“วุฒิ พัวเวส” ยอมรับข้อหาก่อการร้ายเป็นข้อหาใหม่ ที่เพิ่งตั้งขึ้นมา พนักงานสอบสวนจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานและต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย พร้อมเตรียมกำลังตำรวจ 150 นาย ดูแลความปลอดภัยให้พันธมิตรฯ ขณะที่พันธมิตรฯ จำนวนนับพันถึงที่หมายแล้ว
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยในการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตยจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า ในวันนี้ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหารวม 36 คนมารับทราบข้อกล่าวหา โดยได้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ 1 คนต่อผู้ถูกกล่าวหา 4 คน สำหรับข้อหาก่อการร้ายนั้นถือเป็นข้อหาที่ตั้งขึ้นมาใหม่ พนักงานสอบสวนต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อน ซึ่งหลังการตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ปรากฏว่ามีผู้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจกันมาก ทำให้ต้องมีการรวบรวมพนยานหลักฐานหลายขั้นตอนเพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ
“หากแกนนำพันธมิตรฯ มีข้อเรียกร้องใดๆ ทางพนักงานสอบสวนจะรับฟัง และจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่ทนายพันธมิตรฯจะขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนั้น ทาง ผบ.ตร.ยังไม่มีคำสั่งลงมา” พล.ต.ท.วุฒิกล่าว
ด้าน พล.ต.ต สาโรช พรหมเจริญ ผบก.น.2 กล่าวว่า ตำรวจนครบาล 2 ได้เตรียมกำลังอำนวยความสะดวกการจราจร และที่จอดรถให้ผู้เข้ารับทราบข้อหา รวมทั้งการจัดเตรียมห้องสอบปากคำ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลจำนวน 150 นาย คอยดูแล รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยและความสงบด้วย
“จากการรายงานข่าวยังไม่พบว่าจะมีการก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มตรงข้ามจะมาปั่นป่วนสร้างความวุ่ยวาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่นิ่งนอนใจได้เตรียมความพร้อมดูแลไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าดูแลตั้งแต่เช้ามืดจนกว่าจะเสร็จสิ้นการรับทราบข้อหา” พล.ต.ต.สาโรชกล่าว
พล.ต.ต.สาโรช ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายเรียกทั้งหมดจะไม่รับทราบข้อกล่าวหา แต่เป็นการเดินทางมาแสดงตน เพื่อยื่นคัดค้านข้อกล่าวหาด้วยว่า ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่หากผู้ถูกออกหมายเรียกไม่มารับทราบข้อหา และรายงานตัวเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วนบรรยากาศบริเวณสโมสรตำรวจ เริ่มมีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาถึงบ้างแล้วนับพันคน โดยมีรถ 6 ล้อปราศรัยขนาดใหญ่จำนวน 2 คัน เปิดเพลงของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งมีการนำเสื้อ “พรรคการเมืองใหม่” มาตั้งขายด้วย ขณะที่การจราจรบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ยังคงเคลื่อนตัวได้
สำหรับข้อกล่าวหาบุกสนามบินสุวรรณภูมินั้น พนักงานสอบสวนตั้งข้อหา“ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมแล้วไม่เลิก, ก่อการร้าย, บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ ฯลฯ ทำให้การให้บริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2551 เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ”
ส่วนที่สนามบินดอนเมือง ตั้งข้อหา “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการ กระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ และเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น โดยเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ” ในการบุกรุกท่าอากาศยานดอนเมือง ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2551 นั้น
“วุฒิ” ชี้พันธมิตรฯ แสดงตัวตามหมายเรียก แต่ไม่รับข้อกล่าวหาได้!
ผบ.ตร.ชี้ พธม.ฟ้องกลับได้ตามสิทธิ เชื่อแจ้งข้อหาตามจริง
ทนายพันธมิตรฯ เล็งฟ้อง ตร.ยัดข้อหา “ก่อการร้าย” แรงเกินจริง!
