โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โต้ทุกเม็ด แนะควรเปลี่ยนชื่องาน “แซยิดแม้ว” จาก “เพลทั้งแผ่นดิน” เป็น “บังสุกุลทั้งแผ่นดิน” เหมาะสมที่สุด พร้อมจับตาแผนดาวกระจาย ยอมรับ “กษิต” ห่างชั้น “ทักษิณ” ยันโกงกินไม่เก่งเท่า แต่จงรักภักดีรักประเทศมากกว่า
วันนี้ (10 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำบุญงานแซยิดครบรอบ 60 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะจัดที่สนามหลวง ซึ่งเมื่อได้รับการต่อต้านก็ได้สั่งยกเลิกโดยเปลี่ยนรูปแบบใหม่มาเป็นทำบุญทั่วประเทศของสาวกที่ภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ชื่อว่า เพลทั้งแผ่นดินเพื่อทักษิณ ผู้ปลดหนี้ไอเอ็ม เอฟ ซึ่งตนคิดว่าชื่ออาจจะไม่ตรงข้อเท็จจริง จึงอยากเปลี่ยนชื่องานใหม่ว่า “บังสกุลทั้งแผ่นดินแด่ทักษิณ ผู้ร่วมกู้ไอเอ็มเอฟ” ที่น่าจะตรงกับข้อเท็จจริงมากกว่า เพราะการบังสุกุลก็เป็นการทำบุญ หากเสียชีวิตก็บังสุกุลตาย หากยังมีชีวิตอยู่ก็ทำบังสุกุลเป็น ก็เลือกเอาเองว่าจะทำบังสุกุลเป็นหรือบังสุกุลตายเพื่ออุทิศไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าเป็นความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองพร้อมกันทั่วประเทศ โดยทำในลักษณะดาวกระจายจึงต้องจับตามองว่าจะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ต่อไป
ส่วนกรณีที่ นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกกหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมาระบุว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศยังห่างชั้น พ.ต.ท.ทักษิณมาก ส่วนตัวเห็นว่าจะเอาอะไรมาเทียบเคียงระหว่างสองคนนี้ เพราะหากเทียบเรื่องการทุจริต โกงกินคอร์รัปชัน คิดว่านายกษิตคงสู้ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนคิดว่านายกษิตซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูตเป็นตัวแทนประเทศมานานกว่า 40 ปี น่าจะสูงกว่า พ.ต.ท.ทักษิณแน่นอน จึงคิดว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางแบบหัวซุกหัวซุนไปยังประเทศต่างๆ ที่ดูชื่อแล้วคนไม่ค่อยรู้จัก แม้แต่พาสปอร์ตใช้ของประเทศมอนเตเนโกร ซึ่งอยู่ตรงไหนบนแผนที่โลกตนยังไม่ทราบเลย จึงคิดว่านายนพดลไม่ควรเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เอาศักดิ์ศรีของนักโทษชายยกมาเทียบกับคนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างนายกษิต ไม่น่าจะเหมาะสมถูกต้อง ส่วนข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งนั้นก็ขอให้ดูจากข้อเท็จจริง ความถูกต้องชอบธรรมโดยไม่เอาอคติส่วนต่อนายกษิต ที่ยังมีภาพลักษณ์ส่วนตัวติดใจในบทบาทของวิทยากรบนเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อเทียบกับบทบาทของรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศที่ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นส่วนรวมจึงขอให้ดูการทำหน้าที่เป็นหลักมากกว่า