xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” เตือน “ส.ส.เพื่อแม้ว”-“หางแดง” จ่อคุก-ยุบพรรค ชี้ จงใจละเมิด รธน.ดันทุรังยื่นฎีกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุริยะใส กตะศิลา
เลขาธิการพรรค ก.ม.ม.ชี้ กระแสฎีกายื่นอภัยโทษให้ นช.แม้ว กำลังเป็นหอกทิ่มแทงเสื้อแดงเอง เหตุไม่มีบุคคลสำคัญเอาด้วย กระแสต้านขยายวง ต่างกับตอนคดีแม้วซุกหุ้น ซัด นปช.และนักวิชาการเสื้อแดงของปลอมพฤติกรรมน่ารังเกียจ ยิ่งกว่ากลืนน้ำลายตัวเอง จากเคยประณาม พธม.เรื่อง ม.7 ทั้งที่มีบทบัญญัติชัดเจนใน รธน.แต่ของตัวเองกลับไม่มีในรธน.หรือ กม.ใดๆ รองรับ เตือน แกนนำ นปช.- ส.ส.เพื่อแม้ว มีสิทธิ์ติดคุก และพรรคจะถูกยุบอีกรอบ

วันนี้ (7 ส.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวถึงการการเคลื่อนไหวเข้าชื่อเพื่อถวายฎีกาให้มีพระราชทานพระราชวินิจฉัยอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของกลุ่ม นปช.นั้น เข้าทำนองอิเหนาเป็นเสียเอง เพราะในช่วงปี พ.ศ.2549 ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเสนอฝ่าวิกฤตการเมืองด้วยแนวทาง มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 นั้น ถูกพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น รวมทั้งบรรดานักวิชาการบางส่วน คัดค้านว่า เป็นแนวทางนอกรัฐธรรมนูญและเป็นการนำการเมืองไทยย้อนกลับไปสู่ยุคอำมาตยาธิปไตย

เลขาธิการพรรค ก.ม.ม.กล่าวต่อว่า ถึงขนาดพรรคไทยรักไทยนำไปเป็น 1 ในข้อกล่าวหา เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ และล้อเลียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้นว่าเป็น มาร์ค ม.7 ซ้ำร้ายการเคลื่อนไหวของเครือข่าย นปช.ที่ผ่านมา ยังพยายามอวดอ้างว่าต้องการล้มระบอบอำมาตย์และสร้างประชาธิปไตยแบบใหม่กล่าวหาพันธมิตรฯ ว่า เดินแนวทางพึ่งพิงเจ้า ล้าหลัง ถอยหลังเข้าคลองสารพัด

แต่มาวันนี้การเข้าชื่อถวายฎีกาของแกนนำ นปช.และ พรรคเพื่อไทย กำลังเลือกใช้วิธีที่ตัวเองเคยประณามหยามเหยียดไว้ และเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ รองรับด้วยซ้ำ ต่างกับแนวทาง มาตรา 7 ที่มีบทบัญญัติชัดเจนในรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 2540 และ 2550

“น่าเวทนาที่นักวิชาการฝ่าย นปช.หรือกลุ่มที่อ้างตัวเป็นฝ่ายซ้าย เกลียดอำมาตย์ เกลียดศักดินา หรือต่อต้านการรัฐประหารกลับมาเป็นแกนนำล่าชื่อ หรือสนับสนุนการถวายฎีกาเสียเอง เป็นพฤติกรรมยิ่งกว่าการกลืนน้ำลายตัวเอง”

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า วันนี้ยุทธวิธีถวายฎีกากำลังจะเป็นหอกทิ่มแทงให้ขบวนการเสื้อแดงสูญเสียความชอบธรรมลงไปอีก หรืออาจจะถึงขั้นให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบได้เช่นกัน พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายคงคิดว่ายุทธวิธีล่าชื่อกดดันแบบนี้ได้ผลมาแล้วในช่วงกดดันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นผิดคดีซุกหุ้น 8:7 เมื่อปี 2545

ซึ่งครั้งนั้นมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนหลายภาคส่วนเป็นแกนนำเข้าชื่อด้วย เช่น นพ.เสม พริ้มพวงแก้ว แต่การล่าชื่อถวายฎีกาครั้งนี้ จะเห็นว่า ไม่มีบุคคลสำคัญของบ้านเมืองเข้าร่วมด้วยมีแต่เพียงแกนนำม็อบซึ่งแต่ละคนก็ต้องข้อหาร้ายแรงมาทั้งนั้น

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่การล่าชื่อถวายฎีกาครั้งนี้นอกจากจะมีแรงต้านขยายวงมากขึ้นแล้ว กระแสยังตีกลับมาที่แกนนำ นปช.ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีขอหายุยงสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 และการประทุษร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ มาตรา 108 และ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยหลายคน อาจถูกถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ มรตรา 164 ข้อหาส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งประชาชนไม่น้อยกว่า 2 หมื่นรายชื่อสามารถยื่นถอดถอนได้ หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งอาจจะโดนร้องเรียนให้มีการยุบพรรคเพราะมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ
กำลังโหลดความคิดเห็น