xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย จับมือวางแผนโค่น “แม้ว”- “มาร์ค”ลงพื้นที่บุรีรัมย์ซื้อใจ "เนวิน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
กินข้าวเที่ยงร่วมกันไปแล้วที่บ้านพิษณุโลกระหว่าง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรี "นิพนธ์ พร้อมพันธุ์" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำคนสำคัญพรรคภูมิใจไทย

การนัดครั้งนี้ ทั้ง อภิสิทธิ์ และ สุเทพ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล มีนัยยะทางการเมือง โดยเริ่มจากเป้าหมายรอง ฯพณฯ ท่านทั้งสอง ตั้งใจเชิญ เนวิน มาปลอบอกปลอบใจที่ผลการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดสกลนคร พรรคภูมิใจไทยพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยเจ้าของพื้นที่เดิมแบบยับเยิน

ไม่แพ้เพียงแค่การเลือกตั้ง แต่แพ้บารมีของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้กำลังหนีคุก ที่นำทีมหาเสียงอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการโฟนอิน “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ออดอ้อนขอให้ชาวรากหญ้าเลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยจนสำเร็จ

งานนี้มองกันว่า ทักษิณ หวังเหยียบหน้าเนวิน มากกว่าการกลับเข้าไทย เพราะเจ้าตัวรู้ดีมันเป็นไปได้ยาก ยิ่งกว่าขายฝัน

แต่นั่นเป็นเพียงการแข่งขันสนามเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงเสียงทั้งหมดของคนในภาคอีสาน

เป้าหมายหลัก เพื่อต้องการเคลียร์ใจที่หลายๆ โครงการของพรรคภูมิใจไทยต้องสะดุด ยืดเยื้อ ไม่ราบรื่น หลังเสนอเข้า ครม. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นปมขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย

ไหนๆ มาเจอกันแล้ว อภิสิทธิ์ รีบแจงกลางโต๊ะอาหาร โครงการอะไรที่มีปัญหา และฝืนใจประชาชนให้ชะลอไว้ก่อน โดยจะส่งผู้จัดการรัฐบาลเข้าไปดูแล ไกล่เกลี่ย หาทางลงแบบ “บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น”

งานนี้ศึกในพอคุยกันได้ แต่ศึกนอกที่ต้องรับมือกับทักษิณ หากประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยแตกคอกัน อะไรจะเหลือ รัฐบาลต้องจบเห่

ฉะนั้นต้องยึดคติ “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย”

วันนี้มวลชนเสื้อแดงยังออกฤทธิ์เดช แกนนำหัวขาดยังวางตารางให้ทักษิณโฟนอินเป็นระยะๆ

ที่สำคัญเดือนนี้ต้องจับตาวัน“เบิร์ธเดย์ 26 กรกฎาคม” ของทักษิณ สายลับแจ้งแล้วว่ามวลชนเสื้อแดงจะจัดฉลองวันคล้ายวันเกิดให้นายใหญ่ พร้อมเปิดช่องโฟนอินป่วนเมืองอีกครั้ง

ดังนั้นการนัดกินข้าวครั้งนี้นอกจากการเคลียร์ใจแล้ว มันยังมีเหตุผลเหนือเหตุผล สถานการณ์การเมืองทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ต้องจับมือกันให้เหนียวแน่น กอดคอวางแผนสู้กับ ทักษิณ ในเชิงรุก

ล่าสุดอภิสิทธิ์ ประกาศ พร้อมลงพื้นที่อีสาน เลือกไปจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่แรก โดยการเชื้อเชิญของนายเนวิน ผ่านทางนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่จัดกิจกรรมแน่นเอี๊ยดให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 ก.ค.นี้

1 วันเต็มๆ ของการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ของนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเริ่มจากการพบปะประชาชน เปิดห้องสมุด ดูถนนไร้ฝุ่น ดูสถานีอนามัยที่ได้รับงบประมาณเพื่อให้เป็นโรงพยาบาลสุขภาพชุมชน ดูแหล่งน้ำและอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งนี้ในความเป็นจริงเรื่องการลงพื้นที่พบประชาชน นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้หลังปิดสมัยประชุมสภาฯจะหาโอกาสลงพื้นที่ในหลายๆ แห่ง แต่เนื่องจากต้องเดินทางไปเยือนต่างประเทศหลายประเทศ บวกกับการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ เวลาไม่อำนวย

วันนี้จึงถือโอกาสลงพื้นที่ โดยการเชื้อเชิญของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย สาเหตุที่เลือกพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ปลอดภัย ไม่ถูกต่อต้านและเป็นการซื้อใจนายเนวิน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้จัดตารางการเดินทางลงพื้นที่ให้กับนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เป็นความตั้งใจเดิมของนายกรัฐมนตรีที่อยากจะลงให้บ่อยที่สุด ก่อนหน้านี้นายกฯพยายามลงพื้นที่มาแล้ว แต่ช่วงหลังมีปัญหาม็อบเสื้อแดงขัดขวางการลงพื้นที่ในหลายๆ พื้นที่ โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องด้วย เรื่องจึงชะลอไปพักหนึ่ง

ขณะนี้เห็นว่าเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงมาก ประกอบกับการไม่ไปลงพื้นที่ของนายกฯ เพราะหลีกเลี่ยงการเป็นเงื่อนไขขัดแย้งทางการเมือง กลับกลายเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามไปพูดว่ารัฐบาลไม่ทำงานและพยายามบอกว่ารัฐบาลไปตรงนั้น ตรงนี้ไม่ได้ ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสื้อแดงในการขัดขวาง

"โสภณ ซารัมย์" รมว.คมนาคม แจ้งนายกฯ มา 2-3 อาทิตย์แล้วว่ามีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ อยากจะเชิญนายกฯไป ตรงกับความต้องการของทางฝั่งเราพอดีที่ต้องการไปภาคอีสาน

นายกฯ ระบุเจตนา 2 อย่าง หากไปแล้ว หนึ่งอยากพบประชาชน สองอยากดูพื้นที่ที่มีงบประมาณที่เกิดจากงบเงินกู้ไปลง เพื่อให้เห็นว่าที่มีการโจมตีต่างๆนานาว่างบเงินกู้นี้จะสร้างหนี้นั้น จริงๆ แล้วเป็นโรงพยาบาลชุมชน เป็นสถานีอนามัย ถนนปลอดฝุ่น แหล่งน้ำ เวลานี้ผมกำลังปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับเวลา

ทีมงานจะลงไปสำรวจพื้นที่ในวันอาทิตย์นี้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อว่าสื่อมวลชนจะลงไปด้วยจำนวนมาก และผมเองจะมีทีมงานที่ทำรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ลงไปในพื้นที่ด้วย เพื่อถ่ายทำและเผยแพร่ต่อไป โดยเชิญพิธีกรจากรายการ “คนค้นคน”มาร่วมดำเนินรายการและซักถาม

หลังจากไปอีสาน แผนวางต่อไปเล็งพื้นที่ภาคเหนือเอาไว้ ตรงนี้จะดูวันเวลาอีกครั้ง

"สาทิตย์" ผู้จัดคิวให้"อภิสิทธิ์"บอกว่า วันนี้คนของ"ทักษิณ"พยายามเอาเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองไปขยายผลเพื่อปกป้องทักษิณ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล

แต่รัฐบาลต้องมองข้ามปัญหาความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดเหล่านี้ ต้องมองปัญหาของชาวบ้านมากกว่า

การเลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร ไม่มีอะไรผิดคาด มันไม่มีความหมายอะไรมาก เกาอี้นี้เป็นของฝ่ายค้าน ส่วนกรณีที่บอกว่าเป็นการดวลระหว่างทักษิณกับเนวินนั้น เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่ตัวชี้ของผลที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

"ไม่แปลกใจที่"ทักษิณ"พยายามขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ผมประเมินได้เลยว่า "ทักษิณ"ไม่กล้ากลับประเทศ เพราะกลัวถูกดำเนินคดี จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ถึงขนาดส่งสัญญาณให้สมัครพรรคพวกถวายฎีกาขออภัยโทษ ตรงนี้ถือเป็นการกดดัน มิบังควรที่จะทำ"

ความพยามของทักษิณ จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่สำนึกของคนไทย ที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงและสำนึกของคนที่รับใช้ทักษิณในขณะนี้

ประเทศไทยไม่ควรให้ปัญหาของทักษิณมาเป็นปัญหาชาติ ปัญหาประเทศไทยมีมากกว่าปัญหาส่วนตัวของทักษิณ

ประเด็น"ทักษิณ"ไม่ได้เกิดจากความไม่เป็นธรรมอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง เป็นการทำผิดกฎหมายที่เขียนไว้ก่อนที่"ทักษิณ"จะมาเล่นการเมือง ซึ่งเขียนบังคับกับทุกๆ คน

“ผมไม่คิดว่าคนรากหญ้าในประเทศนี้อยากให้ทักษิณเป็นนายกฯ ทุกคน ฉะนั้นอย่าอ้างว่ารากหญ้าคิดอย่างนี้ ไม่จริง ผมคิดว่ารากหญ้าประเทศนี้เห็นด้วยกับรัฐบาลตั้งแต่ลูกหลานได้เรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ”

หลังลงพื้นที่จะต้องกลับมาประเมินว่าแนวทางที่จะเดินต่อในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านคืออะไร ครั้งต่อไปควรไปดูอะไร

เพราะการลงพื้นที่นอกจากการติดตามผลงาน เราก็ต้องดูด้วยว่าจะต้องมีนโยบายอะไรเพิ่มเติม

“เรื่องการมาขัดขวางเวลานายกฯลงพื้นที่นั้น ผมยังคิดว่าพี่น้องชาวอีสานคงจะรู้ว่ารัฐบาลตั้งใจไปแก้ไขปัญหาให้ เชื่อว่าชาวบ้านจะให้การต้อนรับ เหมือนเป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ “ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” ปัญหาคือ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่อย่าไปขยิบตากับกลุ่มเสื้อแดงมาขัดขวางก็แล้วกัน การลงพื้นที่ของเรา ไม่ได้ท้าทายเสื้อแดง แต่ต้องการให้นายกฯเข้าถึงประชาชน และเห็นปัญหาที่แท้จริงและ เพื่อให้ประชาชนเกิดความอบอุ่น”
กำลังโหลดความคิดเห็น