“ประพันธ์ คูณมี” ชี้ การสั่งไม่ฟ้อง “แม้ว-เมีย” คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซีแอสเซท คือ เหตุผลในการเด้ง “สุนัย” พ้นดีเอสไอ จับตา ป.ป.ช.ชี้มูล “สมชาย” ผิดวินัยร้ายแรงจะถูกต้นสังกัดเดิมเตะถ่วงอย่างไร เนื่องจากส่งผลต่อตำแหน่งนายกฯ เพราะขาดคุณสมบัติ พร้อมจับตากองทัพกดดันให้ออก แต่ถ้ายังหน้าด้านไม่ออกจะทำอย่างไร
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันนี้ (16 ต.ค.) นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ(สนช.) ตั้งข้อสังเกตกรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องดคีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเซท ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ต้องหา ว่า นี่คือ เหตุผลสำคัญที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จาก นายสุนัย มโนมัยอุดม เป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งเดิม นายสุนัย ได้สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ คุณหญิงพจมาน ซึ่งจากการสอบสวนได้เชื่อมโยงไปถึงบริษัทในต่างประเทศที่เป็นนอมินี เช่น บริษัท วินมาร์ค ในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งรวมแล้วเป็นการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
นายประพันธ์ กล่าวว่า ถ้ามีการฟ้องคดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีความผิดเพิ่มเติมคือความผิดตามกฎหมายตลาดหลักทรีพย์ และ ป.ป.ช.อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายที่เป็นผู้ถือหุ้นสามารถฟ้องโดยตรงเองได้ และหากพบว่าอัยการสูงสุดมีเจตนาไม่ชอบก็อาจถูกดำเนินคดีได้
ส่วนคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมัยที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมกรณีสั่งยุติการสอบสวนอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมค่าซื้อที่ดินของศาลจังหวัดธัญญบุรีในอดีตจำนวน 70 ล้านบาทนั้น ในกรณีนี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลแค่ว่า นายสมชาย ทำผิดวินัยร้ายแรงโทษ คือ ปลดออกหรือไล่ออก โดยไม่ได้ชี้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ต้องส่งไปให้ อกพ.ยุติธรรม ซึ่งเป็นต้นสังกัดดำเนินการต่อ ซึ่งอาจทำให้มีการยื้อเวลาไปได้ แต่อย่างไรก็ดีตามกฎหมายใหม่ที่แก้ไข ทางหน่วยงานต้นสังกัดต้องดำเนินการตามที่ ปปช.มีมติ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนใหม่ และโทษ คือ ปลดออกและไล่ออกเท่านั้น
นายประพันธ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ต้องมาเชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญในเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามการเข้าสู่การเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองที่ห้ามข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เคยถูกไล่ออกหรือปลดออกเป็น ส.ส.หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้นำเหล่าทัพออกมากดดันให้ นายกฯลาออก เพื่อรับผิดชอบกรณีสลายการชุมนุมนองเลือด ว่า แม้จะมาช้า แต่ถือว่ายังดีกว่าไม่มา และการออกมายอมรับของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า นายกฯเป็นคนสั่งการตามขั้นตอน ถือว่าจะเป็นหลักฐานใน ป.ป.ช.ต่อไป
“ถามว่า ถ้า นายสมชาย ไม่ลาออกจะทำอย่างไร” นายประพันธ์ ระบุ ส่วนการผู้บัญชาการเหล่าทัพบอกว่าจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะจริงจังแค่ไหน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันนี้ (16 ต.ค.) นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ(สนช.) ตั้งข้อสังเกตกรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องดคีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซีแอสเซท ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ต้องหา ว่า นี่คือ เหตุผลสำคัญที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จาก นายสุนัย มโนมัยอุดม เป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งเดิม นายสุนัย ได้สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ คุณหญิงพจมาน ซึ่งจากการสอบสวนได้เชื่อมโยงไปถึงบริษัทในต่างประเทศที่เป็นนอมินี เช่น บริษัท วินมาร์ค ในต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งรวมแล้วเป็นการถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
นายประพันธ์ กล่าวว่า ถ้ามีการฟ้องคดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีความผิดเพิ่มเติมคือความผิดตามกฎหมายตลาดหลักทรีพย์ และ ป.ป.ช.อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง ผู้เสียหายที่เป็นผู้ถือหุ้นสามารถฟ้องโดยตรงเองได้ และหากพบว่าอัยการสูงสุดมีเจตนาไม่ชอบก็อาจถูกดำเนินคดีได้
ส่วนคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สมัยที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมกรณีสั่งยุติการสอบสวนอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมค่าซื้อที่ดินของศาลจังหวัดธัญญบุรีในอดีตจำนวน 70 ล้านบาทนั้น ในกรณีนี้ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลแค่ว่า นายสมชาย ทำผิดวินัยร้ายแรงโทษ คือ ปลดออกหรือไล่ออก โดยไม่ได้ชี้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ต้องส่งไปให้ อกพ.ยุติธรรม ซึ่งเป็นต้นสังกัดดำเนินการต่อ ซึ่งอาจทำให้มีการยื้อเวลาไปได้ แต่อย่างไรก็ดีตามกฎหมายใหม่ที่แก้ไข ทางหน่วยงานต้นสังกัดต้องดำเนินการตามที่ ปปช.มีมติ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสอบสวนใหม่ และโทษ คือ ปลดออกและไล่ออกเท่านั้น
นายประพันธ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ต้องมาเชื่อมโยงกับรัฐธรรมนูญในเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามการเข้าสู่การเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองที่ห้ามข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจที่เคยถูกไล่ออกหรือปลดออกเป็น ส.ส.หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นอกจากนี้ นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผู้นำเหล่าทัพออกมากดดันให้ นายกฯลาออก เพื่อรับผิดชอบกรณีสลายการชุมนุมนองเลือด ว่า แม้จะมาช้า แต่ถือว่ายังดีกว่าไม่มา และการออกมายอมรับของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า นายกฯเป็นคนสั่งการตามขั้นตอน ถือว่าจะเป็นหลักฐานใน ป.ป.ช.ต่อไป
“ถามว่า ถ้า นายสมชาย ไม่ลาออกจะทำอย่างไร” นายประพันธ์ ระบุ ส่วนการผู้บัญชาการเหล่าทัพบอกว่าจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะจริงจังแค่ไหน
