xs
xsm
sm
md
lg

เจตนาชนสถาบันฯ ตำรวจ-ทหารมัวทำอะไรกันอยู่ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่ต้องสงสัยกันให้มากความแล้วกับพฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งที่อยู่หน้าเวทีและแอบซ่อนอยู่ในเงามืดว่ามีเจตนาแท้จริงอย่างไร เพราะถ้าติดตามกันมาตั้งแต่ต้นมาจนถึงวันนี้ทุกอย่างมีความชัดเจนในตัวของมันเอง

ทุกอย่างส่อเจตนาจนปิดกันไม่มิด หรืออีกด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะมั่นใจในมวลชนของตัวเองที่มีมากพอจนทำให้มั่นใจว่าสามารถเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยได้แล้ว

ที่ผ่านมาหากนับเนื่องมาตั้งแต่การก่อตั้งพรรคไทยรักไทยในอดีตก็เลือกเอาวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวัน “ปฏิวัติฝรั่งเศส” ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ซึ่งก่อนหน้านี้หากไปย้อนดูคำให้สัมภาษณ์ของ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ซึ่งเคยเป็นร่วมผู้ก่อตั้งพรรคคนหนึ่งระบุว่าเคยทักท้วงเรื่องนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว แต่ก็ยังทำเฉย หรือไม่ได้แก้ไข แต่ในตอนนั้นยังไม่รู้เจตนาว่าทำไมต้องยึดเอาวันดังกล่าวเป็นวันก่อตั้งพรรค

ถัดจากนั้นก็มีข้อสงสัยในเรื่อง “ปฏิญญาฟินแลนด์” ในเรื่องที่กระทบกับสถาบันเบื้องสูง แต่ในช่วงนั้นหลายคนกลับมองว่าเป็นเรื่อง “ตลก” มีเจตนาใส่ร้ายทางการเมือง แต่เมื่อนานวันเข้าหลายอย่างเริ่ม “เข้าเค้า” มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของพฤติกรรมแวดล้อมอื่นๆ

เพราะจะเห็นว่าคนแวดล้อมรอบตัวมีทั้งบุคคลที่เคยเลื่อมใสในระบอบคอมมิวนิสต์ เคยเข้าป่าจับอาวุธกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มาแล้วหลายคน และปัจจุบันยังมีอิทธิพลทางความคิดมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบรรดาแกนนำที่เคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนเสื้อแดงหลายต่อหลายคนต่างมี “ทัศนคติ” ที่เป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ชูชีพ ชีวสุทธิ์ ใจ อึ๊งภากรณ์ วีระ มุสิกพงศ์ และจักรภพ เพ็ญแข เป็นต้น

คนเหล่านี้ต่างก็มีบทบาทโดดเด่นที่เคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง และบางคนยังมีความใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างสูง และที่ผ่านมาก็ไม่เคยปรากฏในทางสาธารณะแม้แต่ครั้งเดียวเลยว่าจะมีการห้ามปรามไม่ให้เป็นการเคลื่อนไหวที่มีลักษณะกระทบไปถึงสถาบันเบื้องสูง

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ บ้าง มีพฤติกรรมและคำพูดต่างกรรมต่างวาระส่อให้สงสัยได้ว่ามีเจตนก้าวล่วงพระมหากษัตริย์ เช่น เข้าไปเป็นประธานทำบุญในวัดพระแก้ว คำพูดที่กล่าวหา “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” หรือ “หากพระเจ้าอยู่หัวทรงกระซิบข้างหูก็จะกราบพระบาทลาออกทันที” หรือ “ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี(วะ)” เป็นต้น

นี่ยังไม่นับถึงกรณีที่มีคำพิพากษาของศาลในคดีที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า “อยากเป็นประธานาธิบดี” ฯลฯ

หรือแม้กระทั่งหลังจากที่ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ในคดีซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกจนต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ก็ได้ใช้วิธี “โฟนอิน” เข้ามาบนเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงระบุในทำนองว่าหากจะให้ตนเองกลับประเทศได้นั้น “มีเพียงพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น” ซึ่งเป็นลักษณะคำพูดที่ไม่เหมาะสม ตีตนเสมอเบื้องสูง

ล่าสุด คนกลุ่มนี้ยังบังอาจรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่รับรู้กันไปแล้วว่าในทางกฎหมายทำไม่ได้ แต่ก็ยังเดินหน้า และยังอ้างว่าเวลานี้รวบรวมรายชื่อได้แล้วกว่า 5 ล้านคนแล้ว โดยจะนำรายชื่อถวายฎีกาในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งวันดังกล่าวเมื่อปี 2508 คือวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยรบกับทางการเรียกกันว่า “วันเสียงปืนแตก”

สังคมจึงมองว่านี่คือเจตนาเพื่อข่มขู่ กดดันและก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอย่างร้ายแรง

และเมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) กลุ่มคนเสื้อแดงยังไปตั้งเวทีปราศรัยโจมตีองคมนตรี และที่สำคัญก็คือมีการตั้งเวทีอยู่ไม่ไกลจากเขตพระราชฐาน คือวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน ซึ่งที่ผ่านมาจะไม่มีใครจัดกิจกรรมทางการเมืองในลักษณะดังกล่าวมาก่อน เพราะถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และในวันนั้นจะด้วยบังเอิญหรือเจตนาหรือเปล่า ไม่อาจทราบได้ยังมีการ “โฟนอิน” เข้ามาของ “จักรภพ เพ็ญแข” ผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้ามาบนเวทีอีกด้วย

เมื่อไล่เรียงให้เห็นถึงพฤติกรรม และคำพูดมาตั้งแต่ต้นทำให้ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ขณะเดียวกัน กลับไม่เห็นบทบาทที่เอาจริงเอาจังของผู้บริหารระดับสูงทั้งในส่วนของรัฐบาล ตำรวจและทหารในการออกมาแสดงท่าทีปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เห็นเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด

ไม่เคยออกมาให้คำอธิบาย หรือชี้แจงให้ชาวบ้านได้ทราบในข้อเท็จจริงทางกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ยังปล่อยให้คนเหล่านี้กระทำการได้โดยสะดวก

ทั้งที่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากพวก “ทรพี” ที่เหิมเกริม มีเจตนาข่มขู่หรืออาจไปไกลถึงเป้าหมายโค่นล้มสถาบันฯ ในที่สุด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น