“บิ๊กจิ๋ว” เล่นแง่เมิน “นช.แม้ว” ทาบทามนำอ่านฎีกาตามข้อเสนอให้เป็นแม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ย้ำหากให้อ่าน พรรคต้องอยู่บนแนวทางสันติสมานฉันท์-ห้ามเครือญาติยุ่งเกี่ยวกำหนดทิศทางพรรค ขณะที่ “หางแดง” เดินสายปลุกระดมชาวบ้านร่วมยื่นฎีกา โวจะมีคนร่วมงานมากกว่า 8 เม.ย.เลือด ระบุมีเซอร์ไพรส์ คนนำอ่านฎีกามีตำแหน่งใหญ่โตในบ้านเมือง
วันนี้ (12 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นัดหมายประชาชนร่วมยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 ส.ค.2552 ที่ท้องสนามหลวง ช่วงที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงได้เดินสายเปิดเวทีสัญจรปลุกกระแสอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.นนทบุรี วันที่ 9 ส.ค.จังหวัดอุดรธานี วันที่ 10 ส.ค.จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 13 ส.ค.จังหวัดราชบุรี วันที่ 14ส.ค. จังหวัดชลบุรี วันที่ 15 ส.ค.จังหวัดมุกดาหาร วันที่ 16 นครสวรรค์ ก่อนมาถึงวันชุมนุมใหญ่วันที่ 17 ส.ค.ท้องสนามหลวง โดยมีวัตถุประสงค์ชักชวนให้คนออกมาร่วมชุมนุมให้มากที่สุด
สายข่าวจากกลุ่มคนเสื้อแดงแจ้งว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ติดต่อมายัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นผู้นำในการอ่านถวายคำฎีกา พร้อมกับยื่นเงื่อนไขว่าหาก พล.อ.ชวลิต ตกลงเป็นผู้นำครั้งนี้ จะให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ พล.อ.ชวลิต ได้ปฏิเสธพร้อมกับยื่นเงื่อนไขไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดิมที่เคยประกาศไว้ สมัยที่เคยทาบทามให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน 1.พรรคจะต้องเดินไปในแนวทางสันติสมานฉันท์ที่แท้จริง ไม่ใช่พูดถึงแนวทางสันติวิธีแต่กลับเคลื่อนไหวในทางตรงข้าม 2.เครือญาติอดีตนายกฯ ต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวและกำหนดทิศทางในพรรค ไม่ใช่ทำพรรคไปในแนวทางธุรกิจการเมือง
สายข่าวจากกลุ่มเสื้อแดงเปิดเผยอีกว่า ภายหลังจากความพยายามทาบทาม พล.อ.ชวลิต เป็นผู้นำในการอ่านถวายฎีกาและยื่นใบฎีกาไม่เป็นผล ล่าสุดยังได้รับการประสานมาเป็นการภายในว่า สำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ไม่อนุญาติ ให้ผู้นำในการยื่นใบฎีกา เข้าไปยื่นภายในสำนักฯได้ กลุ่มเสื้อแดงจึงพยายามทาบทามอดีตผู้นำทางการทหาร ตำรวจและอดีตข้าราชการ ที่เคยถวายงานใกล้ชิด แต่ติดที่ยังไม่มีผู้ใดตอบรับ
นอกจากนี้ คนเสื้อแดงยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ใกล้วันยื่นฎีกา เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเพื่อนเนวิน เนื่องจากในวันดังกล่าวตรงกับวันที่ศาลฎีกาตัดสินคดีกล้ายางของนายเนวิน ชิดชอบ พอดี โดยมีการคาดการณ์ว่าก่อนวันตัดสินคดีอาจมีการจัดตั้งกลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อมาให้กำลังใจนายเนวิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ล่อแหลมต่อการปะทะเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับขอรอดูท่าทีจากฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารในช่วงสุดท้ายว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างใดอีกหรือไม่ หากมีเหตุติดขัดอาจทำให้วันยื่นถวายฎีกาถูกทอดยาวออกไป
นายชินวัฒน์ หาดบุญพาด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และประธานเครือวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ กล่าวถึงการเตรียมการถวายฎีกาเพื่อขอประทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ กลุ่มคนเสื้อแดงจะเปิดเวทีที่สนามหลวงตั้งแต่ 07.00 น. โดยจะร้องเป็นสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและเพลงต่างๆ จากนั้นเมื่อคนเสื้อแดงมากันพร้อมเราก็จะเคลื่อนขบวนไปสำนักราชเลขาธิการ เพื่อยื่นรายชื่อทั้งหมดและจะอ่านคำถวายฎีกาหน้าสำนักราชเลขาธิการ
