โฆษกนายกฯ แก้ลำแทน “มาร์ค” ยัน ผบ.ตร.กลับไทยไม่ได้หมายความว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้เลย ชี้ต้องเข้ารายงานตัวต่อนายกฯ ก่อน ชี้ผลโพลตอกหน้า “แม้ว” ผู้นำต้องยึดความซื่อสัตย์มากกว่าฝีมือการบริหาร ปัดประวิงเวลาแก้ รธน. แนะตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อให้ภาค ปชช.เข้ามามีส่วนร่วม
วันนี้ (10 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เดินทางกลับประเทศไทยก่อนกำหนดการลาว่า เดิม พล.ต.อ.พัชรวาท ลากิจจนถึงวันที่ 14 ส.ค. แต่เมื่อกลับมาก่อนกำหนดก็ต้องไปรายงานตัวต่อนายกฯ ถึงเหตุผลการเดินทางกลับก่อนกำหนด และจุดประสงค์จะปฏิบัติหน้าที่อย่างไรหรือไม่ เพราะการเดินทางกลับมาไม่ได้หมายความว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เนื่องจากในใบลาได้กำหนดวันที่ไว้ชัดเจน เพราะตามเงื่อนไขเดิม พล.ต.อ.พัชรวาทจะกลับมาร่วมพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น แต่การปฏิบัติหน้าที่อาจเป็นเรื่องหนึ่งก็ได้
นายเทพไทกล่าวถึงผลสำรวจของโพลที่ออกมาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีความโดดเด่นคนละด้านว่า ผลโพลถือเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่งที่ต้องรับฟัง แต่เมื่อผลโพลออกมาในลักษณะที่ว่านายอสิทธิ์มีความซื่อสัตย์สุจริต ถือว่าเหนือกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่น่าคิดว่าสังคมต้องการคนที่ซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ คือประชาชนยังเชื่อมั่นผู้นำคนปัจจุบันว่ายังมีความซื่อสัตย์สุจริต
ส่วนผลโพลที่ระบุว่าฝีมือความสามารถว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีมากกว่านายอภิสิทธ์นั้น นายเทพไทกล่าวว่า ดูจากสัดส่วนถือว่าห่างกันไม่มาก แต่เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์จะต้องพัฒนาฝีมือและมุมานะทำงานให้เป็นที่ยอมรับ ที่น่าสังเกตคือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต เป็นนิสัยและกำพืดของนักการเมืองที่ยากจะแก้ไข ส่วนเรื่องฝีมือการบริหารเป็นเรื่องที่สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จได้ ตรงนี้น่าเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน และผลโพลทุกโพลที่ออกมาถือเป็นกระจกเงาให้รัฐบาล ซึ่งก็น้อมรับฟังอะไรที่ควรนำไปปรับปรุงแก้ไขก็รับไปแก้ไข อะไรที่เห็นว่าคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงก็ต้องชี้แจง” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมนิติบัญญัติโดยให้สภาเป็นเจ้าภาพว่า การจะให้ใครเป็นเจ้าภาพจะต้องดูด้วยว่าหน่วยงานนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างไร แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯสรุปว่าให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นแล้วจะรวบรัดแก้ไขเลย เพราะจะทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้านได้ โดยต้องไม่ลืมว่าเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมใหญ่มาแล้ว จึงห่วงว่าอาจเกิดการเผชิญหน้าทางการเมืองรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ขัดขวางหากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญ แต่อยากให้รอบคอบและกว้างขวางมากกว่านี้ โดยควรเปิดให้ศึกษาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย โดยอาจมีการตั้ง ส.ส.ร.3 หรือการตั้งคณะกรรมการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนขึ้นมาก็ได้
นายเทพไทกล่าวอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามประวิงเวลาไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญปี 2550 นั้นถือว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้รับพิษของรัฐธรรมนูญปี 2550 เช่นกัน อย่างกรณี 13 ส.ส.ของพรรค ถูก กกต.ชี้ว่าหมดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.เนื่องจากเข้าไปถือหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ และหุ้นสื่อสารมวลชน นอกจากนี้ยังมีคดีฟ้องยุบพรรคประชาธิปัตย์อยู่ใน กกต.อีก จึงจะกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามยื้อเวลา เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญปี 2550ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรฯ คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ แสดงว่าหากจะแก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลต้องรอให้กลุ่มพันธมิตรฯ อนุญาตก่อนใช่หรือไม่ นายเทพไทกล่าวปฏิเสธว่า รัฐบาลไม่ได้เอาพันธมิตรฯ เป็นธงหลัก เพราะการแก้รัฐธรรมนูญมีหลายส่วนที่ต้องเข้าร่วมทั้ง เอ็นจีโอ ส.ว. เป็นต้น