นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่า พรรคเกรงว่าประชาชน ที่เป็นสมาชิกพรรคจะสับสน ขอยืนยันว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคในระยะสั้นนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาและเมื่อเปิดประชุมสภา อีกครั้งก็เป็นสมัยนิติบัญญัติเพื่อพิจารณากฎหมาย จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน อีกทั้งปัจจุบันพรรคก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการตัดสินใจของพรรค เพราะพรรคทำในรูปแบบของคณะกรรมการบริหารพรรค แม้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะไม่ได้เป็นส.ส.ก็ไม่เป็นปัญหาในการทำงาน เพราะทุกคนในพรรคร่วมกันตัดสินใจ
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในอนาคตหากมีแนวโน้มว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้เราเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงได้ จึงอาจจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้ หรือถ้ามีการยุบสภาพรรคก็จะมีกระบวนการคัดสรรผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยคนๆ นั้นต้องเป็นคนที่ประชาชนยอมรับและคนในพรรคยอมรับเช่นเดียวกัน โดยการคัดเลือกหัวหน้าพรรคนั้นจะผ่าน ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พรรคยินดีต้อนรับทุกท่านที่จะมาร่วมกับเรา โดยเฉพาะผู้ที่เคยร่วมอุดมการณ์ร่วมต่อสู้กับเรามา หลักผู้ใหญ่ที่เคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมา ซึ่งเราก็จะยิ่งรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจอย่างมาก ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงติดลบซึ่งชี้ให้เห็นว่าจะเกิดภาวะเงินฝืด ประชาชนจะเดือดร้อน สินค้าขายไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเน้นเรื่องนี้มากๆ และเพลาเรื่องการเมืองลงไป หันมาสนใจเรื่องปัญหาความมั่นคงเช่น สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร ขณะนี้มีแต่เครื่องบ่งชี้ว่ามีแต่จะถลำลึกลงไปมากกว่าเดิม ในเรื่องของเศรษฐกิจ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องที่ แกนนำพรรคเพื่อไทยทาบทาบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชให้กลับมาทำงานกับพรรคอีกครั้ง โดยอ้างว่าที่ผ่านมาตนยุ่งอยู่กับภารกิจลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร และศรีสะเกษ เพราะฉะนั้นจึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และคงพูดอะไรมากไม่ได้ ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธที่จะตอบคำถามทีปัญหาส่วนตัวที่มีกับนายเสนาะ หลังจากก่อนหน้านี้นายเสนะ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม ให้เป็นหัวหน้าพรรคช่วงศึกษอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อวดอ้างคุณสมบัติว่าไม่แพ้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม พร้อมทั้งท้าดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ ตลอดเวลา
ผมว่าท่านควรไปสร้างความยอมรับจาก ส.ส.ในพรรคให้เขาโหวตให้ท่าน เป็นหัวหน้าพรรคให้ได้เสียก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯก็ได้ แต่วันนี้จะมาท้านายกฯ ให้ดีเบต ขอถามว่าจะท้าในฐานะอะไรเพราะปกติหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยหนีเวทีดีเบตทางการเมือง นับแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2550 ที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนขณะนั้นหนีการดีเบตมาตลอด จึงขอให้รอโอกาส ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้หัวหน้าพรรเพื่อไทยตัวจริงมาดีเบตกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เวทีไหนก็ได้ ขอเพียงอย่าส่งประเภทพวกมวยแทนมาดีเบตเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
