ปธ.ฝ่ายกฎหมายพรรค ปชป.โวยฝ่ายบริหารไม่ให้ความสำคัญด้านคดี เมินแจกงานให้ทีม กม.พรรค แฉไปจ้างนัก กม.อิสระทำแทน แม้แต่คดี 13 ส.ส.คดีพิษไข้หุ้น ขอเคลียร์ “มาร์ค-เทพเทือก” ประกาศ หากแพ้คดีเงินบริจาค 258 ล.อย่ามาโทษ
วันนี้ (29 ก.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และประธานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำ นายประจวบ สังข์ขาว ผู้จัดการบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด ในช่วงปี 2548 เข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่อาจจะมีผลถึงขั้นยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่กรณีสู้คดีเลือกตั้งในศาลรัฐธรรมนูญเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งเมื่อครั้งวันที่ 2 เม.ย.2549 ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมกฎหมาย และตนเป็นเลขาในขณะนั้น เราสู้ในทุกประเด็น ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งก็หักล้างข้อกล่าวหาได้หมด และต้องยอมรับว่า ตั้งแต่นั้นมา ตนก็ไม่เคยได้รับมอบหมายใดๆ เกี่ยวกับงานด้านกฎหมายของพรรคเลย แม้ว่าตนจะมีตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า กรณีเงิน 258 ล้านบาทนี้ ก็เช่นกัน ตนไม่ได้รับมอบหมายจากพรรค แต่ได้ติดตามโดยส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของพรรคเพื่อไทย และถ้าเป็นก็จะเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวโยงถึงพรรค กรณีนี้ความผิดจะแตกต่างจากการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในการทุจริตซื้อเสียงต่างๆ ซึ่งจะโยงโทษถึงกรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค แต่กรณีเงินบริจาคจะเกี่ยวพันเฉพาะบุคคล คือ เลขาธิการพรรค และหัวหน้าพรรคที่รับรองงบรายรับของพรรคในช่วงดังกล่าวเท่านั้น
“ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่า แม้ประชาธิปัตย์จะมีคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย แต่ที่ผ่านมา หลังคดียุบพรรคที่มี นายชวน เป็นหัวหน้าทีม ไม่เคยมีคดีใดๆ ในส่วนของพรรคที่เข้ามาสู่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคอีกเลย จะมีก็เพียงแต่เป็นการว่าจ้างนักกฎหมายอิสระที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้มาทำคดีแทน และก็มีการไปสัมภาษณ์ออกข่าวว่าเป็นทีมกฎหมายของพรรค ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ซึ่งเมื่อสมาชิกพรรค หรือ ส.ส.พรรคเจอหน้าผมต่างก็สอบถามในคดี 258 ล้าน หรือคดีต่างๆ ที่เกี่ยวโยงถึงพรรค ว่า คืบหน้าไปถึงไหน ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปตอบ เพราะไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบแม้แต่คดีเดียว และผมในฐานะประธานฝ่ายกฎหมายพรรคก็รู้สึกอึดอัด จึงอยากทราบนโยบายจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการ เช่นกันว่าคดีอย่างไรถึงจะให้ทีมกฎหมายเข้าไปดูแล” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในทัศนะของตน เห็นควรว่า หากเป็นคดีของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หรือเกี่ยวโยงถึงพรรคก็ควรให้ทีมกฎหมายของพรรคเข้าไปดูแลรับผิดชอบ แต่หากเป็นคดีส่วนตัวของเพื่อน ส.ส.หรือสมาชิกพรรค ก็ควรว่าจ้างนักกฎหมายอิสระที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือหากเป็นคดีใหญ่ก็ควรให้ทีมกฎหมายของพรรคเข้ามาดูแล โดยมีนักกฎหมายอิสระที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งพรรคว่าจ้างพิเศษให้ร่วมกันทำงาน เพราะที่ผ่านมาคดีต่างๆ ที่เกี่ยวกับ ส.ส.ของพรรค ตนเห็นว่า แพ้เกือบทุกคดี เช่น คดีใบเหลืองใบแดงต่างๆ แม้แต่กรณี 13 ส.ส.ที่ถือหุ้นสัมปทานของรัฐ ก็ออกข่าวไปว่าทีมกฎหมายของพรรคจะช่วยดูแล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มี ส.ส.คนไหนติดต่อมาที่ฝ่ายกฎหมายพรรคแม้แต่คนเดียว ซึ่งตนเข้าใจว่า คงเป็นการออกข่าวไปก่อน เพื่อให้ภาพมันดูดีว่ามีพรรคช่วยอยู่ แล้ว ส.ส.แต่ละคนคงไปหาทีมทนายส่วนตัวมาช่วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุม ส.ส.พรรคครั้งหน้า นายนิพิฏฐ์ จะนำเรื่องดังกล่าวมาพูด เพื่อสะท้อนให้ผู้บริหาร ซึ่งปัจจุบันไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารของรัฐบาลให้รู้ถึงจุดอ่อนของพรรคหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ตนคงไม่พูด แต่จะพูดเมื่อถึงที่สุด เพียงแต่อยากให้ฝ่ายนโยบายที่ชัดเจนของผู้บริหารของพรรคเท่านั้น ว่า จะให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคทำอะไร อย่างไร และแค่ไหน ซึ่งในคดีเงิน 258 ล้านบาท หากแพ้ขึ้นมาก็อย่ามาโยงเกี่ยวถึงตน เพราะตนไม่เคยเข้าร่วมเป็นคณะทำงานใดๆ กับเขาเลย