3 เกลอหัวขวด ไม่สำนึกจวก “มาร์ค-คตส.” ยัดเยียดความผิดให้ “นช.แม้ว” ทั้งที่ไม่มีความผิด เผยข้อความทำหนังสือฎีกาพระราชทานอภัยโทษ “ข้าพระพุทธเจ้ามิได้กระทำความผิด แม้คิดก็ไม่คิด แต่ศาลฎีกาตัดสินจำคุก เป็นเหตุให้ข้าพระพุทธเจ้าสูญเสียอิสรภาพไม่อาจทำงานการเมืองรับใช้ประชาชนและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ จึงขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อมาทำงานการเมือง รับใช้เบื้องพระยุคลบาท” ย้ำการยื่นถวายฎีกาเป็นเรื่องที่แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบัน ขณะเดียวกัน ชี้สนามหลวงเป็นที่สาธารณะ นปช.จะจัดงานแซยิด 60 ปี ให้ “ทักษิณ” ที่สนามหลวงไม่แปลก อ้างมีสามัญชนไปนวดแผนโบราณ และเล่นว่าวประจำ
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มความจริงวันนี้ ร่วมแถลงข่าว โดยนายวีระกล่าวว่า หลังจาก นปช.หน่วยความจริงวันนี้รับหน้าที่รวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อยื่นถวายฎีกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีปฏิกิริยาจากหลายฝ่ายตามมาทั้งคนเห็นและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรสำนึกในการกระทำความผิดเสียก่อนจึงค่อยทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ตนในฐานะเจ้าภาพเรื่องนี้ขอพูดแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า นายอภิสิทธิ์พยายามยัดเยียดความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ได้ทำผิดในคดีที่ดินรัชดาฯ ได้รับโทษจำคุก 2 ปี โดยกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ชอบตามหลักนิติธรรม มีการตั้ง คตส.ที่เป็นปฏิปักษ์มาดำเนินการ อย่างไรก็ดี ตนในฐานะผู้เคยทำหนังสือยื่นฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เรื่องนี้ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน แต่ในหนังสือของตนระบุว่า ข้าพระพุทธเจ้ามิได้กระทำความผิด แม้คิดก็ไม่คิด แต่ศาลฎีกาตัดสินจำคุก เป็นเหตุให้ข้าพระพุทธเจ้าสูญเสียอิสรภาพไม่อาจทำงานการเมืองรับใช้ประชาชนและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ จึงขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อมาทำงานการเมือง รับใช้เบื้องพระยุคลบาท
“นายอภิสิทธิ์แม้จะมีภาพดีก็จริง แต่ไม่มีสิทธิ์มาสอนคนอื่น ก่อนที่จะมีการถวายฎีกาอาจทำให้คนอื่นเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นนายกรัฐมนตรีอย่าพูดพล่อยๆ พูดล่วงล้ำก้ำเกินสิทธิคนอื่น ทำนองสั่งสอนคนอื่น ก่อนพูดขอให้ดูตัวเองให้แน่ๆ เสียก่อน” นายวีระกล่าว
นายวีระกล่าวอีกว่า จะปิดการล่ารายชื่อในวันที่ 31 ก.ค. คนที่มาร่วมลงชื่อจะได้ 1 ล้านคนหรือมากกว่านั้นก็จะนำทูลเกล้าฯ ขั้นตอนก่อนนำทูลเกล้าฯ ในวันที่ 15 ก.ค.จะมีการประเมินรอบที่หนึ่ง วันที่ 20 ก.ค.ประเมินรอบที่สอง วันที่ 25 ก.ค.ประเมินรอบที่สาม ซึ่งจะรู้ว่ารายชื่อจะครบหนึ่งล้านชื่อหรือไม่ แต่จะครบหรือไม่ครบในวันที่ 31 ก.ค.จะปิดบัญชีรวบรวมรายชื่อที่ได้ทูลเกล้าฯ โดยคำถวายฎีกา จะประกาศถึงความเดือดร้อนของประชาชนในทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะฉะนั้น ควรหาใครสักคนที่มาเป็นผู้แนะนำโดยที่ไม่ต้องมีตำแหน่งทางการเมือง ที่มีอิสระสามารถเคลื่อนที่เดินทางไปปฏิบัติได้ ไปแก้ทุกข์ให้ประชาชน ซึ่งเราเห็นว่าคนคนนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายจตุพรกล่าวว่า เหตุที่กลุ่มความจริงวันนี้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเห็นว่าท่านไม่ได้ทำความผิด แต่ถูกตัดสินโดยกลไก คมช.ที่ตั้ง คตส.ทำสำนวนกลั่นแกล้ง กรณีที่ดินรัชดาฯ เป็นการซื้อที่ดิน ไม่ได้ขายที่ดิน เพราะฉะนั้น การลงนามในฐานะสามีจึงไม่มีผลในทางกฎหมายเหมือนกับคนเอาปืนไปยิงคนที่ตายแล้วในป่าช้า อย่างนี้ถามว่าต้องได้รับโทษฐานฆ่าคนตายหรือไม่ กรณี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี กองปราบปรามทำสำนวนครบถ้วนฟ้องร้องกรณีบุกรุกที่ดินเขายายเที่ยง แต่เนื่องจากขณะนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นองคมนตรี กองปราบปรามจึงไม่กล้าดำเนินคดีกฎหมายเลยไม่ถึง พล.อ.สุรยุทธ์ ส่วนที่มีการออกมาบอกว่าหากรวบรวมรายชื่อได้ 1 ล้านรายชื่อ ทำไมไม่เสนอแก้กฎหมายหรือแก้รัฐธรรมนูญนั้น เรามองความเป็นจริง หากพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นแกนนำรัฐบาล ไม่รู้ว่าชาตินี้จะทำได้หรือไม่ เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ปรองดอง ก็เป็นมายาภาพทั้งนั้น เพราะฉะนั้น การถวายฎีกาเป็นความหวังหนึ่งเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เล็กๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย
ส่วนที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย ออกมาคัดค้านการรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกา อยากถามว่าในวันที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายชัยอนันต์ สมุทวณิช เคยเสนอนายกฯ พระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่าทำไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญ วันนั้น ม.ล.ปนัดดาไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ดังนั้น การยื่นถวายฎีกาเป็นเพียงช่องทางหนึ่งของประชาชน เช่นเดียวกับกรณีนายแก้วสรร นายขวัญสรวง อติโพธิ ออกมาคัดค้าน อยากถามว่าเงินบริจาคสมัยหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายแก้วสรรได้มาจากใคร และไปทำอะไรบ้าง โปร่งใสหรือไม่ รวมถึง ส.ว.สายพันธมิตรฯ และคมช.ที่ออกมาคัดค้านก็อยากให้มาคัดค้านกันเยอะๆ ยิ่งออกมาคนยิ่งมาร่วมลงชื่อ
นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมายังกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ กล่าวถึงการยื่นถวายฎีกาว่า ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาตินั้นถูกต้องแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นสิทธิประชาชน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาพูดขอให้คนลงชื่อมากๆ คงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เลวที่สุดคือรัฐบาลออกใบถวายฎีกาปลอม บอกเมื่อลงชื่อเสร็จให้นำมาส่งที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือศาลากลางจังหวัด เพื่อหวังขัดขวาง
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีตำรวจออกหมายเรียกพันธมิตรฯ ในการบุกยึดสนามบินว่า ไม่รู้ว่าตำรวจจะทำจริงหรือเปล่า การบุกยึดสนามบินเป็นโทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ตำรวจกลับออกแค่หมายเรียก ต่างกับคดีคนเสื้อแดง คดีเล็กๆ น้อยๆ กลับออกหมายจับ ส่วนนายกษิตที่มีรายชื่อในหมายเรียกด้วยนั้นจะรับผิดชอบอย่างไรคงไม่ต้องไปทวงถาม เพราะคนที่แต่งตั้งยังไม่มีความรับผิดชอบเลย อยากให้นายกษิตอยู่ในตำแหน่งเอาไว้ประดับในรัฐบาล
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า หลังจากกลุ่มความจริงวันนี้ออกมาเป็นเจ้าภาพในการยื่นถวายฎีกาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีการกล่าวหาว่าพวกเรากำลังทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ข้อกล่าวหานี้เรารับไม่ได้ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยแม้แต่จะคิด การยื่นถวายฎีกาเป็นเรื่องที่แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบัน พระองค์ท่านทรงสถิตเหนือคนไทยทั้งปวง การยื่นถวายฎีกาเราไม่มีเป้าประสงค์เพื่อกดดันพระบรมราชวินิจฉัย ไม่มีความประสงค์เช่นนั้น เมื่อยื่นไปแล้วจะไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ผลเป็นไปตามที่เราเรียกร้อง เมื่อยื่นไปแล้วเราจะยุติไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ส่วนคนที่ออกมากล่าวหาเราว่าทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท