xs
xsm
sm
md
lg

อ้าปากเห็นลิ้นไก่! “เพื่อแม้ว” แถลงจี้ “มาร์ค” จริงใจปฏิรูปการเมือง ที่แท้เร่งให้แก้ รธน.เื้อื้อ “นายใหญ่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปลอดประพส สุรัสวดี
“ลิ่วล้อแม้ว” ออกแถลงการณ์จี้รัฐบาลอภิสิทธิ์จริงใจปฏิรูปการเมือง ร้อง 3 ข้อ ไม่วายจ้องแก้รัฐธรรมนูญ เล็งยื่น กกต.เลื่อยเก้าอี้ “มาร์ค” 27 ก.ค.อ้างแทรกแซงข้าราชการคดียิง “สนธิ” เชื่อ สุดท้ายพันธมิตรฯ โดนแค่ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ซัดวัคซีนของรัฐทำคนตายแล้ว 1 ราย ป่วยเพียบ ไล่ “มาร์ค” พ้นเก้าอี้ อ้างปล่อยชาวบ้านต้องเสี่ยง

วันนี้ (24 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 14.00 น.นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความจริงใจต่อการปฏิรูปการเมือง โดย นายปลอดประสพ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรคได้พิจารณาถึงการปฏิรูปการเมืองของรัฐบาล ที่มีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาศึกษาใน 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.หาแนวทางให้บ้านเมืองกลับคืนสู่บรรยากาศปรองดองสมานฉันท์ และ 2.ปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งพิจารณาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนจนแล้วเสร็จ แต่รัฐบาลกลับมีท่าทีบ่ายเบี่ยงที่จะนำข้อเสนอของคณะกรรมการไปปฏิรูปการเมือง คล้ายกับไม่ให้ความสำคัญและไม่มีความจริงใจ

นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย กังวลว่า ท่าทีดังกล่าวจะเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ความแตกแยกขัดแย้งของคนในชาติมากขึ้น ดังนั้น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ตระหนักถึงความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาประเทศชาติเพื่อให้มีการพัฒนาการเมืองการปกครองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยมากกว่าปัญหาของตัวเองและพวกพ้อง 2.ดำเนินการตามแนวทางข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยไม่บิดพลิ้ว หรือล่าช้า และ 3.มอบหมายให้คณะกรรมการสมานฉันท์ หรือแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อส่งให้พรรคการเมืองศึกษาและดำเนินการตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญต่อไป

ด้าน นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ กกต.ในวันที่ 27 ก.ค.เวลา 10.00 น.เพื่อขอให้พิจารณาให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์สิ้นสุดลงตามมาตรา 266(1) (2) ประกอบมาตรา 268 ที่ห้ามมิให้นายกฯ และรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ หากมีการฝ่าฝืนย่อมทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้นั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 182(7) ของรัฐธรรมนูญ ภายหลังพบว่านายอภิสิทธิ์ เข้าไปแทรกแซงคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ด้วยการเรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนมาพบบ่อยครั้ง รวมทั้งยังกล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาด้วยว่า รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังการลอบยิงนายสนธิแล้ว ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาสอบสวนแม้แต่คนเดียว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า นายอภิสิทธิ์ ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนย้ายกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่หลังจากที่ถูก ผบ.ตร.สั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ด้วย ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปลด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.นั้น พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯในทางคดีหรือไม่ เพราะไม่แน่ใจว่าจากข้อหาก่อการร้ายนั้นในที่สุดอาจเหลือเพียงข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการหรือไม่

ขณะที่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนถึงมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของรัฐบาล ซึ่งบางมาตรการมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตในหมู่ประชาชนได้ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ โดยไม่ได้แจ้งถึงวิธีการดูแลป้องกันและความเสี่ยงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากมาตรการดังกล่าวแล้ว 1 ราย คือ นางขาปี คำหลวง อายุ 88 ปี ชาวอำเภอรอง จ.แพร่ ซึ่งเสียชีวิตอย่างกระทันหันหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามการสั่งการของรัฐบาล นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนชาวแพร่อีกจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเกิดอาการเจ็บป่วยจากการฉีดวัคซีนดังกล่าวด้วย

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังทำการแก้ไขไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยไม่มีมาตรการรองรับเท่าที่ควร ก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชน พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขและกำหนดมาตรการรองรับพร้อมกับแสดงความรับผิดชอบต่อการออกมาตรการที่ขาดความระมัดระวังและก่อให้เกิดการเสียชีวิตในกลุ่มประชาชนด้วย หากนายกฯยังปล่อยให้ชาวบ้านมีความเสี่ยงอยู่อย่างนี้ ก็ขอให้ลาออกไปจะดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น