณะนี้เรากำลังพิจารณากันในสหภาพยุโรปและในยูเอ็นด้วย ซึ่งจะหารือกันเร็วๆ นี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การที่พม่าควรจะมีการเลือกตั้งอย่างอิสระ และทุกฝ่ายควรจะมีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอองซาน ซูจี การที่อองซาน ซูจี ถูกลงโทษก็เป็นวิธีที่จะกีดกันไม่ให้อองซานซูจีมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง ซึ่งก็แย่มาก และแม้ว่าทางรัฐบาลทหารพม่าจะไม่แคร์แต่พม่าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งทางกลุ่มประเทศอาเซียนก็ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยมาแล้ว และหลายประเทศเขาก็จะพยายามทำความเข้าใจกับพม่า เพราะพม่าจะเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ผมอยากจะเปรียบเทียบสถานการณ์ในพม่ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยที่ผมอยู่ที่ประเทศไทยมาแล้ว 30 ปี สมัยนั้นนายกฯ ไทยยังเป็นนักเรียนอยู่ ส่วนผมเป็นนักการทูต หลัง 6 ตุลา และ 14 ตุลา ที่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในประเทศไทย ตอนนั้นประชาคมนานาชาติไม่ได้เงียบ ได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนว่าเรารับไม่ได้ คนไทยก็คงจำกันได้ดี ดังนั้นก็ต้องอธิบายให้พม่าเห็นว่ากรณีนี้เรารับไม่ได้ และเราก็อยากให้พม่ามีความก้าวหน้าทางการเมือง” เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าว
เมื่อถามว่าได้หารือเพื่อขอให้มีการเรียกประชุมผู้นำอาเซียนเป็นกรณีเร่งด่วนหรือไม่ นายควินตันกล่าวว่า เข้าใจว่านายกฯ และ รมว.ต่างประเทศของไทยกำลังหารือกับประเทศอาเซียนว่าจะทำอะไรต่อไปนอกจากการออกแถลงการณ์แล้ว ก็ต้องลองดู
นายควินตันยังกล่าวต่อว่า ยังหารือกับนายกฯ ถึงการประสานงานระหว่างประเทศอังกฤษกับประเทศไทยในด้านการปราบปรามการใช้เอกสารปลอมในการขอวีซ่า ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้หารือกับทางตำรวจเรื่องมาตรการใหม่ๆ ของสถานทูต โดยจะแจ้งให้ทางตำรวจทราบหากมีคอนแทรคเข้ามาในสถานทูต ซึ่งอาจจะมีการจับตัวนอกสถานทูตด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีจำนวนน้อยที่ใช้เอกสารปลอม ส่วนมากจะมีการขอวีซ่าอย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้เอกสารปลอมนั้นของคนไทยนั้นมีจำนวนเท่าไหร่และเป็นไปในลักษณะไหน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า ตามสถิติแล้วทั้งหมดมีการขอวีซ่าของไทย ปีละ 45,000 คน ซึ่งเราปฏิเสธแค่ 10% หรือประมาณ 5,000 คน และใน 5,000 คนนี้ ส่วนมากก็ไม่ได้ใช้เอกสารปลอม มีจำนวนน้อยเป็นร้อยๆ เท่านั้น ทั้งนี้คนที่ใช้เอกสารปลอมส่วนใหญ่จะเป็นคนที่พยายามจะไปประเทศอังกฤษอย่างไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย และบางครั้งก็มีอาชญากร อาจจะเป็นคนค้ายาเสพติด หรือขายยาเสพติด หรือเป็นโสเภณี เพราะฉะนั้นเราจะเข้มงวดที่สุดกับคนที่ใช้เอกสารปลอมทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายก็คงต้องร่วมมือกัน และเราก็ยินดีที่จะรับความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยด้วย
เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังหารือกันถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่เป็นปัญหารุนแรงในไต้หวันและจีน ที่มีความเสียหายมาก และมีผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะมีการประสานงานกับทางประเทศไทยเพื่อหาวิธีที่จะประหยัดการใช้ไฟฟ้าและรักษาสิ่งแวดล้อม และยังมีการพูดถึงมาตรการที่จะส่งเสริมการลงทุนด้านต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็เห็นด้วยที่จะยกเลิกอุปสรรคต่างๆ เช่นการขออนุญาตทำงานที่จะใช้เวลาเป็นสิ่งที่ลำบากหน่อย ซึ่งนายกฯไทยก็เห็นด้วยที่จะมีมาตรการใหม่
ในช่วงท้ายนายควินตัน เควลย์ ได้พูดกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีของไทยถึงผลการแข่งขันฟุตบอลด้วย โดยทีมฟุตบอลโปรดของเขา คือ ทีมเวสต์บอมวิช ขณะที่นายกฯ ไทยชื่นชอบทีมฟุตบอลนิวคาสเซิล ซึ่งผลปรากฏออกมาว่าเสมอกัน 1:1 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ได้แสดงท่าทีโล่งใจที่ผลเสมอกัน ทั้งนี้ ทั้ง 2 ทีม ล้วนเป็นทีมที่ตกชั้นจากฟรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้วทั้งคู่