“ส่วนคนที่จะนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ ผมขอบอกว่าจะต้องเป็นเซอร์ไพรส์แน่ แต่จะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนไหน หรือจะเป็นพลเอก นายพล หรืออดีตนายกฯ ให้รอดูในวันที่ 17 ส.ค.ก็แล้วกัน ไม่อยากบอกอะไรไปมากกว่านี้ ขอยืนยันว่ามีเซอร์ไพรส์แน่นอน” นายชินวัฒน์ กล่าว
นายชินวัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายปานเทพ วงษ์พัวพันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมากล่าวหาว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ร่วมลงชื่อเพื่อถวายฎีกาครั้งนี้นั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง กลุ่มพันธมิตรฯ เอาอะไรมาพูด แล้วรู้ได้อย่างไรว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและญาติของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลงชื่อ ขนาดตนคุยกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงทุกวันยังไม่รู้เลยว่าใครลงชื่อ เรื่องอย่างนี้เขาไม่เปิดเผยกัน
ขณะที่ นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทย และหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำคนเสื้อแดงออกเดินสายไปทุกภูมิภาค เพื่อทำความเข้าใจพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการถวายฎีกา “จากการลงพื้นที่หลายจังหวัด ต้องบอกว่าได้รับกระแสตอบรับแน่นเกินคาด ทำให้ประชาชนตื่นตัว และยิ่งรัฐบาลออกมาคัดค้านต่อต้านมากเท่าใด ให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวบรวมรายชื่อประชาชนคัดค้าน ยิ่งทำให้ประชาชนตื่นตัวรับรู้ข้อมูลมากยิ่งขึ้น คาดว่าวันนัดหมายนำรายชื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกาวันที่ 17 ส.ค. จะเป็นวันเคลื่อนไหวที่แรงที่สุด ในแง่ของการตื่นตัวของประชาชน อาจมากกว่าเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่นัดชุมนุมขับไล่ระบอบอำมาตยาธิปไตย เสียอีก” นายพายัพ กล่าว
เมื่อถามถึงผู้นำในการยื่นถวายฎีกา นายพายัพกล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร ไม่สามารถระบุได้ เพราะหากเปิดเผยชื่อไปคงเป็นข่าวพาดหัวแน่นอน แต่วันนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนสนใจ ติดต่อเข้ามา แต่อย่าให้เอ่ยชื่อท่านเหล่านั้นเลย วันนี้ผู้ใหญ่เริ่มรู้และเห็นข้อเท็จจริงแล้วว่า แนวทางเราทำได้ และเริ่มเห็นว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย
ถามว่าที่ผ่านมามีการติดต่อ พล.อ.ชวลิต บ้างหรือไม่ นายพายัพกล่าวว่า ไม่ทราบตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ รอให้แกนนำหารือร่วมกันก่อน และจะบอกในเวลาที่เหมาะสม นายพายัพกล่าวว่า ได้ลงนามในใบถวายฎีกาด้วย ไม่ลงไม่ได้ เพราะแกนนำทุกคนต้องเซ็นชื่อในใบปะหน้าอยู่แล้ว
ด้าน นายนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน และแกนนำคนเสื้อแดง ยืนยันว่าตนพร้อมแกนนำคนเสื้อแดงทุกคนได้ลงชื่อในใบถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย เป็นสิ่งที่ทำได้ รวมทั้งการยื่นถวายฎีกาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 191 ที่ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจ ส่วนการที่บุคคลบางฝ่ายพยายามกล่าวอ้างและให้ข่าวว่าแกนนำไม่ได้ลงชื่อด้วยนั้น คงเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่คัดค้าน ที่ต้องออกมาแสดงความเห็น แต่ยืนยันว่าพวกตนนั้นได้ร่วมลงชื่อ ซึ่งตนเป็นคนที่เซ็นก่อนใครเพื่อนเลย และแกนนำทุกคนต้องลงชื่ออยู่แล้วเพราะในใบปะหน้าเพื่อยื่นถวายฎีกาต้องมีแกนนำลงชื่อทุกคน ขณะนี้กำลังตรวจสอบความถูกต้องรายชื่อเอกสารผู้ที่ร่วมลงชื่อกว่า 6 ล้านรายชื่อ และจัดทำข้อมูลบันทึกลงแผ่นซีดี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 15 ส.ค. นี้