ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ ทั่วไทยทยอยแจ้งความดำเนินคดี "3เกลอหัวขวด"แกนนำแก๊งเสื้อแดงพร้อมพวกกระทำการมิบังควรล่าชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.แม้ว "อานันท์" ชี้ฎีกาเสื้อแดงไม่ชอบด้วย กม. ซัดเอาแต่ได้ แนะสำนักราชเลขาฯ ส่งฎีกาแดงให้รัฐบาลตัดสินใจ "วิเชียร"จวกมิบังควร สั่งตร.ห้ามเกี่ยวข้อง
วานนี้ (12 ส.ค.) นายสมาน ท่อทิพย์ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.เชียงราย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สงกรานต์ สันวงศ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงราย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร และพวก ในข้อหากระทำความผิดหลายมาตรา จากการเป็นตัวตั้งตัวตีหลอกลวงให้ประชาชนร่วมลงรายชื่อในฎีกา ที่พวกตนจัดทำขึ้นเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการโฆษณาป่าวประกาศว่าจะสามารถนำรายชื่อประชาชนจำนวนหลายล้านคนมาร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะพามวลชนเรือนแสน นำฎีกาไปยื่นต่อท่านราชเลขาธิการ ซึ่งหลายๆ ฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการดำเนินการทางการเมืองเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง
นายสมาน กล่าวว่า ขอให้ตำรวจดำเนินคดีต่อนายวีระ และพวก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 และมาตรา 198 โดยเร็ว และสำหรับตนนั้นขอเข้ามาแจ้งความเป็นการส่วนตัวแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ใน จ.เชียงราย ด้วย ดังนั้นถัดจากตนจะมีนายกนก วิศวกุล ศิลปินชื่อดังชาวเชียงราย ในกลุ่มพันธมิตรฯ เชียงราย และพันธมิตรฯ คนอื่นๆ โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย ทะยอยพากันไปแจ้งความดำเนินคดีเหมือนตนเช่นกัน วัตถุประสงค์ที่พวกเรากระทำเช่นนี้เพราะทนไม่ได้ที่เห็นคนกระทำผิดซึ่งหน้าแต่กลับไม่มีใครดำเนินการอะไรเลย
ด้าน พ.ต.ท.สงกรานต์ กล่าวว่าตำรวจยินดีจะรับแจ้งความดำเนินคดีจากประชาชนที่ไปแจ้งอยู่แล้ว แต่ขอดูในรายละเอียดของเอกสารก่อนรวมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเพื่อจะได้เชิญไปให้ปากคำ ในการแจ้งความเพิ่มเติมต่อไป จากนั้น พ.ต.ท.สงกรานต์ ได้พานายสมานไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อไป
***พธม.ใต้นัดแจ้งความ 15 ส.ค.นี้
นายสุมิตร นวลมณี ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง กล่าวย้ำว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการแจกจ่ายใบแจ้งความไปให้ เครือข่ายพันธมิตรฯ สงขลาและประชาชนทั่วไปที่ไม่เห็นด้วยกับกรณีล่ารายชื่อขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อร่วมกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 3 แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ประกอบด้วย นายวีระ นายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เพื่อร่วมกันคัดค้านการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยคาดว่า จะรวมตัวประชาชน เพื่อเข้าแจ้งความร่วมกัน ในวันที่ 15 ส.ค.นี้
ด้านนายกฤช เทพบำรุง คณะทำงานกลุ่ม พธม.ภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ส.ค.)กลุ่มแนวร่วม พธม.ภูเก็ต จะรวมตัวเดินทางไปยื่นเอกสารแจ้งความ ดำเนินคดีต่อนายวี กลุ่มคนเสื้อแดง
