“เทพไท” โต้ 15 อดีตนายพลตำรวจ ปัดข้อกล่าวหารัฐแทรกแซงโยกย้าย ย้อนถาม ยุค “แม้ว” ตั้งรัฐตำรวจแทรกแซงยิ่งกว่าชงตัวอย่างโตยกแผง ข้ามหัวอาวุโสแต่ไม่กล้าโวยต้นเหตุ ยัน “อภิสิทธิ์” ตั้ง “วิเชียร” ยึดหลักอาวุโสและความเหมาะสม มองผลประโยชน์ส่วนรวม พร้อมท้า “เพรียวพันธ์” ฟ้องศาลปกครองได้ตามสิทธิ
วันนี้ (6 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่กว่า 15 คนออกมาแสดงความเห็นในการแก้ไขปัญหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยระบุว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ผบ.ตร.และการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจว่า ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงตามที่กลุ่มอดีตข้าราชการดังกล่าวได้ตั้งข้อกล่าวหา เพราะรัฐบาลชุดนี้ยึดถือหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ การแก้ไขปัญหาใน สตช.ก็เพื่อต้องการให้งานของ สตช.สามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยมีความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อลบข้อครหาในการโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่มีข้อสงสัยจากสังคมมาตลอดทุกยุคสมัยว่ามีการซื้อขายตำแหน่งกันในองค์กร
นายเทพไทกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มอดีตข้าราชการกลุ่มนี้กลับออกมาแสดงความเห็นเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ทั้งที่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาก่อน และบางคนก็เป็นนายตำรวจที่รับใช้ระบอบทักษิณมาตลอดเวลาในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา สตช.ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองชัดเจนจนเป็นที่โจษขานว่าเป็นการสร้างรัฐตำรวจขึ้นมา ขอตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดในช่วงเวลาดังกล่าวที่สังคมครหาว่ามีการสร้างรัฐตำรวจ กลุ่มอดีตข้าราชการเหล่านี้ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้าน ทั้งที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณและญาติพี่น้องทั้งฝ่ายตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองและภรรยา ขึ้นรับตำแหน่งชนิดกระโดข้ามหัวผู้อื่นโดยไม่ยึดหลักอาวุโส จนทำให้วงการตำรวจมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีและล้มเหลวมาจากฝีมือของคนเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ สตช.มีภาพลักษณ์ดังกล่าวมาจนถึงทุกวัน
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี สบ 10 ขึ้นรักษาการ ผบ.ตร.นั้น เมื่อดูจากกระแสสังคมโดยรวมพบว่าทุกฝ่ายยอมรับว่านายกฯ ได้แต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมรับตำแหน่งนี้ เนื่องจาก พล.ต.อ.วิเชียร ถือว่าเป็นนายตำรวจที่มีอาวุโสสูงสุดในการครองยศ พล.ต.อ.มาตั้งแต่ปี 2545 และมีความเป็นกลาง เข้าได้กับทุกฝ่าย และไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ ที่เสื่อมเสีย และเชื่อว่าจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในนโยบาย 3 เรื่องของนายกฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคดีการยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ และปัญหาการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจที่คาราคาซังอยู่ในขณะนี้
ส่วนที่อาจจะมีเสียงโต้แย้งคัดค้านจากคนบางกลุ่ม ถือว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนบุคคล แต่การแต่งตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ครั้งนี้ นายกฯ ได้ยึดหลักโดยเอาผลประโยชน์ขององค์กรตำรวจ และประเทศชาติเป็นสำคัญ หากจะมีนายตำรวจคนใดจะอ้างสิทธิและเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ครั้งนี้และขู่ว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนั้นก็ถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายที่สามารถทำได้ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและดุลพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ได้ออกมาระบุทั้งน้ำตาว่าตนเองมีความเหมาะสมที่จะรั้งตำแหน่งดังกล่าวมากกว่า พล.ต.อ.วิเชียร และจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เกรงว่าจะเป็นปัญหาในการบริหารงานของรัฐบาลหรือไม่ นายเทพไทตอบว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และนายกฯ ได้ยึดหลักความถูกต้องของกฎหมายมาโดยตลอด การจะยื่นฟ้องศาลปกครองก็เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แต่อยากจะถามว่า วันที่มีการแต่งตั้งตัวเองข้ามหัวผู้อื่น ก็น้ำตาไหลด้วยความดีใจ แต่ทำไมวันนี้เมื่อมีการแต่งตั้งผู้อื่นข้ามหัวตัวเองทั้งที่ได้ยึดหลักอาวุโสและความเหมาะสม จึงกลับมาแสดงอาการน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ ทำไมไม่นึกถึงหัวอกผู้อื่นบ้าง