ตั้งข้อหา พธม.ก่อการร้ายบุกสนามบิน “กษิต-ปฐมพงษ์” โดนด้วย
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต (ขาเข้า) พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยในการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนธิปไตยจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า ในวันนี้ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหารวม 36 คนมารับทราบข้อกล่าวหา โดยได้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ 1 คนต่อผู้ถูกกล่าวหา 4 คน สำหรับข้อหาก่อการร้ายนั้นถือเป็นข้อหาที่ตั้งขึ้นมาใหม่ พนักงานสอบสวนต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อน ซึ่งหลังการตั้งข้อกล่าวหาแล้ว ปรากฏว่ามีผู้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจกันมาก ทำให้ต้องมีการรวบรวมพนยานหลักฐานหลายขั้นตอนเพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ
“หากแกนนำพันธมิตรฯ มีข้อเรียกร้องใดๆ ทางพนักงานสอบสวนจะรับฟัง และจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่ทนายพันธมิตรฯจะขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนนั้น ทาง ผบ.ตร.ยังไม่มีคำสั่งลงมา” พล.ต.ท.วุฒิกล่าว
ด้าน พล.ต.ต สาโรช พรหมเจริญ ผบก.น.2 กล่าวว่า ตำรวจนครบาล 2 ได้เตรียมกำลังอำนวยความสะดวกการจราจร และที่จอดรถให้ผู้เข้ารับทราบข้อหา รวมทั้งการจัดเตรียมห้องสอบปากคำ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลจำนวน 150 นาย คอยดูแล รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยและความสงบด้วย
“จากการรายงานข่าวยังไม่พบว่าจะมีการก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มตรงข้ามจะมาปั่นป่วนสร้างความวุ่ยวาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่นิ่งนอนใจได้เตรียมความพร้อมดูแลไว้เรียบร้อยแล้ว โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าดูแลตั้งแต่เช้ามืดจนกว่าจะเสร็จสิ้นการรับทราบข้อหา” พล.ต.ต.สาโรชกล่าว
พล.ต.ต.สาโรช ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายเรียกทั้งหมดจะไม่รับทราบข้อกล่าวหา แต่เป็นการเดินทางมาแสดงตน เพื่อยื่นคัดค้านข้อกล่าวหาด้วยว่า ถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่หากผู้ถูกออกหมายเรียกไม่มารับทราบข้อหา และรายงานตัวเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วนบรรยากาศบริเวณสโมสรตำรวจ เริ่มมีผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาถึงบ้างแล้วนับพันคน โดยมีรถ 6 ล้อปราศรัยขนาดใหญ่จำนวน 2 คัน เปิดเพลงของกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งมีการนำเสื้อ “พรรคการเมืองใหม่” มาตั้งขายด้วย ขณะที่การจราจรบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ยังคงเคลื่อนตัวได้
สำหรับข้อกล่าวหาบุกสนามบินสุวรรณภูมินั้น พนักงานสอบสวนตั้งข้อหา“ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการมั่วสุมแล้วไม่เลิก, ก่อการร้าย, บุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ ฯลฯ ทำให้การให้บริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 และฉบับที่ 2 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2551 เหตุเกิดระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ”
ส่วนที่สนามบินดอนเมือง ตั้งข้อหา “กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการ กระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้า หรือผู้สั่งการ และเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกสำนักงาน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในความครอบครองของผู้อื่น โดยเป็นผู้ใช้ ยุยงส่งเสริม โฆษณา หรือประกาศ” ในการบุกรุกท่าอากาศยานดอนเมือง ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2551 นั้น
“วุฒิ” ชี้พันธมิตรฯ แสดงตัวตามหมายเรียก แต่ไม่รับข้อกล่าวหาได้!
ผบ.ตร.ชี้ พธม.ฟ้องกลับได้ตามสิทธิ เชื่อแจ้งข้อหาตามจริง
ทนายพันธมิตรฯ เล็งฟ้อง ตร.ยัดข้อหา “ก่อการร้าย” แรงเกินจริง!
ตั้งข้อหา พธม.ก่อการร้ายบุกสนามบิน “กษิต-ปฐมพงษ์” โดนด้วย