เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ ที่รัฐสภา นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังเข้ายื่นร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บรรจุเป็นระเบียววาระ เพื่อพิจารณาต่อไป
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่าการยื่นร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว มีส.ส.ลงชื่อทั้งสิ้น 149 คน จากพรรคเพื่อไทย143 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 3 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน และพรรคเพื่อแผ่นดิน 1 คน โดยสาระสำคัญในร่างกฎหมาย คือหวังให้เกิดความปรองดองโดยจะพิจารณาการกระทำความผิดทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจะไม่เน้นยกโทษความผิดเฉพาะตัวบุคคล ทั้งนี้ ส.ส.ของแต่ละพรรคที่ร่วมลงชื่อ จะนำไปหารือในพรรคอีกครั้งในวันนี้ (26 มี.ค.)
อ้างมุขเดิม เพื่อความปรองดอง
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า การเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าว คงไม่กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะไม่ได้ให้อภัยเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่จะพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติรัฐประหาร เนื่องจากความขัดแย้งเกิดจากมีบุคคลบางกลุ่มไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการตั้งหน่วยงาน องค์กร แก้ไขกฎหมาย และหน่วยงานรัฐถูกใช้เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตั้งบุคคลที่เป็นศัตรูกันมาตรวจสอบ จึงควรยกเลิก และให้อภัยโทษคดีที่อยู่ในการดูแลของ คตส.ด้วย รวมถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาเรื่องนี้ด้วย ถ้าอยากเห็นบ้านเมืองมีความปรองดอง
ด้านนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้เกี่ยวข้องเฉพาะคดีการเมืองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคดีอาญาทั่วไป
สำหรับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นความผิดทางอาญาจะได้รับการอภัยโทษด้วยหรือไม่ นายประเกียรติ กล่าวว่า จะต้องพิจารณาดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมถึงคดีเหตุการณ์ 7 ต.ค. 51 ที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช. ด้วย แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ และคดีอาญาธรรมดา คงไม่ได้รับการยกเว้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมลงชื่อด้วยนั้นมี 6 คนคือ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ส.ส.อุทัยธานี นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ และนายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ มี 5 มาตรา โดยเฉพาะในส่วนของมาตรา 3 นั้น กำหนดให้นิรโทษกรรมบรรดาการกระทำ ผู้ถูกกระทำทั้งหลายของบุคคลใดๆ ที่ได้กระทำระหว่างวันที่ 19 ก.ย.49 ถึงวันที่ 5 พ.ค. 52 หรือ การกระทำก่อนวันที่ 19 ก.ย. 49 ที่เกี่ยวเนื่องให้รวมถึงผู้กระทำทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ หากการกระทำนั้นเป็นความผิดกฎหมาย ให้ผู้นั้นพ้นจากความผิด และความผิดทั้งในทางอาญา ทางแพ่ง และทางปกครอง หากการกระทำผิดนั้นผิดกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง หากผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้คืนสิทธิการเลือกตั้งให้บุคคลดังกล่าวด้วย และรวมการกระทำในการชุมนุมหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม การกล่าวหรือการไขข่าว ไม่ว่าโดยวาจา หรือการโฆษณาใดๆ เพื่อเรียกร้องทางการเมืองในการต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการต่อต้านการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ การกระทำที่เป็นเหตุให้บุคคล หรือคณะบุคคลผู้ถูกสอบสวน ไต่สวน ดำเนินคดีหรือวินิจฉัยจากบุคคล คณะบุคคลหรือองค์กรตามคำสั่งหรือประกาศของคณะปฏิรูปปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ให้รวมถึงการกระทำที่บุคคลหรือคณะบุคคลที่ถูกสอบสวน ผู้สอบสวน ไต่สวน ดำเนินคดี หรือวินิจฉัยจากบุคคลหรือคณะบุคคลหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่าการยื่นร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว มีส.ส.ลงชื่อทั้งสิ้น 149 คน จากพรรคเพื่อไทย143 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 3 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 2 คน และพรรคเพื่อแผ่นดิน 1 คน โดยสาระสำคัญในร่างกฎหมาย คือหวังให้เกิดความปรองดองโดยจะพิจารณาการกระทำความผิดทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และเหตุการณ์ก่อนการปฏิวัติที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจะไม่เน้นยกโทษความผิดเฉพาะตัวบุคคล ทั้งนี้ ส.ส.ของแต่ละพรรคที่ร่วมลงชื่อ จะนำไปหารือในพรรคอีกครั้งในวันนี้ (26 มี.ค.)
อ้างมุขเดิม เพื่อความปรองดอง
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า การเสนอ พ.ร.บ.ดังกล่าว คงไม่กลายเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะไม่ได้ให้อภัยเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่จะพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติรัฐประหาร เนื่องจากความขัดแย้งเกิดจากมีบุคคลบางกลุ่มไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการตั้งหน่วยงาน องค์กร แก้ไขกฎหมาย และหน่วยงานรัฐถูกใช้เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตั้งบุคคลที่เป็นศัตรูกันมาตรวจสอบ จึงควรยกเลิก และให้อภัยโทษคดีที่อยู่ในการดูแลของ คตส.ด้วย รวมถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พิจารณาเรื่องนี้ด้วย ถ้าอยากเห็นบ้านเมืองมีความปรองดอง
ด้านนายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้เกี่ยวข้องเฉพาะคดีการเมืองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคดีอาญาทั่วไป
สำหรับคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นความผิดทางอาญาจะได้รับการอภัยโทษด้วยหรือไม่ นายประเกียรติ กล่าวว่า จะต้องพิจารณาดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมถึงคดีเหตุการณ์ 7 ต.ค. 51 ที่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป.ป.ช. ด้วย แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ และคดีอาญาธรรมดา คงไม่ได้รับการยกเว้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมลงชื่อด้วยนั้นมี 6 คนคือ นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายอดุลย์ เหลืองบริบูรณ์ ส.ส.อุทัยธานี นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ และนายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ มี 5 มาตรา โดยเฉพาะในส่วนของมาตรา 3 นั้น กำหนดให้นิรโทษกรรมบรรดาการกระทำ ผู้ถูกกระทำทั้งหลายของบุคคลใดๆ ที่ได้กระทำระหว่างวันที่ 19 ก.ย.49 ถึงวันที่ 5 พ.ค. 52 หรือ การกระทำก่อนวันที่ 19 ก.ย. 49 ที่เกี่ยวเนื่องให้รวมถึงผู้กระทำทั้งในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ให้กระทำ หากการกระทำนั้นเป็นความผิดกฎหมาย ให้ผู้นั้นพ้นจากความผิด และความผิดทั้งในทางอาญา ทางแพ่ง และทางปกครอง หากการกระทำผิดนั้นผิดกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง หากผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งให้คืนสิทธิการเลือกตั้งให้บุคคลดังกล่าวด้วย และรวมการกระทำในการชุมนุมหรือเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม การกล่าวหรือการไขข่าว ไม่ว่าโดยวาจา หรือการโฆษณาใดๆ เพื่อเรียกร้องทางการเมืองในการต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการต่อต้านการปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ การกระทำที่เป็นเหตุให้บุคคล หรือคณะบุคคลผู้ถูกสอบสวน ไต่สวน ดำเนินคดีหรือวินิจฉัยจากบุคคล คณะบุคคลหรือองค์กรตามคำสั่งหรือประกาศของคณะปฏิรูปปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ให้รวมถึงการกระทำที่บุคคลหรือคณะบุคคลที่ถูกสอบสวน ผู้สอบสวน ไต่สวน ดำเนินคดี หรือวินิจฉัยจากบุคคลหรือคณะบุคคลหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย