กินข้าวเที่ยงร่วมกันไปแล้วที่บ้านพิษณุโลกระหว่าง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรี "นิพนธ์ พร้อมพันธุ์" เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำคนสำคัญพรรคภูมิใจไทย
การนัดครั้งนี้ ทั้ง อภิสิทธิ์ และ สุเทพ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล มีนัยยะทางการเมือง โดยเริ่มจากเป้าหมายรอง ฯพณฯ ท่านทั้งสอง ตั้งใจเชิญ เนวิน มาปลอบอกปลอบใจที่ผลการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดสกลนคร พรรคภูมิใจไทยพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยเจ้าของพื้นที่เดิมแบบยับเยิน
ไม่แพ้เพียงแค่การเลือกตั้ง แต่แพ้บารมีของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้กำลังหนีคุก ที่นำทีมหาเสียงอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการโฟนอิน “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” ออดอ้อนขอให้ชาวรากหญ้าเลือกตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยจนสำเร็จ
งานนี้มองกันว่า ทักษิณ หวังเหยียบหน้าเนวิน มากกว่าการกลับเข้าไทย เพราะเจ้าตัวรู้ดีมันเป็นไปได้ยาก ยิ่งกว่าขายฝัน
แต่นั่นเป็นเพียงการแข่งขันสนามเล็กๆ เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงเสียงทั้งหมดของคนในภาคอีสาน
เป้าหมายหลัก เพื่อต้องการเคลียร์ใจที่หลายๆ โครงการของพรรคภูมิใจไทยต้องสะดุด ยืดเยื้อ ไม่ราบรื่น หลังเสนอเข้า ครม. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นปมขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย
ไหนๆ มาเจอกันแล้ว อภิสิทธิ์ รีบแจงกลางโต๊ะอาหาร โครงการอะไรที่มีปัญหา และฝืนใจประชาชนให้ชะลอไว้ก่อน โดยจะส่งผู้จัดการรัฐบาลเข้าไปดูแล ไกล่เกลี่ย หาทางลงแบบ “บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น”
งานนี้ศึกในพอคุยกันได้ แต่ศึกนอกที่ต้องรับมือกับทักษิณ หากประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยแตกคอกัน อะไรจะเหลือ รัฐบาลต้องจบเห่
ฉะนั้นต้องยึดคติ “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย”
วันนี้มวลชนเสื้อแดงยังออกฤทธิ์เดช แกนนำหัวขาดยังวางตารางให้ทักษิณโฟนอินเป็นระยะๆ
ที่สำคัญเดือนนี้ต้องจับตาวัน“เบิร์ธเดย์ 26 กรกฎาคม” ของทักษิณ สายลับแจ้งแล้วว่ามวลชนเสื้อแดงจะจัดฉลองวันคล้ายวันเกิดให้นายใหญ่ พร้อมเปิดช่องโฟนอินป่วนเมืองอีกครั้ง
ดังนั้นการนัดกินข้าวครั้งนี้นอกจากการเคลียร์ใจแล้ว มันยังมีเหตุผลเหนือเหตุผล สถานการณ์การเมืองทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ต้องจับมือกันให้เหนียวแน่น กอดคอวางแผนสู้กับ ทักษิณ ในเชิงรุก
ล่าสุดอภิสิทธิ์ ประกาศ พร้อมลงพื้นที่อีสาน เลือกไปจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่แรก โดยการเชื้อเชิญของนายเนวิน ผ่านทางนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่จัดกิจกรรมแน่นเอี๊ยดให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 11 ก.ค.นี้
1 วันเต็มๆ ของการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ของนายกรัฐมนตรีและคณะ จะเริ่มจากการพบปะประชาชน เปิดห้องสมุด ดูถนนไร้ฝุ่น ดูสถานีอนามัยที่ได้รับงบประมาณเพื่อให้เป็นโรงพยาบาลสุขภาพชุมชน ดูแหล่งน้ำและอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งนี้ในความเป็นจริงเรื่องการลงพื้นที่พบประชาชน นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้หลังปิดสมัยประชุมสภาฯจะหาโอกาสลงพื้นที่ในหลายๆ แห่ง แต่เนื่องจากต้องเดินทางไปเยือนต่างประเทศหลายประเทศ บวกกับการเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ เวลาไม่อำนวย
วันนี้จึงถือโอกาสลงพื้นที่ โดยการเชื้อเชิญของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย สาเหตุที่เลือกพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ปลอดภัย ไม่ถูกต่อต้านและเป็นการซื้อใจนายเนวิน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้จัดตารางการเดินทางลงพื้นที่ให้กับนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การลงพื้นที่เป็นความตั้งใจเดิมของนายกรัฐมนตรีที่อยากจะลงให้บ่อยที่สุด ก่อนหน้านี้นายกฯพยายามลงพื้นที่มาแล้ว แต่ช่วงหลังมีปัญหาม็อบเสื้อแดงขัดขวางการลงพื้นที่ในหลายๆ พื้นที่ โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้องด้วย เรื่องจึงชะลอไปพักหนึ่ง