นายเทพไท กล่าวว่าการที่นายเสนาะ เทียนทอง ยอมรับว่าได้รับการทาบทาม ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินิใจ ส่วนตัวเห็นว่า เป็นเรื่อง น่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยจะได้หัวหน้าพรรคเป็นตัวเป็นตนเสียที และคิดว่าเป็นโชคดี ของนายเสนาะที่บั้นปลายชีวิตทางการเมืองที่จากพรรคประชาราช ซึ่งมีส.ส.เพียง 9 คน จะขยับมาเป็นหัวหน้าพรรคใหญ่ที่มี ส.ส.ถึง 180 คน โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ได้เปลี่ยนจากอยู่กระต๊อบไปอยู่ตึก ไม่ว่าโครงสร้างรากฐานของตึกจะไม่แข็งแรงก็ตาม แต่สิ่งที่นายเสนาะจะต้องเร่งทำคือ ต้องไปจัดการบรรดาว่าที่ลูกพรรคที่ออกมาขัดขวาง ไม่ให้มาเป็นหัวหน้า
อย่างไรก็ตามตนยังมีข้อสงสัยว่านายเสนาะจะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อไทยได้อย่างไร หากจะมีการควบรวมพรรคเช่นเดียวกับที่พรรคไทยรักไทยในอดีต เคยทำโดยควบรวมพรรคเสรีธรรม ชาติพัฒนาและความหวังใหม่ เหมือนควบรวมบริษัท ของนักธุรกิจซึ่งคนพรรคเพื่อไทยมีความถนัดในฐานะที่เป็นนักธุรกิจการเมือง แต่อยากแนะนำอีกว่า ให้ไปดูรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 104 ว่าจะเปิดโอกาสให้ควบรวมพรรคหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ก.ค.) พรรคเพื่อไทยมีการประชุมประธานภาคทุกภาคของพรรคเพื่อวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ โดยเน้นพื้นที่ที่ ส.ส.ของพรรคเข้าข่ายถูกพิจารณาถือหุ้นบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐขัดรัฐธรรมนูญ จนอาจถูก กกต.ชี้มูล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าที่ประชุมได้เตรียม พิจารณาคัดสรรบุคคลเพื่อเตรียมเลือกตั้งใหญ่ และเลือกตั้ง.ซ่อมกรณีที่ กกต.อาจวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นต้องห้ามของ ส.ส. โดยพิจารณาทั้งจากคนเดิมและคนใหม่ก่อนจะส่งให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาอีกครั้ง โดยวางไว้ว่าภายในเดือน ส.ค.ต้องเสร็จสิ้นทั้งประเทศ ซึ่งพรรคคาดว่าอาจจะยุบสภาในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งการชี้มูลความผิด ส.ส.ที่ถูกหุ้น ทั้งการบริหารงานที่ล้มเหวลของรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจที่จะแย่ลง ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าว่าจะต้อบกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ให้ได้
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในอนาคตหากมีแนวโน้มว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้เราเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงได้ จึงอาจจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้ หรือถ้ามีการยุบสภาพรรคก็จะมีกระบวนการคัดสรรผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยคนๆ นั้นต้องเป็นคนที่ประชาชนยอมรับและคนในพรรคยอมรับเช่นเดียวกัน โดยการคัดเลือกหัวหน้าพรรคนั้นจะผ่าน ส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พรรคยินดีต้อนรับทุกท่านที่จะมาร่วมกับเรา โดยเฉพาะผู้ที่เคยร่วมอุดมการณ์ร่วมต่อสู้กับเรามา หลักผู้ใหญ่ที่เคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมา ซึ่งเราก็จะยิ่งรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจอย่างมาก ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงติดลบซึ่งชี้ให้เห็นว่าจะเกิดภาวะเงินฝืด ประชาชนจะเดือดร้อน สินค้าขายไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเน้นเรื่องนี้มากๆ และเพลาเรื่องการเมืองลงไป หันมาสนใจเรื่องปัญหาความมั่นคงเช่น สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร ขณะนี้มีแต่เครื่องบ่งชี้ว่ามีแต่จะถลำลึกลงไปมากกว่าเดิม ในเรื่องของเศรษฐกิจ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องที่ แกนนำพรรคเพื่อไทยทาบทาบนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชให้กลับมาทำงานกับพรรคอีกครั้ง