หากไม่อายประชาชนก็ขอให้อายฟ้าดิน หากยังไม่หยุดกล่าวหาตนก็จะขอให้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการ รวมทั้งแกนนำพันธมิตรฯ บางคนที่เคยประกาศล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อในหลวง เป็นการกระทำระคายเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ นายสนธิใส่เสื้อสีเหลืองซึ่งเป็นสีมงคลเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบิน บอกว่าสู้เพื่อในหลวง และยังประกาศให้ประชาชนเลือกข้าง ระหว่างสถาบัน และ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสนธิไม่รู้สึกรู้สาเลยหรืออย่างไร
นายณัฐวุฒิยังกล่าวอีกว่า แม้ว่าตำรวจจะออกหมายเรียกนายกษิตกรณียึดสนามบิน แต่ก็อยากขอร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ว่าอย่าปลดนายกษิตออกจากตำแหน่งเด็ดขาด ที่ผ่านมาประเทศชาติฉิบหายก็ปล่อยมันไป จะปกป้องรัฐมนตรีที่เป็นผู้ก่อการร้ายก็ช่างมัน ประชาชนจะคิดอย่างไรขอให้ช่างหัวประชาชน ขอให้นายกษิตเป็นรัฐมนตรีอยู่ร่วมการประชุมอาเซียนและเป็นรัฐมนตรีผู้ก่อการร้ายไปติดต่อกับนานาประเทศ
ในช่วงท้าย นายจตุพรได้ตอบคำถามกล่าวถึงกรณีนายสุรชัย แซ่ด่าน หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยในการรวบรวมรายชื่อประชาชนถวายฎีกาว่า วันนี้ตนชักไม่สบายใจกับนายสุรชัย การดำเนินการเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของกลุ่มความจริงวันนี้ ไม่รู้ว่านายสุรชัยไปฟังข้อมูลจากใครมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จ แต่ตนก็ได้ติดต่อกับอดีตนายกฯ ท่านก็บอกให้เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นเรื่องของประชาชน อย่างไรก็ดี นปช.แต่ละกลุ่มเมื่อมีกิจกรรมใดก็ทำอย่างเต็มที่เป็นสิทธิแต่ละองค์กร เราไม่ก้าวก่าย แต่งานนี้เป็นของกลุ่มความจริงวันนี้
ทั้งนี้ แม้นายสุรชัยจะมีความเห็นต่าง ไม่ถือว่าเป็นความแตกแยกภายในกลุ่ม นปช. เพราะที่เราได้คุยตกลงกันงานใดเป็นกฐินร่วม เช่น การโค่นล้มอำมาตย์ ก็ต้องมาตกลงร่วมกัน ส่วนกิจกรรมอื่นแล้วแต่องค์กร เรามีเส้นตรงกลางขีดไว้ ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็อย่ามายุ่ง ไม่เห็นไปหนักกบาลใคร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายสุรชัยอาจมีนัยนั้น วันนี้โดยส่วนตัวยังไว้ใจมิตรอยู่ แต่ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องเป็นมิตรกัน
“นี่พูดไปพูดมาผมชักจะโกรธคุณสุรชัยจริงๆ แล้ว คุณสุรชัยไปฟังข้อมูลเท็จจากใครมาก็ไม่รู้ พูดอย่างกับว่าพวกผมไม่รู้จักกับคุณทักษิณ เมื่อคืน (4 ก.ค.) ท่านยังโฟนอินมาที่ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ผมก็ไปปราศรัย ท่านบอกการถวายฎีกาเป็นเรื่องธรรมชาติ”
ขณะที่ นายณัฐวุฒิพยายามกล่าวเสริมถึงความเห็นต่างภายในกลุ่ม นปช.ว่าไม่ถือเป็นความขัดแย้ง เป็นเพียงความเห็นแต่ละคน โดยกล่าวทำนองว่าขณะนี้เราก็มีศัตรูมากแล้ว ทำให้นายวีระกล่าวเสริมขึ้นมาว่า ขณะนี้ส้นตีนศัตรูก็เยอะแล้วขออย่ามาเพิ่มส้นตีนให้กลุ่มพวกเราอีกเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่ม นปช.บางกลุ่มจะจัดงานแซยิด 60 ปีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ท้องสนามหลวง นายวีระกล่าวว่า เท่าที่ทราบแกนนำใน จ.อ่างทอง ลพบุรี และอีกหลายจังหวัดก็จะจัดงาน โดยตนไม่แน่ก็อาจจะไปร่วมงานด้วย แต่ขอดูรูปแบบของงานก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตว่าไม่เคยมีสามัญชนคนใดไปจัดงานฉลองวันเกิดที่สนามหลวง นายวีระหัวเราะพร้อมกล่าวว่า
“สนามหลวงเป็นที่สาธารณะ อย่าว่าแต่งานวันเกิดเลย หลายคนไปจับคู่แต่งงานก็มี” เมื่อถึงช่วงนี้ นายณัฐวุฒิกล่าวขึ้นมาว่า “ที่สนามหลวงก็มีสามัญชนไปนวดแผนโบราณ และมีสามัญชนไปเล่นว่าวก็ยังมี”