xs
xsm
sm
md
lg

“สาวกแม้ว” พลิกลิ้นปัดยื่นฎีกา อ้างร้องทุกข์ในหลวงไม่ขัด กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ไข่แม้ว” ตั้งแถวจัดฉากรับมอบข้อร้องเรียน เสื้อแดงเดือดร้อน เพราะรัฐบาลบริหารล้มเหลว อ้างถูกแบล็กลิสต์หลังลงชื่อฏีกาอภัยโทษ “แม้ว” เชื่อเป็นผู้วิเศษแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในพริบตา เบี่ยงกระแสใช้สิทธิราษฎรเต็มขั้น ร้องทุกข์ต่อพระเจ้าอยู่หัวได้ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่รัฐสภา นางกรระวี ตันตระกูล ตัวแทนชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพ พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 20 คน ได้เข้าร้องทุกข์กับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายไพจิต ศรีวรขาน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน ได้รับความเดือดร้อน และถูกต่อต้านจากการเข้าชื่อยื่นถวายฏีกาเพื่อขออภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

โดย นางกรระวี กล่าวว่า กลุ่มประชาชนจากหลายๆ ที่ หลายๆ จังหวัด ที่มารวมตัวกัน เพราะพวกเราได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องที่ทำกิน การแพร่ระบาดของไข้หวัด ปัญหาเศรษฐกิจ คนตกงาน และยังมีอีกหลายปัญหา เพราะเราขาดผู้นำที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาของประเทศ และเห็นว่า ในอดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยบริหารประเทศจนเป็นที่พึ่งหวังของประชาชนได้ จึงไม่รู้จะไปไหนเลยมาที่สภา เพื่อขอให้ ส.ส.ช่วยนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเราเปรียบเสมือนลูกของพระองค์ที่เปี่ยมพระเมตตา และเป็นมิ่งขวัญของพวกเรามาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมา มีกลุ่มคัดค้านต่อต้านถวายฎีกา เราจึงไม่รู้ว่าเรากระทำผิดด้วยเรื่องอะไร เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯไปที่ไหน ก็จะมีประชาชนร้องทุกข์ถวายฎีกา ถึงจะมีคนเดียวก็ทำได้ ตนรู้ว่าออกมาคราวนี้ต้องเจ็บตัว อาจโดนแบล็กลิสต์จากรัฐ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ แต่ก็คุยกับลูกแล้ว ลูกๆ ก็สนับสนุน

ขณะที่ นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายฝ่ายทั้งโฆษกกระทรวงมหาดไทย พรรคการเมืองบางพรรค และบางกลุ่มพูดในทำนองว่าไม่บังควรและทำไม่ได้ ทั้งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ต้องการร้องทุกข์ต่อพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการยื่นถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษ การร้องทุกข์ไม่มีรูปแบบ หรือพิธีใด และไม่มีกฎหมายใดห้าม แต่มีความพยายามทำให้เป็นเรื่องการเมือง ซึ่งตนไม่เห็นด้วยที่จะต้องกีดกันไม่ให้ประชาชนสามารถร้องทุกข์ต่อพระเจ้าอยู่หัวได้ ซึ่งก็เท่ากับลดพระราชอำนาจเช่นเดียวกัน แต่การอภัยโทษไม่ใช่ศาลที่ 4 อย่างที่อีกฝ่ายพยายามออกมาพูด เพราะไม่สามารถลบล้างคำพิพากษาได้ คำพิพากษาก็ยังคงอยู่ แต่เมื่อยื่นไปแล้วจะได้ไม่ได้ ก็แล้วแต่พระบรมราชวินิจฉัย และจะไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่การกดดันอะไรเลย

นายสงวน กล่าวว่า ประชาชนที่มา เพราะเชื่อว่าเขาเป็นทุกข์เดือดร้อน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ การร้องทุกข์ไม่มีรูปแบบเป็นคนละส่วนกับการขอภัยโทษ เราต้องยึดหลักกฎหมาย อย่าเอาความชอบหรือไม่ชอบ จะไปห้ามประชาชนร้องทุกข์ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คิดว่า ประชาชนในภาคเหนือมีความเข้าใจในเรื่องสิทธิในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมากกว่าคนกรุงเทพฯ เพราะในอดีตพระองค์ท่านเสด็จฯไปที่ไหนก็มีราษฎรมาฏีการ้องทุกข์เขียนจดหมายร้องทุกข์ด้วยตัวเอง แต่อาจารย์มหาวิทยาลัยก็บิดเบือน พูดไม่หมด นำเรื่องสิทธิไปปนกับกระบวนการทางกฎหมาย อย่างกรณี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ระบุว่า ชาวบ้านทำผิดกฎหมาย เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐไปให้ข่าวทำนองว่าไม่มีพระราชอำนาจ ทั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การพูดเช่นนี้ถือว่าหมิ่นหรือไม่ และที่บอกว่ามีคนทำผิดกฎหมายแล้วไม่ดำเนินคดีถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ด้าน นายชลน่าน กล่าวว่า การถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษสามารถผ่านได้ 2 ทาง คือ กระทรวงยุติธรรม และสำนักนายกฯ ซึ่งจะต้องผ่านไปยังสำนักราชเลขาธิการ องคมนตรี และพระเจ้าอยู่หัว ส่วนการล่ารายชื่อถวายฎีกาในครั้งนี้ ก็เป็นการร้องทุกข์เพื่อให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร แต่มาผนวกกับการขออภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น