เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ยืนยันฟ้องนายกฯ เพราะเป็นผู้กำกับดูแล สตช.ตาม กม. ด้าน “สุเทพ” หนีไม่พ้นคดีฐานผู้รับมอบหมาย ลั่นไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัว แต่ขอใช้สิทธิปกป้องตัวเองตาม กม. ถลกหนัง “แม้ว” เผยธาตุแท้ฝักใฝ่เผด็จการ หลังหอบเงินลงทุนร่วมกับผู้นำที่มาจากยึดอำนาจหวังใช้เป็นที่พำนัก
วันนี้ (10 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) กล่าวภายหลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีมติเตรียมดำเนินการฟ้องกลับผู้ที่เกี่ยวข้องในการตั้งข้อหาเท็จหรือข้อหาก่อการร้ายต่อแกนนำพันธมิตรฯ นั้น ถือเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทำไปเพราะความแค้นหรือเกลียดชัง แต่เป็นการใช้สิทธิเพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับกลไกยุติธรรม โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมขั้นตนหรือในขั้นพนักงานสอบสวน เพื่อให้กระบวนการออกหมายเรียก หรือหมายจับ มีบรรทัดฐานน่าเชื่อถือ และเป็นธรรมต่อประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า และปิดช่องไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาผู้บริสุทธิ์
“เหตุที่นายกรัฐมตรีอาจตกเป็นจำเลยได้นั้น ก็เพราะตามมาตรา 6 พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่ต้องกำกับดูแล สตช. แม้จะมอบหมายให้รองนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รับผิดชอบดูแลแทน แต่ในทางกฎหมายก็จะหนีความผิดชอบไม่ได้ ในคำบรรยายฟ้องก็คงต้องระบุทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ สุเทพ และ ผบ.ตร.รวมทั้งพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้” นายสุริยะใสกล่าว และว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้อาจจะไม่ต้องถึงโรงถึงศาล หากนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. ประชุมและพิจารณาทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและทบทวนข้อกล่าวหาเท็จดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาหลักนิติรัฐ และหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านนายกให้ความสำคัญและแถลงไว้ในวันเข้ารับตำแหน่งด้วย
เลขาธิการพรรค ก.ม.ม.กล่าวถึงกรณีที่ นปช.เปลี่ยนรูปแบบการถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษมาเป็นถวายเรื่องราวขออภัยโทษนั้น เป็นการหลบหลีกแรงต้านเพราะเท่าที่ทราบหนังสือฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษที่แจกจ่ายไปทั่วประเทศก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้รับการตอบรับจากชาวบ้าน มีผู้ร่วมลงชื่อน้อยกว่าที่คิดตั้งเป้าไว้ 3 ล้านภายใน 1 เดือนยังได้ไม่ถึงหมื่นชื่อด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านเริ่มเข้าใจและรู้เท่าทันว่ากลุ่ม นปช.จะนำชื่อพวกเขาไปทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมและเป็นการจาบจ้วงสถาบัน แกนนำ นปช.ก็เลยต้องปรับยุทธวิธีเป็นการถวายเรื่องราวขออภัยโทษแทน ซึ่งเป็นการเลี่ยงบาลีหนีแรงต้าน ทั้งๆ ที่เนื้อหาหนังสือยังเป็นอันเดิมและขั้นตอนตามกฎหมายก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะคนผิดยังไม่ยอมรับโทษ
นายสุริยะใสกล่าวว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมลงทุนกับรัฐบาลประเทศฟิจินั้น วันนี้ก็คงเห็นธาตุแท้แล้วว่าที่อ้างว่ารักประชาธิปไตยต่อต้านการรัฐประหาร แต่วันนี้กำลังจะลงทุนทำธุรกิจกับประเทศเผด็จการ โดยเฉพาะประเทศฟิจิ ที่ผู้นำมาจากการยึดอำนาจ และประเทศในแถบที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยก็เป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการทั้งนั้น