ขณะนี้เห็นว่าเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงมาก ประกอบกับการไม่ไปลงพื้นที่ของนายกฯ เพราะหลีกเลี่ยงการเป็นเงื่อนไขขัดแย้งทางการเมือง กลับกลายเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามไปพูดว่ารัฐบาลไม่ทำงานและพยายามบอกว่ารัฐบาลไปตรงนั้น ตรงนี้ไม่ได้ ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสื้อแดงในการขัดขวาง
"โสภณ ซารัมย์" รมว.คมนาคม แจ้งนายกฯ มา 2-3 อาทิตย์แล้วว่ามีการจัดกิจกรรมในพื้นที่ อยากจะเชิญนายกฯไป ตรงกับความต้องการของทางฝั่งเราพอดีที่ต้องการไปภาคอีสาน
นายกฯ ระบุเจตนา 2 อย่าง หากไปแล้ว หนึ่งอยากพบประชาชน สองอยากดูพื้นที่ที่มีงบประมาณที่เกิดจากงบเงินกู้ไปลง เพื่อให้เห็นว่าที่มีการโจมตีต่างๆนานาว่างบเงินกู้นี้จะสร้างหนี้นั้น จริงๆ แล้วเป็นโรงพยาบาลชุมชน เป็นสถานีอนามัย ถนนปลอดฝุ่น แหล่งน้ำ เวลานี้ผมกำลังปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับเวลา
ทีมงานจะลงไปสำรวจพื้นที่ในวันอาทิตย์นี้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อว่าสื่อมวลชนจะลงไปด้วยจำนวนมาก และผมเองจะมีทีมงานที่ทำรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ลงไปในพื้นที่ด้วย เพื่อถ่ายทำและเผยแพร่ต่อไป โดยเชิญพิธีกรจากรายการ “คนค้นคน”มาร่วมดำเนินรายการและซักถาม
หลังจากไปอีสาน แผนวางต่อไปเล็งพื้นที่ภาคเหนือเอาไว้ ตรงนี้จะดูวันเวลาอีกครั้ง
"สาทิตย์" ผู้จัดคิวให้"อภิสิทธิ์"บอกว่า วันนี้คนของ"ทักษิณ"พยายามเอาเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองไปขยายผลเพื่อปกป้องทักษิณ ขัดขวางการทำงานของรัฐบาล
แต่รัฐบาลต้องมองข้ามปัญหาความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดเหล่านี้ ต้องมองปัญหาของชาวบ้านมากกว่า
การเลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร ไม่มีอะไรผิดคาด มันไม่มีความหมายอะไรมาก เกาอี้นี้เป็นของฝ่ายค้าน ส่วนกรณีที่บอกว่าเป็นการดวลระหว่างทักษิณกับเนวินนั้น เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่ตัวชี้ของผลที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
"ไม่แปลกใจที่"ทักษิณ"พยายามขัดขวางการทำงานของรัฐบาล ผมประเมินได้เลยว่า "ทักษิณ"ไม่กล้ากลับประเทศ เพราะกลัวถูกดำเนินคดี จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ถึงขนาดส่งสัญญาณให้สมัครพรรคพวกถวายฎีกาขออภัยโทษ ตรงนี้ถือเป็นการกดดัน มิบังควรที่จะทำ"
ความพยามของทักษิณ จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่สำนึกของคนไทย ที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงและสำนึกของคนที่รับใช้ทักษิณในขณะนี้
ประเทศไทยไม่ควรให้ปัญหาของทักษิณมาเป็นปัญหาชาติ ปัญหาประเทศไทยมีมากกว่าปัญหาส่วนตัวของทักษิณ
ประเด็น"ทักษิณ"ไม่ได้เกิดจากความไม่เป็นธรรมอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง เป็นการทำผิดกฎหมายที่เขียนไว้ก่อนที่"ทักษิณ"จะมาเล่นการเมือง ซึ่งเขียนบังคับกับทุกๆ คน
“ผมไม่คิดว่าคนรากหญ้าในประเทศนี้อยากให้ทักษิณเป็นนายกฯ ทุกคน ฉะนั้นอย่าอ้างว่ารากหญ้าคิดอย่างนี้ ไม่จริง ผมคิดว่ารากหญ้าประเทศนี้เห็นด้วยกับรัฐบาลตั้งแต่ลูกหลานได้เรียนฟรี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ”
หลังลงพื้นที่จะต้องกลับมาประเมินว่าแนวทางที่จะเดินต่อในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านคืออะไร ครั้งต่อไปควรไปดูอะไร
เพราะการลงพื้นที่นอกจากการติดตามผลงาน เราก็ต้องดูด้วยว่าจะต้องมีนโยบายอะไรเพิ่มเติม
“เรื่องการมาขัดขวางเวลานายกฯลงพื้นที่นั้น ผมยังคิดว่าพี่น้องชาวอีสานคงจะรู้ว่ารัฐบาลตั้งใจไปแก้ไขปัญหาให้ เชื่อว่าชาวบ้านจะให้การต้อนรับ เหมือนเป็นธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ “ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ” ปัญหาคือ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่อย่าไปขยิบตากับกลุ่มเสื้อแดงมาขัดขวางก็แล้วกัน การลงพื้นที่ของเรา ไม่ได้ท้าทายเสื้อแดง แต่ต้องการให้นายกฯเข้าถึงประชาชน และเห็นปัญหาที่แท้จริงและ เพื่อให้ประชาชนเกิดความอบอุ่น”