โดยอ้างว่าที่ผ่านมาตนยุ่งอยู่กับภารกิจลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร และศรีสะเกษ เพราะฉะนั้นจึงไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และคงพูดอะไรมากไม่ได้ ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธที่จะตอบคำถามทีปัญหาส่วนตัวที่มีกับนายเสนาะ หลังจากก่อนหน้านี้นายเสนะ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม ให้เป็นหัวหน้าพรรคช่วงศึกษอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อวดอ้างคุณสมบัติว่าไม่แพ้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม พร้อมทั้งท้าดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ ตลอดเวลา
ผมว่าท่านควรไปสร้างความยอมรับจาก ส.ส.ในพรรคให้เขาโหวตให้ท่าน เป็นหัวหน้าพรรคให้ได้เสียก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯก็ได้ แต่วันนี้จะมาท้านายกฯ ให้ดีเบต ขอถามว่าจะท้าในฐานะอะไรเพราะปกติหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยหนีเวทีดีเบตทางการเมือง นับแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2550 ที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนขณะนั้นหนีการดีเบตมาตลอด จึงขอให้รอโอกาส ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้หัวหน้าพรรเพื่อไทยตัวจริงมาดีเบตกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เวทีไหนก็ได้ ขอเพียงอย่าส่งประเภทพวกมวยแทนมาดีเบตเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
นายเทพไท กล่าวว่าการที่นายเสนาะ เทียนทอง ยอมรับว่าได้รับการทาบทาม ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการตัดสินิใจ ส่วนตัวเห็นว่า เป็นเรื่อง น่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยจะได้หัวหน้าพรรคเป็นตัวเป็นตนเสียที และคิดว่าเป็นโชคดี ของนายเสนาะที่บั้นปลายชีวิตทางการเมืองที่จากพรรคประชาราช ซึ่งมีส.ส.เพียง 9 คน จะขยับมาเป็นหัวหน้าพรรคใหญ่ที่มี ส.ส.ถึง 180 คน โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ได้เปลี่ยนจากอยู่กระต๊อบไปอยู่ตึก ไม่ว่าโครงสร้างรากฐานของตึกจะไม่แข็งแรงก็ตาม แต่สิ่งที่นายเสนาะจะต้องเร่งทำคือ ต้องไปจัดการบรรดาว่าที่ลูกพรรคที่ออกมาขัดขวาง ไม่ให้มาเป็นหัวหน้า
อย่างไรก็ตามตนยังมีข้อสงสัยว่านายเสนาะจะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อไทยได้อย่างไร หากจะมีการควบรวมพรรคเช่นเดียวกับที่พรรคไทยรักไทยในอดีต เคยทำโดยควบรวมพรรคเสรีธรรม ชาติพัฒนาและความหวังใหม่ เหมือนควบรวมบริษัท ของนักธุรกิจซึ่งคนพรรคเพื่อไทยมีความถนัดในฐานะที่เป็นนักธุรกิจการเมือง แต่อยากแนะนำอีกว่า ให้ไปดูรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 104 ว่าจะเปิดโอกาสให้ควบรวมพรรคหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ก.ค.) พรรคเพื่อไทยมีการประชุมประธานภาคทุกภาคของพรรคเพื่อวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ โดยเน้นพื้นที่ที่ ส.ส.ของพรรคเข้าข่ายถูกพิจารณาถือหุ้นบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐขัดรัฐธรรมนูญ จนอาจถูก กกต.ชี้มูล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าที่ประชุมได้เตรียม พิจารณาคัดสรรบุคคลเพื่อเตรียมเลือกตั้งใหญ่ และเลือกตั้ง.ซ่อมกรณีที่ กกต.อาจวินิจฉัยเรื่องการถือหุ้นต้องห้ามของ ส.ส. โดยพิจารณาทั้งจากคนเดิมและคนใหม่ก่อนจะส่งให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณาอีกครั้ง โดยวางไว้ว่าภายในเดือน ส.ค.ต้องเสร็จสิ้นทั้งประเทศ ซึ่งพรรคคาดว่าอาจจะยุบสภาในเดือน ก.ย.หรือ ต.ค.จากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งการชี้มูลความผิด ส.ส.ที่ถูกหุ้น ทั้งการบริหารงานที่ล้มเหวลของรัฐบาล และภาวะเศรษฐกิจที่จะแย่ลง ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าว่าจะต้อบกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ให้ได้