xs
xsm
sm
md
lg

ไข่แม้วจัดสัมมนาอ้างทางออกประเทศ ที่แท้แค่สุมหัวด่า “มาร์ค” - เหน็บ พธม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จาตุรนต์ ฉายแสง
“พรรคเพื่อไทย” จัดสัมมนาทางออกประเทศ ภาคตะวันออกครั้งที่ 2 สุมหัวรุมจวกนโยบายเศรษฐกิจรัฐไร้ทิศทาง “จาตุรนต์” แหลเรื่อยเปื่อยอ้างรัฐบาลไม่มีเวลาบริหารประเทศเพราะสาละวนกับคดียิง “สนธิ” และพยายามช่วยผู้ก่อการร้ายให้เป็นผู้ก่อการดี ด้าน “ปลอดประสพ” อ้างชาวบ้านอยากให้มีปุ๋ยแห่งชาติ-พืชจีเอ็มโอ “ปานปรีย์” โมเมโทษ รธน.50 เป็นฝันร้ายเอกชน

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่โรงแรมลองบีช การ์เดน โฮเตล รีสอร์ตแอนด์สปา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. พรรคเพื่อไทยได้จัดสัมมนาที่อ้างว่าเป็นการหาทางออกให้ประเทศภายใต้ชื่อ “ล้างหนี้ประเทศ สร้างรายได้ประชาชน” ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออก มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนา โดยมีแกนนำพรรค ส.ส.พรรค นักธุรกิจ และประชาชนเข้าร่วมฟังการสัมมนา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย บรรยายในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย เราจะไปทางไหน” ช่วงหนึ่งว่า ประเทศไทยต้องรับวิกฤต 2 ด้านจากการรัฐประหาร และความขัดแย้งในสังคม เราได้รัฐบาลไม่ชอบธรรม ปัญหา 2 มาตรฐานส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการท่องเที่ยว ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นเจอวิกฤตการเงินของโลกรุนแรงในรอบหลายสิบปี การกู้เงินของรัฐบาลไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าไรนัก การเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ใช้นโยบายการคลัง ไม่สนใจภาคการผลิตหรือสร้างรายได้ให้ประชาชน ซึ่งเป็นจุดผิดพลาดของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดนั้น รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร การส่งออก เรื่องค่าเงินบาท เรื่องสินเชื่อเราทำน้อยมาก เราไม่ได้เน้นธุรกิจรายภาคส่วน ไม่มีบรรยากาศของการมาคุยกัน และยังมีปัญหาเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถจะทำนโยบายร่วมกันระหว่างกระทรวงต่างๆ ได้ ครม.เศรษฐกิจก็ไม่เคยมีนโยบายด้านต่างๆ ออกมาว่าเป็นอย่างไร รัฐบาลเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาลจนไม่กล้าล้มโครงการ ชักเย่อกัน สรุปแล้วนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่มีความชัดเจนและไร้ทิศทาง

นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า รัฐบาลนี้มาจากการสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เวลานี้นายกรัฐมนตรีใช้เวลาไปกับคดีก่อการร้ายและคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จนไม่มีเวลาบริหารนโยบายเศรษฐกิจ เพราะเรื่องพันธมิตรฯ นั้นเป็นใหญ่ นายกรัฐมนตรีไม่พอใจ นายกรัฐมนตรีนั้นถลำมากๆ ก็เสียคนอีกแล้ว นายอภิสิทธิ์ต้องการให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา หาคนร้ายที่ยิงนายสนธิมาให้ได้ มีความพยายามช่วยให้ผู้ก่อการร้ายกลายเป็นผู้ก่อการดี รัฐบาลต้องพะวงกับปัญหาการเมืองทั้งเรื่องพรรคร่วมรัฐบาล พันธมิตรฯ และกองทัพ จึงทำให้บริหารเศรษฐกิจได้ยากมาก นายอภิสิทธิ์ไม่มีภาวะผู้นำ บริหารประเทศไปตามปกติทั้งๆ ที่อยู่ในภาวะวิกฤต ใช้คำพูดปลอบใจคนเรื่อยๆ และใช้น้ำลายตอบโต้จึงแก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้น ต้องเปลี่ยนวิธีบริหารมาเป็นรูปแบบของการบริหารท่ามกลางวิกฤติ รัฐบาลต้องสนใจภาคการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมการเกษตร เอสเอ็มอี เรื่องตลาดสินเชื่อ และค่าเงินบาท ทิศทางของรัฐบาลต้องมีความเป็นเอกภาพ หยุดสาละวนชิงไหวชิงพริบทางการเมือง หันมารับฟังความเห็นประชาชนน่าจะมีทางช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว วันนี้ผู้คนเบื่อหน่ายรัฐบาลมาก พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านควรรีบสร้างนโยบายขึ้นมาเพื่อให้เกิดความชัดเจนด้านต่างๆ เพื่อรับมือเศรษฐกิจ ประชาชนจะได้มีที่พึ่ง หรือมีทางเลือกที่ดีกว่า

ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวบรรยายช่วงหนึ่งว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนนั้นพบว่า มีปัญหาเชิงนโยบาย คือ ปัญหาเรื่องพืชไร่ อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา ซึ่งประชาชนอยากให้รัฐบาลสนับสนุนเกษตรอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน คือ การนำอ้อย มันสำปะหลัง มาแปรรูปเป็นเอทานอล และยังเสนอให้แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาแก๊สโซฮอลล์ จัดให้มีนโยบายปุ๋ยแห่งชาติที่ชัดเจน และควรมีนโยบายเรื่องพืชจีเอ็มโอที่ชัดเจนด้วย นอกจากนี้ ประชาชนยังอยากให้รัฐบาลมีนโยบายเกี่ยวกับ ธ.ก.ส.ในการจัดดอกเบี้ยพิเศษให้แก่เกษตรกรอีกด้วย ส่วนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมบริเวณนิคมอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดนั้นมีปัญหา 4 ข้อ คือ 1.ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากแผนการควบคุมสิ่งแวดล้อม 2.ประชาชนอยากเห็นการเยียวยาสิ่งแวดล้อม 3.อยากให้มีแผนการประนีประนอม และ 4.อยากเห็นนโยบายเกี่ยวกับประมงชายฝั่ง

นายปลอดประสพกล่าวอีกว่า สำหรับผลสรุปจากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้ประกอบการที่ตลาดวอล์กกิ้งสตรีท พัทยา นั้น ประชาชนอยากเห็นแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแก้ปัญหานักท่องเที่ยวซบเซา การขยายเวลาทำการและบริการ โดยต้องการให้สามารถเปิดบริหารได้จนถึงเช้า หรือให้พัทยาเป็นเขตเมืองพิเศษ รวมทั้งอยากให้ยกเลิกโซนนิ่งและมีแผนการเยียวยาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนที่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของอพาร์ตเมนต์ที่ไม่สามารถมีเซอร์วิสชาร์จเหมือนโรงแรมได้นั้น อยากให้มีการแก้กฎหมายเพื่อสะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากอพาร์ตเมนต์นั้นก็ให้บริการไม่ต่างจากโรงแรม

ขณะที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บรรยายช่วงหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ในมาตรา 67 และ 190 นั้นเป็นฝันร้ายของภาคเอกชน จะเห็นได้จากการที่ภาคตะวันออกต้องประสบกับอุปสรรคการขยายการลงทุน เช่น จ.ระยอง มี 43 โครงการที่ติดขัดเรื่องของวงเงินการลงทุน พ.ร.บ.เงินกู้ของรัฐบาลที่ทำอยู่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงได้ ภาครัฐต้องทำให้สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมอยู่ด้วยกันได้ เหมือนเราเขียนรัฐธรรมนูญและสร้างเงื่อนไขแล้วไม่อธิบาย ไม่มีใครสนใจเอกชนและสิ่งแวดล้อมว่าจะไปอย่างไร เหมือนเป็นผู้เสียหายทั้งคู่ มั่นใจว่าประเทศชาติเสียหายแน่นอน ดังนั้น อยากให้ภาครัฐเร่งแก้ไขเร่งด่วนเพราะเชื่อว่าแก้ไม่ยาก แต่ต้องเอาใจใส่ สำหรับมาตรา 190 นั้นมีผลกระทบต่อเอกชนอย่างกว้างขวาง มีข้อดีคือโปร่งใสแต่ก็มีอุปสรรคตามมาเยอะ ขั้นตอนการปฏิบัติและกฎหมายลูกก็ยังไม่เรียบร้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น