xs
xsm
sm
md
lg

“เทพไท”ออกตัว “ไข่แม้ว” ตั้งป้อมหาเหตุ บี้ 12 พิษหุ้นลาออกแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวนายกรัฐมนตรี
โฆษกประจำตัวนายกฯ เชื่อ “ไข่แม้ว” เตรียมหยิบประเด็น "สุเทพ" ลาออกมาหาเรื่องจี้ให้ 12 ส.ส.ที่เจอวินิจฉัยขาดคุณสมบัติเพราะพิษหุ้นลาออกตามแน่ ชิ่งข้อเสนอกก.สมานฉันท์ ให้แก้รัฐธรรมนูญ อ้างต้องทำประชาพิจารณ์ก่อน เชื่อผลประโยชน์ตกอยู่กับนักการเมืองเต็มๆ

วันนี้(18 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากการเป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี ว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ส่วนบุคคล ไม่มีข้อผูกมัดหรือจะเป็นเงื่อนไขให้กับส.ส.ทั้ง 12 คนที่ถูก กกต.ชี้มูล ถือเป็นการสละสิทธิ์การต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญของนายสุเทพเอง ต้องเคารพในการตัดสินใจของนายสุเทพ ส่วน ส.ส.อีก 12 คน ถือเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมตามกฏหมายที่จะขอใช้สิทธิ์ต่อสู้ในชั้นศาลเพราะเชื่อว่าทั้ง 12 คน คงมีเหตุผลของแต่ละคนที่จะชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญฟัง มั่นใจว่า จะสามารถชี้แจงเหตุและผลจนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะฉวยโอกาสยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นขยายผล ทางการเมืองเช่นเดียวกับหลายครั้งที่ผ่านมา เพราะล่าสุดก็ระบุกระแนะกระแหนว่า นายสุเทพคงไม่รับผิดชอบใดๆเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีมาตรฐานทางการเมืองที่ สูงกว่าพรรคอื่น

"การลาออกของนายสุเทพครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ของพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยก็ควรจะมีความสำนึกและละอายแก่ใจ ที่เห็นการแสดงความรับผิดชอบของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากให้หยิบเป็นประเด็นขึ้นมาเปรียบเทียบเพราะมีความต่างกัน ชนิดฟ้ากับเหว ก่อนที่จะมากดดัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ขอให้พรรคเพื่อไทยรอดูการชี้มูลของ กกต.กับ ส.ส.ในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่ติดข้อกว่าหาเดียวกันด้วย ว่าจะทำอย่างไรต่อไป" โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อถึงกรณีคณะกรรมการสมานฉันท์ส่งมอบข้อสรุปให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า ถือว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล จะรับข้อสรุปนี้มาศึกษาเพื่อจะ ดำเนินการต่อไป เพราะไม่อยากให้ข้อสรุปของคณะกรรมการสูญเปล่า หรือถูกวิจารณ์ว่าเป็นการซื้อเวลาทางการเมือง รัฐบาลต้องต่อยอดแนวคิดนี้ต่อไป ถือเป็นแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาทางการเมือง แม้ว่าจะมีความเห็นต่างอยู่บ้าง เพราะการเมืองช่วงนี้มีความหลากหลายมากกว่าการเมืองในอดีต ยอมรับว่าข้อสรุป 6 ข้อเป็นข้อเสนอที่สนองตอบต่อบางกลุ่มบางพวกเท่านั้น ไม่ครอบคลุมไปถึงทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักการเมืองที่ได้ประโยชน์เต็มๆจากข้อเสนอเหล่านี้ เพราะข้อสรุปทั้ง 6 ประเด็นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น ขณะที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ในทางอ้อมจากข้อสรุปในบางประเด็นเท่านั้น

นายเทพไท กล่าวต่อถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ บุญทอง ประธานคณะกรรมการฯ ระบุว่า ควรแก้ระบบเขตเลือกตั้งให้กลับมาใช้แบบเขตเดียวเบอร์เดียว อ้างว่าทุกฝ่ายเห็นด้วยและเป็นประโยชน์ของทุกพรรคการเมือง ว่า ส่วนตัวกลับเห็นว่า ไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะความเห็นส่วนใหญ่ที่นำมาใช้สรุปเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการ เท่านั้น ยังไม่ได้สอบถามความเห็นหรือสำรวจความเห็นจาก ส.ส.พรรคการเมืองต่างๆ เพราะเชื่อว่าระบบการเลือกตั้งทั้งแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ และแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ต่างมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกัน เท่าที่ฟังความเห็นของส.ส.ทุกพรรคในสภาพบว่า ยังมีความเห็นที่ก้ำกึ่งกัน ดังนั้นเมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปจากความเห็นส่วนใหญ่ที่ชัดเจน ก่อนที่จะแก้ไขประเด็นใดในรัฐธรรมนูญ ก็ควรกลับไปดูที่มาและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 ก่อน ตนเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การถามความเห็นจากประชาชนเพราะต้องคำนึงถึงเสียงประชามติที่รับรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่สูงถึง 14.7 ล้านเสียง โดยอยากเสนอให้นำข้อสรุปทั้ง 6 ประเด็นของคณะกรรมการฯ มาจัดทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นจากประชาชนทั้งประเทศด้วยว่าคิดอย่างไร และต้องเปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่ความรู้ เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย อย่างกว้างขวางและทั่วถึง ส่วนที่มีข้อเสนอว่าควรจะตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร. 3) นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องของอนาคต หลังจากที่ประชาชนได้ตกผลึกทางความคิดในประเด็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรต้องใช้เวลาและมีความรอบคอบในทุกประเด็นเพราะ เป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ ไม่อยากให้คิดทำเร็วแบบสุกเอา เผากิน ชนิดรวบหัวรวบหางขืนใจประชาชนแบบมัดมือชก จะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมาและไม่มีที่สิ้นสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น