**แก๊งแดงเชียงรายยังเหิมขนคนเข้า กทม.
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย พบว่า แม้จะมีการ แจ้งความดำเนินคดีก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว โดยกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย ที่มีนายบุญเลิศ บุญศรี เป็นประธานกลุ่มนัดรวมพลกันที่สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เย็นวันที่ 16 ส.ค.นี้เพื่อเตรียมจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศในวันทูลเกล้าถวายฎีกาตามที่นัดแนะกันเอาไว้แล้ว
**อานันท์ระบุฎีกาเสื้อแดงไม่ชอบด้วย กม.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและเคยรับราชการเห็นว่าการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดแย้งกับหลักจารีตประเพณี
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเป็นคนรับผิดชอบโดยตรงว่า สมควรถวายถึงพระมหากษัตริย์หรือไม่ เพราะหลายเรื่องไม่สมควรก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม และรัฐบาลมีหน้าที่อธิบาย ให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เพราะไม่ถูกครรลองกฏหมาย
**จวก"แม้ว"เอาแต่ประโยชน์
"ในประวัติศาสตร์ไทย 50-60 ปีที่ผ่านมา ก็มีคนเคยถูกฟ้องร้อง ผมเองก็เคยถูกฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมไปให้การในศาลอยู่ตั้ง 3 ปี มีความเชื่อมั่นในกระบวนการศาลยุติธรรม 3 ปีผ่านไปผมไม่ผิด ศาลก็ไม่ลงโทษ ในช่วง 6 ตุลาฯ 19 ผมโดนข้อหาคอมมิวนิสต์ ผมรู้ว่าไม่ได้เป็น ผมก็ยังเข้ากระบวนการนี้และศาลก็ไม่ได้ตัดสินว่าผิด ในอดีตผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนทั้งทหาร นักการเมือง เคยติดคุก เคยถูกยึดทรัพย์ ทุกคนก็สู้คดี แต่การจะไปอ้างว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม ตุลาการไม่ยุติธรรม ทุกคนก็อ้างได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์กันในศาล ผมแน่ใจว่า กฏหมายไทยจะให้ความยุติธรรมกับบุคคลผู้นั้น"
นายอานันท์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ามีระบบ 2 มาตรฐานนั้น จากพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมาคล้ายๆ กับว่าอะไรที่ใช้ได้ก็บอกว่าดี แต่ถ้าไม่ได้ประโยชน์ก็จะบอกว่าใช้ไม่ได้ ถือว่าไม่ถูกต้องนัก พระเจ้าอยู่หัวอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะก้าวก่ายเรื่องทางการเมืองได้ โดยเฉพาะศาล จะไปต่อสู้เพื่อให้พระองค์ท่านเปลี่ยนคำสั่งศาลเป็นไปไม่ได้ การถวายฎีกาถ้าจะเกิดขัดแย้ง ก็ต้องไม่พาดพิงในวัง
**"วิเชียร"ติงถวายฎีกามิบังควรอย่างยิ่ง
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการ ผบ.ตร. กล่าวว่า การยื่นถวายฎีกา ตำรวจต้องพยายามขอร้องทุกฝ่ายไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง โดยเฉพาะการยื่นหนังสือถวายฎีกาฯเป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่งได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการกระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องการเมืองต้องแก้ที่ฝ่ายการเมือง เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช้ออกมากดดันแบบนี้เป็นการมิบังควร ซึ่งต้องพูดในฐานะข้าราชการแท้จริง ทำงานถวายพระองค์ท่าน ทำเพื่อปกป้องสถาบัน กฏหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน เป็นหน้าที่ปวงชนพิทักษ์ รักษา เทอดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องถือเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วานนี้ (12 ส.ค.) นายสมาน ท่อทิพย์ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.เชียงราย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สงกรานต์ สันวงศ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองเชียงราย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร และพวก ในข้อหากระทำความผิดหลายมาตรา จากการเป็นตัวตั้งตัวตีหลอกลวงให้ประชาชนร่วมลงรายชื่อในฎีกา ที่พวกตนจัดทำขึ้นเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการโฆษณาป่าวประกาศว่าจะสามารถนำรายชื่อประชาชนจำนวนหลายล้านคนมาร่วมลงชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และประกาศว่าจะพามวลชนเรือนแสน นำฎีกาไปยื่นต่อท่านราชเลขาธิการ ซึ่งหลายๆ ฝ่ายเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการดำเนินการทางการเมืองเพื่อกดดันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง
นายสมาน กล่าวว่า ขอให้ตำรวจดำเนินคดีต่อนายวีระ และพวก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 และมาตรา 198 โดยเร็ว และสำหรับตนนั้นขอเข้ามาแจ้งความเป็นการส่วนตัวแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ ใน จ.เชียงราย ด้วย ดังนั้นถัดจากตนจะมีนายกนก วิศวกุล ศิลปินชื่อดังชาวเชียงราย ในกลุ่มพันธมิตรฯ เชียงราย และพันธมิตรฯ คนอื่นๆ โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย ทะยอยพากันไปแจ้งความดำเนินคดีเหมือนตนเช่นกัน วัตถุประสงค์ที่พวกเรากระทำเช่นนี้เพราะทนไม่ได้ที่เห็นคนกระทำผิดซึ่งหน้าแต่กลับไม่มีใครดำเนินการอะไรเลย
ด้าน พ.ต.ท.สงกรานต์ กล่าวว่าตำรวจยินดีจะรับแจ้งความดำเนินคดีจากประชาชนที่ไปแจ้งอยู่แล้ว แต่ขอดูในรายละเอียดของเอกสารก่อนรวมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเพื่อจะได้เชิญไปให้ปากคำ ในการแจ้งความเพิ่มเติมต่อไป จากนั้น พ.ต.ท.สงกรานต์ ได้พานายสมานไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานต่อไป
***พธม.ใต้นัดแจ้งความ 15 ส.ค.นี้
นายสุมิตร นวลมณี ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 6 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง กล่าวย้ำว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการแจกจ่ายใบแจ้งความไปให้ เครือข่ายพันธมิตรฯ สงขลาและประชาชนทั่วไปที่ไม่เห็นด้วยกับกรณีล่ารายชื่อขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อร่วมกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ 3 แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ประกอบด้วย นายวีระ นายณัฐวุฒิ และนายจตุพร เพื่อร่วมกันคัดค้านการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยคาดว่า จะรวมตัวประชาชน เพื่อเข้าแจ้งความร่วมกัน ในวันที่ 15 ส.ค.นี้
ด้านนายกฤช เทพบำรุง คณะทำงานกลุ่ม พธม.ภูเก็ต เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ส.ค.)กลุ่มแนวร่วม พธม.ภูเก็ต จะรวมตัวเดินทางไปยื่นเอกสารแจ้งความ ดำเนินคดีต่อนายวี กลุ่มคนเสื้อแดง
**แก๊งแดงเชียงรายยังเหิมขนคนเข้า กทม.
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงใน จ.เชียงราย พบว่า แม้จะมีการ แจ้งความดำเนินคดีก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว โดยกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย ที่มีนายบุญเลิศ บุญศรี เป็นประธานกลุ่มนัดรวมพลกันที่สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เย็นวันที่ 16 ส.ค.นี้เพื่อเตรียมจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศในวันทูลเกล้าถวายฎีกาตามที่นัดแนะกันเอาไว้แล้ว
**อานันท์ระบุฎีกาเสื้อแดงไม่ชอบด้วย กม.
นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและเคยรับราชการเห็นว่าการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดแย้งกับหลักจารีตประเพณี
ทั้งนี้ รัฐบาลต้องเป็นคนรับผิดชอบโดยตรงว่า สมควรถวายถึงพระมหากษัตริย์หรือไม่ เพราะหลายเรื่องไม่สมควรก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม และรัฐบาลมีหน้าที่อธิบาย ให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เพราะไม่ถูกครรลองกฏหมาย
**จวก"แม้ว"เอาแต่ประโยชน์
"ในประวัติศาสตร์ไทย 50-60 ปีที่ผ่านมา ก็มีคนเคยถูกฟ้องร้อง ผมเองก็เคยถูกฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผมไปให้การในศาลอยู่ตั้ง 3 ปี มีความเชื่อมั่นในกระบวนการศาลยุติธรรม 3 ปีผ่านไปผมไม่ผิด ศาลก็ไม่ลงโทษ ในช่วง 6 ตุลาฯ 19 ผมโดนข้อหาคอมมิวนิสต์ ผมรู้ว่าไม่ได้เป็น ผมก็ยังเข้ากระบวนการนี้และศาลก็ไม่ได้ตัดสินว่าผิด ในอดีตผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนทั้งทหาร นักการเมือง เคยติดคุก เคยถูกยึดทรัพย์ ทุกคนก็สู้คดี แต่การจะไปอ้างว่ากฎหมายไม่ยุติธรรม ตุลาการไม่ยุติธรรม ทุกคนก็อ้างได้ แต่สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์กันในศาล ผมแน่ใจว่า กฏหมายไทยจะให้ความยุติธรรมกับบุคคลผู้นั้น"
นายอานันท์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่ามีระบบ 2 มาตรฐานนั้น จากพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมาคล้ายๆ กับว่าอะไรที่ใช้ได้ก็บอกว่าดี แต่ถ้าไม่ได้ประโยชน์ก็จะบอกว่าใช้ไม่ได้ ถือว่าไม่ถูกต้องนัก พระเจ้าอยู่หัวอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่สามารถจะก้าวก่ายเรื่องทางการเมืองได้ โดยเฉพาะศาล จะไปต่อสู้เพื่อให้พระองค์ท่านเปลี่ยนคำสั่งศาลเป็นไปไม่ได้ การถวายฎีกาถ้าจะเกิดขัดแย้ง ก็ต้องไม่พาดพิงในวัง
**"วิเชียร"ติงถวายฎีกามิบังควรอย่างยิ่ง
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาราชการ ผบ.ตร. กล่าวว่า การยื่นถวายฎีกา ตำรวจต้องพยายามขอร้องทุกฝ่ายไม่ให้มีการเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง โดยเฉพาะการยื่นหนังสือถวายฎีกาฯเป็นเรื่องที่มิบังควรอย่างยิ่งได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นกำชับไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นการกระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องการเมืองต้องแก้ที่ฝ่ายการเมือง เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช้ออกมากดดันแบบนี้เป็นการมิบังควร ซึ่งต้องพูดในฐานะข้าราชการแท้จริง ทำงานถวายพระองค์ท่าน ทำเพื่อปกป้องสถาบัน กฏหมายรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน เป็นหน้าที่ปวงชนพิทักษ์ รักษา เทอดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องถือเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
